วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559

เรื่องป่าๆ

เมื่อต้นเมษายนนี้ ได้มีโอกาสตระเวณน่านช่วงสั้นๆอีกครั้ง เห็นการทำลายป่าต้นน้ำ เห็นเขาหัวโล้น เหมือนที่เราเห็นๆกันตามสื่อหลายๆแขนง จึงนึกอยากนำเสนอมุมมองส่วนตัว มาให้พิจารณากัน...

ก่อนอื่นต้องบอกว่า ก็เห็นเขาหัวโล้นเหมือนที่เราเคยเห็นๆกันนั่นแหละ
แต่เพราะไปในช่วงหน้าแล้งจึงได้เห็น.... ควันไฟ.... มากเป็นพิเศษ..... ทั้งควันที่หนาทึบพวยพลุ่งขึ้นทองฟ้า อันเนื่องจากเพลิงที่กำลังลุกใหม้อยู่ในหุบ ในห้วย...
รวมทั้งตลอดเวลาและไม่ว่าจะอยู่ที่จุดใดของน่าน ไม่เว้นแม้แต่ที่จุดชมวิวทุกจุดที่แวะไป เป็นต้องเห็นฟ้าอันขมุกขมัวด้วยควันสีฟ้าจางๆ ลอยตลบอบอวลอยู่ในบรรยากาศ...
นี่ยังไม่นับ เปลวไฟที่ลุกโชนบนเนินเขา เมื่อมองจากร้านอาหารที่ชื่นชมกันว่าวิวสวย...

ไม่อยากบ่นพึมพำ เหมือนตาแก่ที่หาทางออก ให้กับปัญหาของตนเองไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นปัญหาที่รุนแรงในระดับวิกฤตของชาติ
ไม่อยากชี้นิ้วตำหนิ ด่าว่าใคร โยนความรับผิดชอบ ไปให้ใครๆทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการในพื้นที่.... มหาเศรษฐีผู้ค้าวัสดุการเกษตรและอาหารสัตว์... คนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ที่ตัดไม้ทำลายป่า...
รวมทั้งผู้คนในแอ่งรับน้ำ ที่ไหลมาจากขุนเขาเหล่านี้ ไม่ว่าเขาจะเป็นเกษตรกร... เจ้าของร้านอาหาร/โฮมสเตย์ ร้ายขายของฝาก ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ.... ที่มัวสาละวนอยู่กับการประกอบสัมมาชีพของตน และมองไม่เห็นปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า ที่ใครๆก็สามารถสัมผัสได้ ในทุกอนูของเมืองน่าน.....

เพราะไม่เชื่อว่า วิธีดังกล่าวจักส่งผลทางบวกต่อการแก้ไขปัญหานี้ อย่างเป็นรูปธรรมแต่ประการใด

แต่อยากเชิญชวน... อยากท้าทาย... ให้ทุกคนที่เคยบ่น เคยโวยวาย เคยโพสท์ เคยแชร์ เคยเม้นต์ ในเรื่องนี้
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักกิจกรรมเพื่อสังคมตัวยง หรือจะเป็นนักวิจัยหัวฟูที่ขลุกอยู่แต่ในห้องทดลอง
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้บริหารระดับสูงในเมืองหลวง คุ้นชินกับการบินสูง มองภาพแบบ Macro ได้ชัดเจน หรือจะเป็นข้าราชการตัวเล็กจ้อยอยู่กลางป่ากลางเขา ที่สัมผัสกับข้อมูลในพื้นที่แบบ Micro มานานปี
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้มีฐานะดีในสังคมไทย หรือจะเป็นแค่นิสิต/นักศึกษาที่ยังแบมือขอเงินจากผู้ปกครอง
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียนนอกจากสถาบันมีชื่อระดับโลก หรือจะเป็นแค่เด็กมัธยมจากชายแดนน่าน
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเดินทางตัวยง ที่รู้เห็นและแชร์เรื่องราวดีๆในประเด็นเหล่านี้ มาทั่วโลกและนับไม่ถ้วนแล้ว หรือ จะเป็นข้าราชการน้ำดี ซีต่ำๆ ในชนบทอันห่างไกลความเจริญ ที่อยู่ในสภาพน้ำเสียท่วมปาก พูดไม่ได้ ร่ำไห้มิออก...
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ...........................................
ขอแค่เป็นคนที่อึดอัด คับข้องใจในประเด็นการตัดไม้ทำลายป่า ของประเทศไทย ก็พอแล้ว

อยากท้าทายให้คิด.... อยากท้าทายให้ท่านถามตัวท่านเอง อย่างจริงๆจังๆว่า...............
เชื่อกันจริงๆหรือว่า การผลักดันให้คนโน้น คนนี้ มาแก้ไขปัญหานี้ จักได้ผลดี กว่าการเริ่มต้นที่ตัวเราเอง ?????
เชื่อกันจริงๆหรือว่า ความรับผิดชอบต่อผลร้ายที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นหน้าที่ของคนอื่น ไม่ใช่ภาระความรับผิดชอบของตัวเราเอง  ?????
หรือว่า... เราอับจนปัญญา และไร้ความมานะพยายาม ที่จะแก้ไขปัญหานี้ กันจริงๆแล้ว ??????

ใครอยากแชร์โพสท์นี้ ก็เชิญแชร์ แต่... อย่าแค่แชร์แล้ว ก็แล้วกันไป... ใคร่ขอให้คิด ใคร่ขอให้ไตร่ตรองจริงๆจังๆว่า....
สถานะของคุณในวันนี้ คุณสามารถแบ่งปันสิ่งใดได้บ้าง เพื่อช่วยลดความรุนแรงของการตัดไม้ทำลายป่าลง โดยไม่สร้างความเดือนร้อนให้ตัวคุณและคนรอบข้างคุณ
เหมือนที่โจอี้บอย คุณสุหฤทธิ์ และคุณเจเจตริน(ค้นลิงค์ไม่เจอ) ได้ประกาศตัวออกมาแล้ว ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมา.... ตามลิงค์ด้านล่างนี้

https://web.facebook.com/joeyboy.bkk.5/posts/10153939458420339?comment_id=10153939476745339&reply_comment_id=1000649176691385&notif_t=feed_comment_reply&notif_id=1461328399524316
http://www.nationtv.tv/main/content/social/378498989/

อยากชวน.... ชวนให้มาสุมหัวกัน มาหาคำตอบ มาหาวิธีการ และ มาร่วมกันลงมือทำ.... เพื่อให้ป่าเมืองน่าน และพื้นที่อื่นๆของประเทศไทย ฟื้นตัวให้ได้มากที่สุด และ เร็วที่สุดเท่าที่คนรุ่นเราจักทำได้
อย่าบอกว่ามันยาก แล้วก็วางเฉย บ่นงึมๆงำๆอยู่คนเดียว... เพราะยิ่งยากเท่าไร ก็ต้องรีบเข้าช่วยกันทำให้สำเร็จ ให้เร็วขึ้นเท่านั้น
เพราะรู้ตัวดีว่า เป็นแค่คนในภาคสนามตัวเล็กๆ ไม่ใช่ผู้บริหารโครงการขนาดใหญ่ ที่จักก้าวเข้ามานำทัพของพวกเรา เข้าชนกับปัญหานี้
จึงขอเป็นน้ำในแก้วเล็กๆ ที่พร้อมจะราดรดลงบนผืนดินอันแห้งผากของเมืองน่าน ด้วยหวังเพียงว่า คงจะมีภาชนะบรรจุน้ำ อีกหลากหลายขนาด บรรจุน้ำเข้าขบวนเดินตามกันมา....
แต่.... คงไม่ใช่แค่นำน้ำเท่าที่แต่ละคนมี ไปรดดินอันแห้งผาก แล้วก็จักปรากฏป่าทึบขึ้น อย่างทันตาเห็น ตรงกันข้าม หากต้องการเอาชนะปัญหานี้ให้ได้จริงๆ เราต้องระดมความคิด ระดมกำลังพล สร้างเครือข่าย ฯลฯ ฯลฯ กันอย่างจริงๆจังๆ

ด้วยเหตุนี้ จึงต้องฝากถามทุกคนที่อ่านโพสท์นี้ว่า..................
วันนี้ วันที่มีบางคนก้าวออกมาแล้ว เราจะสานต่อพลังทางบวกเหล่านี้ กันต่อไปอย่างไร ให้บังเกิดผลที่เป็นรูปธรรม อย่างแท้จริง ?
นักสื่อสารสังคม ผู้ชำนาญการ Start-up นักบริหารโครงการ นักระดมทุน นักบัญชี นักวิชาการ นักการป่าไม้ คนเล็กคนน้อยในสังคมนี้ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ....
ลองเสนอไอเดีย ลองเริ่มต้นรวมกลุ่ม ลองวางแนวคิดในการบริหาร เพื่อเริ่มขับเคลื่อนความคิดนี้ ให้เป็นจริงเป็นจังขึ้นโดยเร็ว จะดีไหม

หรือจะรอให้คนรุ่นหลังๆ ก่นด่าพวกเราว่า คนในยุคนี้ ทั้งคนใน เจน X, เจน Y, เจน Z  หรือว่า เจนไหนๆก็เถอะ ดีแต่บ่น ดีแต่พ่นพล่ามไปวันๆ โดยไม่ลงมือทำ
หรือสักแต่ทำ เพียงเพื่อให้เป็นสัญญลักษณ์ โดยไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมแต่ประการใด
จะให้คนรุ่นหลังๆ ก่นด่า ตำหนิคนรุ่นเรา ที่ไม่ทำสิ่งที่สามารถทำได้ ให้บรรลุผลจริงๆจังๆ และ ปล่อยให้ประเทศไทยกลายเป็นทะเลทรายไปในที่สุด....

ดูเหมือนเราจะมาถึงทางสองแพร่งแล้ว เราจะปล่อยให้การตัดไม้ทำลายป่า ยังดำเนินต่อไป หรือจักลุกขึ้นมาทำสิ่งที่คนรุ่นเราต้องทำ เพื่อลูก เพื่อหลานของเราในวันหน้า...
เราจะเลือกทางใดดี ?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น