วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ประวัติภาษา

ภาษาทั่วๆส่วนมากในโลกล้วนคิดประดิษฐ์เอาลายเส้นเรียกว่าตัวอักษร และ เอาลายเส้นอีกพวกแทนโทนเสียง ที่เรียกว่า สละ แล้วเอาลายเส้นที่ว่าผสมกันเปลี่ยน ตำแหน่งกันไปมา โดยเอาพื้นฐานที่คุณ Nti ว่าเป็นเกณฑ์พื้นฐานทั้งการออกเสียง และความหมาย (สมัยก่อนไม่มีการเขียนมีแต่วาด)ใช้สื่อสารด้วย เสียง ท่าทางและภาพวาด ) ผสมกันไปผสมกันมา เป็นหลักภาษาและคำศัพท์ ให้ลูกหลายชมชนนั่นๆใช้สื่อสารกัน เช่น ภาษาอาราบิก ที่ประเทศอิสลามใช้กัน ภาษาอินเดีย พม่า ไทย อังกฤษฯลฯ ล้วนประดิษฐ์อักษรและสละจากลายเส้น แต่ใช้ลายเส้นที่ไม่เหมือนกันเท่านั้น แต่ ก็มีอีกพวกนึงที่คิดการสื่อสารโดยการใช้การเขียน ภาษาที่แตกต่างออกไป คือ ภาษาที่ไม่ได้เกิดจาก ลายเส้น แต่เกิดจากภาพที่เห็นแล้ววาดให้เหมือนเอามาแทนเป็นความหมายเลย เราเรียกว่า ""ภาษาภาพ""ครับ เช่น ภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ....แบบนี้จำกันเป็นตัวๆไปเลย เช่น  ^ รูปนี้เหมือนหลังคาบ้าน เราจะเห็นรูปนี้ อยู่ ในอักษรจีนที่แปลว่าบ้านอยู่ด้วย ภาษาจีนสมัยก่อน ไม่เป็นเหลี่ยมสวยเป็นระเบียบแบบนี้ มันจะเป็นเหมือนภาพวาดมากกว่า โค้งมนอ่อนช้อย  แต่เดี๋ยวนี้ ดัดแปลงให้ดูเรียบร้อยเป็นทางการขึ้นเพราะต้องใช้กัยบรรทัดบนสมุดบ้าง ใช้ในคอมบ้าง จะอิสละเหมือนแต่ก่อนไม่ได้..pjmong..

เรื่องภาษาอังกฤษ

  ขอคุยเรื่องภาษาอังกฤษอีกสักเรื่องครับ คือ ภาษาอังกฤษเนียะส่วนตัวแล้ว มันยากตรงที่ มันเป็นภาษาที่ไม่มีวรรณยุกต์ เวลาจะสื่อให้เห็นถึงอารมณ์ของประโยคจึงใช้การเน้นพูดเสียงสูงต่ำ ดังนั้นมันจะง่ายกว่าภาษาไทยถ้าใช้พูด แต่ถ้าใช้เขียน มันจะด้อยกว่าภาษาไทย ตรงที่ภาษาไทยเวลาเขียน นั้นสามารถหาคำที่มาใช้แสดงอารมณ์ได้
ทีนี้ถ้าเราจะพัตนาการใช้ภาษาอังกฤษ ด้วยการเขียนเนียะ เราก็ต้องใช้มันแบบไม่เครียดเพราะ ถ้าเราใช้ภาษาในสภาพที่เราไม่เก่ง ที่งแกรมม่าและคำศัพท์ ถ้าเราพยายามจะให้มันถูกต้องมากที่สุด ถ้าตั้งใจและไม่เครียดก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ถ้าฝืนมากๆมันจะล้า สุดท้ายก็จางหายไปจากเพื่อนๆ ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากเห็นทุกๆวันคือ
1.ลงโพสมากๆ บ่อยที่สุด อะไรก็ได้ ถ้าทุกคนลงมากๆบ่อยๆ จะช่วยให้คนอื่น เห็นถูกเห็นผิดได้มากไปด้วย
2.ผิดถูกไม่ต้องสนใจ อาศัยหลักที่ว่าผิดก่อนเดี๋ยวดูคนอื่นไปด้วยบ่อยๆนานๆเดี๋ยวค่อยๆแก้ตัวเิงไปด้วย ครั้งต่อไปถ้ารูปแบบคล้ายๆกันเราก็ค่อยเพิ่ม ค่อยๆแก้ไขใส่ลงไปใหม่
3.คนเก่งอย่ากลัวเพื่อนโกรธ ถ้ากลัวเพื่อนโกรธ เราไม่ใช้คำว่า..""แก้ให้."""ก็ได้ แต่เราใช้คำว่า..ช่วยบอกกันก็ได้..
4.ถ้าเพื่อน."""บอกกันให้รู้.."" อย่าโกรธกันคิดง่ายไว่า กว่าใครสักคนที่เขาอุตส่าห์นั่งเสียเวลา ""บอกเราให้รู้""นั่นเราต้องเสียสละความรู้ที่กว่าเขาจะได้มา เสียว่าลามานั่งพิมพ์ให้เรา ผมว่าเขาไม่ทำจะดีกว่า เก็บไว้เก่งคนเดียวดีกว่า ส่วนเรา ใช้เวลาไม่ถึงวินาที อ่านสิ่งที่เขา เสียเวลาสละให้เรา อ่านแล้วรู้ได้ทันทีไม่ต้องลงทุนอะไรเลย  นอกจากจะไม่โกรธแล้วต้องขอบคุณด้วยครับ เขาได้มีกำลังใจช่วยลดเวลาให้เราไปอีกนานๆ
  ....ถ้าจะพัตนาไปได้เร็ว สำเร็จ ข้อ 3 และข้อ 4 นี่สำคัญมากๆที่สุดเลยสำหรับผม
     สำหรับข้อ 1 และข้อ 2 นั้น ทำให้เราขยันเสริมทักษะทุกวัน เพราะภาษาจะเก่งได้ต้องใช้ให้มาก และบ่อยที่สุด จากผิดจะค่อยๆไปหาถูก แต่อย่าห่างหายไป วันละประโยคทุกคน แระโยคซ้ำๆไปก่อนก็ได้ เบื่อแล้วค่อยหาประโยคอื่นมามั่งก็ได้
     ปมนะสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหลายท่านเลย แม้แต่ตัวผมเอง นี่ไม่กี่วันนะเนียะ อย่างน้อยผมก็พิมพ์ เก่งขึ้นคล่องขึ้นทั้งไทยและ Eng   โพสเนียะผมใช้เวลาพิมพ์ไม่นานเลยนะ...โชดดีเพื่อนๆ,.....pjmong..

ประวัติของกลุ่มไลน์ ภาษาอังกฤษ

สวัสดีครับ วันนี้ขอคุยเรื่องอดีตหน่อยครับ
  คือวันนึงผมคิดขึ้นมาว่า ภาษาที่เรามีอยู่มันจะลืมหมดแน่ๆ ยี่สิบปีไม่ได้ใช้เลย ทำไงถึงจะฟื้นมันได้หรืออย่างน้อยก็รักษาไว้บ้างก็ยังดี    ทะดวกที่สุดที่เราจะทำได้คือ พูดๆๆๆคุยๆๆๆ ฟังๆๆ แต่โอกาสคงจะไม่มีแล้วงานเยอะเหลือเกิน กิจกรรมก็เยอะ คิดแล้วเปิดกลุ่มไลน์ให้คนที่สนใจ
รวมกันดีกว่า หลายคนหลายประสบการณ์ช่วยกันเร็วกว่าคนเดียว ได้เพื่อนร่วมความโครงการด้วย 
  คิดได้อย่างนี้เลยหาชื่อจากคนที่สนใจอยู่แล้ว เลยขอเป็นเพื่อน มาได้ 3 คน คือ ผู้หญิง 2 ท่านคือ คุณชมพู่(poohInUSA)อยู่เมกา,คุณLecc(อยู่เมกาอีกคน) และขายไทย คือคุณ Nti add เป็นเพื่อนแล้ว แต่เป็นเพื่อนส่วนตัว ทีละคน ทีนี้ก็คุยถึงอยากเปิด
กลุ่มภาษาอังกฤษทางไลน์ ทุกคนก็เห็นดีด้วย (ทั้งสามคนยังไม่รู้จักกันเลย มีผมคนเดียวที่รู้จักทุกคน) ทีนี้มาติดเรื่องกติกาว่าจะตั้งกันยังไง ต้องให้การพัตนาไปได้ดีที่สุด ลดปัญหาอื่นๆที่อาจจะเกิด รองรับอนาคตกลุ่มอาจจะใหญ่ขึ้นมีเยาวชน มีหลากหลายความรู้ หลายวัย ต้องไม่เครียด ต้องไม่เกร็ง และต้องระวังเรื่องอื่นๆที่อาจก่อปัญหาในกลุ่มด้วยเช่นการเมือง ทั้งสามท่านก็ให้ผมเป็นคนคิดกติกา ก็ใช้เวลาอยู่เป็นอาทิตย์เสร็จแล้วก็ส่งให้ทั้งสามท่านดู ทุกคนก็เห็นด้วย เมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็ตั้งกลุ่มเลย อ้อ..ชื่อกลุ่มเนียะคุณ Lecc กรุณาตั้งมาให้ แต่ให้ผมเป็นคนตั้ง ( admin) ตั้งได้ก็add ทั้งสามเข้ามารู้จักกันเลย ต้องถือว่าทั้งสามท่านเป็นผู้เริ่มตั้งกลุ่มกันมากับผม(pioneer =ผู้ก่อตั้ง)  ผมค ดถึงเพื่อนคนนี้อีกคนที่ไม่ค่อยเห็นเข้ามาคุยกันเลย คงมีแต่สามคนที่เหลือ คือ คุณ poohInUSA  คุณNti และผมอีกคน คอยต้อนรับเพื่อนๆ
   ก็ยอมรับนะครับว่าไม่เคยคิดว่ากลุ่มจะใหญ่ขึ้น เปิดยังไม่นานมีสมาชิกขนาดนี้แล้ว ดีใจครับ
     โครงการนี้บอกตามตรง ว่าท้ามายมากๆครับ การพัตนาภาษาโดยผ่านทางไลน์ ไม่เหมือนการพัตนาแบบอื่น เพราะการใช้ไลน์คือการเขียนเป็นส่วนใหญ่ แต่การพัตนาเพียงเพื่อการใช้ติดต่อพูดคุยได้ ไม่ต้องถึงขนาดเป็นนักเขียน แต่การใช้ไลน์มะนต้องเขียน ทีนี้ปัญหามันก็เกิดคือ กว่าจะเขียนให้คนอื่นรู้เรื่องได้ ไหนจะศัพท์ ไหนจะไมยากรณ์ กว่าจะได้สักประโยค เลิกโพสดีกว่า เจอแบบนี้กันทุกคน คนเก่ง(มากๆ) จะเจอน้อยกว่า แต่แน่ใจเถอะว่า ขนาดฝรั่งบางคนยังบอกเลยว่า ให้เขียนยังเขียนผิดเลยเพราะวันๆไม่ค่อยได้เขียน ก็ลองเปรียบดูซิ เราคนไทยหลายคนทำงานแบบไม่เกี่ยวข้องกับการเขียนเลย  ไม่เคยเขียนมาตลอดเป็นสิบๆปี หรือตั้งแต่เรียนจบมาก็ทำงานที่ไม่ต้องใช้การเขียนเลย  ฝรั่งก็เหมือนกันนั่นแหละ  นับประสาอะไรกับคนไทยเขียนภาษาฝรั่ง
  ผมจึงออกกติกาไว้ให้การใช้การพัตนาในห้องนี้ เมื่อมันต้องใช้การเขียนเพื่อสื่อสาร แต่เราต้องการพูดกับฟัง ก่อนการเขียน ก็ให้เขียนเป็นภาษาพูดมันเสียเลย คือพูดด้วยการเขียนนะครับ แกรมม่าไม่ได้ก็ยังไม่เน้น เอาเท่าที่ได้ เอาที่เข้าใจ นึกศัพท์ไม่ได้ว่าเขียนยังไงก็ทับศัพท์เป็นภาษาไทยเสียเลย..
  จาก pjmong ครับ...

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559

นิสัยเสียที่ต้องรีบขจัด

...ลองนึกแล้วจับมันออกไป นิสัยเสียพวกนี้ บางท่านอาจจะยากไปแต่คนที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่ว่าเขาพร้อม แต่พวกเขาอดทนที่ทำจนสำเร็จต่างหาก

1. ไม่มีความรับผิดชอบ (ต่อชีวิตตนเอง) - ไม่เคยคิด..ว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความคิดและการกระทำของตัวเอง กลับกัน..ชอบโทษโน่นโทษนี่เป็นประจำ โทษกระทั่งว่าเพราะตัวเองไม่โชคดีเหมือนคนอื่น

2. ผัดวันประกันพรุ่ง - อยากทำแต่กลัวเหนื่อย กลัวผิดพลาด และอีกเหตุผลต่างๆนานา

3. ชอบรอให้ทุกอย่างเพอร์เฟ็คก่อน - ความสมบูรณ์แบบไม่มีจริงในโลก หลายคนอ้างว่ารอโน่นรอนี่ ต้องคิดให้ตกผลึกก่อนหละ ต้องวางแผนให้สมบูรณ์ก่อนหละ ต้องเงื่อนไขโน่นนี่นั้นพร้อมก่อนหละ แบบนี้ก็คอยไปเถอะ

4. กลัวถูกวิพากษ์วิจารณ์ - จะขยับทำอะไรก็ไม่กล้า กลัวคนนั้นจะว่าอย่างนี้ กลัวคนนี้จะว่าอย่างนั้น

5. กลัวความล้มเหลว - ก็เลยไม่ลงมือทำอะไรซะที

6. โคตรขี้เกียจ - นิสัยแบบนี้ บอกได้เลยว่าประสบความสำเร็จยากครับ

7. ไม่มีความเป็นต้นแบบและความสร้างสรรค์ - คอยแต่ละลอกเลียนแบบเขา ไม่เคยคิดเอง ไม่เคยสังเคราะห์ความรู้เอง ไม่เคยสร้าง/คิด/ขีด/เขียนอะไรขึ้นมาเป็นคนแรก ไม่เคยคิดจะเรียนรู้แล้วเอามาประยุกต์ใช้

8. ทำคนเดียวทุกอย่าง - แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จ และคนเราก็ไม่ได้เก่งทุกอย่างซะที่ไหน ควรหาทีมงาน หรือร่วมมือกับคนเก่งที่จะช่วยมาเติมเต็มให้เรา

9. ไม่มีความกตัญญูรู้คุณ - นี่เป็นคุณสมบัติข้อแรกๆ ที่คนจีนสอนลูกหลาน

10. เจ็บแล้วไม่จำ - คนเราผิดพลาดได้ ล้มลุกคลุกคลานได้ แต่ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดเดิมๆ อย่าผิดท่าเดิม อย่าล้มแบบเสียเวลาเปล่า

11. ไม่เชื่อตัวเอง - แค่กับตัวเองยังไม่มีความเชื่อมั่นเลยว่าจะทำได้ แล้วจะเอาทัศนคติไหนไปสู้กับปัญหาล่ะ

12. ขาดความสม่ำเสมอ - ไม่มีความคงเส้นคงวา ไม่มีน้ำอดน้ำทน ประเด็นนี้ก็สำคัญมากครับ

13. หยุดพัฒนาตัวเอง - หยุดอยู่กับที่..ก็เหมือนถอยหลังเข้าคลอง ว่ากันว่า เมื่อไหร่ที่คุณหยุดพัฒนาตัวเอง..เมื่อนั้นคุณ fail ละ คนจะประสบความสำเร็จได้ต้องหมั่นลับคมอยู่เสมอ

Cr. รู้ยัง

1 แชร์ 1 ธรรมทาน
เป็นบุญกุศลมากสำหรับผู้ส่ง-ผู้รับ
ไลค์/แชร์กันเยอะๆนะค่ะ

@เพจอยากเล่าบอกต่อ
----------------------------------------------
สำหรับคนที่ชอบหลากหลายความรู้ความคิด
บทความดีๆและคติสอนใจ
การเป็นอยู่ของมนุษย์.  ธรรมมะ
แนะนำเพจนี้เลยเพจอยากเล่าบอกต่อ

จิ้มเลยยยย
>>  http://line.me/ti/p/%40prx8682r

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559

a few /few

HOTLINE : 080-436-4848

เรียน IELTS กับสถาบันที่สอน เพื่อสอบ IELTS โดยเฉพาะ

 ประกาศ

คอร์สเรียน IELTS เดือนมิถุนายน วันเสาร์-อาทิตย์ เริ่ม 19 มิถุนายน, วันธรรมดาช่วงบ่าย เริ่ม 22 มิถุนายน เดือนกรกฎาคม วันธรรมดาช่วงเย็น เริ่ม 13 กรกฎาคม ตรวจสอบเวลาเรียนจากตารางได้เลยค่ะ

คอร์สเรียน Fundamentals of Academic Writing วันธรรมดาช่วงบ่าย เริ่ม 5 กรกฎาคม, วันธรรมดาช่วงเย็น เริ่ม 7 กรกฎาคม, วันเสาร์-อาทิตย์ เริ่ม 9 กรกฎาคม คอร์สนี้เต็มเร็ว หากสนใจแนะนำให้โทรจองที่ก่อนเลยค่ะ

คอร์สเรียน Grammar Brush up วันเสาร์-อาทิตย์ เริ่ม 2 กรกฎาคม, วันธรรมดาช่วงเย็น เริ่ม 11 กรกฎาคม ค่ะ

คอร์สเรียน Intensive IELTS Writing วันธรรมดาช่วงเย็น เริ่ม 4 กรกฎาคม, วันเสาร์-อาทิตย์ เริ่ม 16 กรกฎาคม ค่ะ

คอร์สเรียน Speaking & Pronunciation for IELTS วันธรรมดาช่วงบ่าย เริ่ม 8 กรกฎาคม, วันเสาร์-อาทิตย์ เริ่ม 23 กรกฎาคม ค่ะ

คอร์ส English for Academic Purpose (Pre-Sessional English) วันธรรมดาช่วงบ่าย เริ่ม 12 กรกฎาคม, วันเสาร์-อาทิตย์ เริ่ม 14 สิงหาคม ค่ะ

HomeIELTS BLOGBlogGrammar ใครว่ายาก? เทคนิคการใช้ Few, A few...

Grammar ใครว่ายาก? เทคนิคการใช้ Few, A few, Little, A little

Posted June 15, 2015 by IELTS INSTITUTE in Blog, GRAMMAR TIPS  48709 0 2

เทคนิคการใช้  Few, A few, Little, A little

คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้บอกจำนวน มีอยู่หลายคำ หากไม่ได้บอกเป็นตัวเลขตรงๆ ก็มักจะบอกแบบรวมๆว่ามากหรือน้อย วันนี้ลองมาดูคำว่า ”น้อย” กันก่อนละกันนะคะ

การใช้ Few, A few, Little, A little ทั้ง 4 คำนี้ มีความหมายเหมือนกัน คือ แปลว่า เล็กน้อย หรือ นิดหน่อย แต่ทั้ง 4 คำนี้กลับมีการใช้งานที่แตกต่างกัน สำหรับเทคนิคโครงสร้างการใช้งาน สามารถแยกออกได้ 5 รูปแบบ ดังนี้ค่ะ

1. a few กับ few : ทั้งคู่มีความหมายว่า นิดหน่อย, เล็กน้อย แต่ a few จะมีจำนวนมากกว่า few (a few > few) เราจะใช้ a few กับ few คู่กับนามนับได้ที่เป็น พหูพจน์ (plural countable noun) เสมอ
a few / few + plural countable noun
a few / few students,

a few / few cats,

a few / few dogs,

a few / few friends,

a few / few books, etc.

 

2. a little กับ little: 2 คำนี้มีความหมายว่า นิดหน่อย, เล็กน้อย เช่นเดียวกัน แต่ a little จะมีจำนวนมากกว่า little และเราจะใช้ a little กับ little คู่กับ นามนับไม่ได้ (uncountable noun) เสมอ
a little / little + uncountable noun
a little / little money,

a little / little water,

a little / little food,

a little / little milk,

a little / little bread, etc.

 

3. a few กับ a little: 2 คำนี้มีความหมายว่ามีนิดหน่อย เล็กน้อย แต่ยังพอมีอยู่ ยังมีเพียงพอ ยังเป็นที่พอใจ ซึ่งเราจะใช้ทั้่ง 2 คำนี้กับสถานการณ์หรือประโยคที่มีความหมายในเชิงบวก (positive idea)
a few / a little + positive idea
Fon : Let’s go to the cinema tonight.   ฝน: ออกไปดูหนังกันเถอะคืนนี้
Bom: Ok, I’ve a little money.   บอม: โอเค ฉันมีเงินอยู่นิดหน่อย (เพียงพอที่จะไปดูหนังได้)

There are a few problems at work. มันมีปัญหานิดหน่อยในที่ทำงาน (มีปัญหาแต่ก็พอแก้ไขได้)
I’ve a little water. Let’s drink together.  ฉันมีน้ำอยู่นิดหน่อย มาดื่มด้วยกันเถอะ (มีเพียงพอที่จะแบ่งคนอื่น)

I’m not lonely because I’ve a few good friends.  ฉันไม่เหงาเลยเพราะฉันมีเพื่อนที่ดีอยู่บ้าง (ถึงจะมีน้อยแต่ก็พอใจ)

 

4. few กับ little: ทั้งคู่มีความหมายว่ามีน้อยมาก แทบจะไม่มี มีไม่พอ ไม่พอใจกับจำนวนที่มี มีน้อยกว่าที่เราคาดหวังจะให้มี ซึ่งเราจะใช้ 2 คำนี้กับสถานการณ์หรือประโยคที่มีความหมายในเชิงลบ (negative idea)
few / little + negative idea

Only few people can afford to pay such prices. มีคนน้อยมากที่จะสามารถจ่ายในราคานี้ (แทบจะไม่มีใครจ่ายไหว)

There seems little hope. มันเหมือนกับจะมีความหวังเล็กๆ (มีน้อยมากจนแทบไม่มีอยู่เลย)
Few people attended the meeting yesterday. เมื่อวานนี้แทบจะไม่มีคนเข้าประชุมเลย

In summer, there is little water in the canal. ในหน้าร้อน แทบจะไม่มีน้ำอยู่ในลำคลอง

 

5. เราสามารถใช้ few กับ little ซึ่งเป็น negative idea คู่กับ คำนามที่เป็นสิ่งที่เราไม่อยากได้เพื่อให้ประโยคนั้นมีความหมายในเชิงบวกได้ (negative + negative = positive) เช่น
Luckily, they’ve few problems.   โชคดีที่พวกเขาเจอปัญหาเพียงเล็กน้อย
It’s good that there’s little crime in my town.   มันดีที่หมู่บ้านของฉันมีอาชญากรรมน้อยมาก (น้อยจนแทบไม่มี⇒กลายเป็นเรื่องดี)

สรุปการใช้งาน!!  Few / A few + นามนับได้พหูพจน์  ส่วน Little / A little + นามนับไม่ได้  และ

ถ้ามี Article “A” นำหน้า  ความหมายจะเป็นเชิงบวก  แต่หากเราตัด Article “A” ที่นำหน้าออก  ความหมายจะเป็นเชิงลบทันทีค่ะ

เห็นไหมคะ วิธีการใช้งาน Few, A few, Little, A little ทั้ง 4 คำ ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ

Oxbridge IELTS Institute

Please follow and like us:

Tags: A few, A little, Few, Little, เทคนิคการใช้ A Few/Few, เทคนิคการใช้ Few, เทคนิคการใช้ Little,เทคนิคการใช้ Little/A Little

About IELTS INSTITUTE

สถาบัน OXBRIDGE (ชื่อเดิม IELTS INSTITUTE) ก่อตั้งในปี 2008 โดยคณาจารย์ที่จบเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง และสอนในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ผู้มีใจรักในการสอนภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ คณาจารย์ส่วนใหญ่ที่จบการศึกษาระดับปริญญาโท-เอกจากสหราชอาณาจักรด้วยนี้ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสถาบันภาษาที่นอกจากจะสอนเพื่อการเตรียมสอบ IELTS โดยเฉพาะแล้ว ยังเล็งเห็นความสำคัญที่จะพัฒนาพื้นฐานภาษาอังกฤษของผู้เรียนให้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นอีกด้วย

Related Posts

เทคนิคการใช้ Active – Passive Voice เมื่อต้องสอบ IELTS (ตอนที่ 1)

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ British English และ American English สำหรับผู้สอบ IELTS (ตอนที่ 2)

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ British English และ American English สำหรับผู้สอบ IELTS (ตอนที่ 1)

7 คำถามใน Speaking Test Part 3 และวิธีรับมือ (ตอนที่ 2)

7 คำถามใน Speaking Test Part 3 และวิธีรับมือ (ตอนที่ 1)

สรุปเทคนิคการอ่านเร็วเพื่อทำข้อสอบ IELTS

หมวดหมู่บทความไอเอลBlogGRAMMAR TIPSIELTS General TipsIELTS ListeningIELTS ReadingIELTS SpeakingIELTS Writing Task 1IELTS Writing Task 2Let's talk about IELTSIELTS Essay SampleNewsVocabularyข่าวการศึกษาต่อตัวอย่างงานเขียนภาษาอังกฤษกับอาหารภาษาอังกฤษน่ารู้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันวีดีโอเรื่องน่ารู้บทความน่าสนใจ

เทคนิคการใช้ Active - Passive Voice เมื่อต้องสอบ IELTS (ตอนที่ 1)

9 days ago828

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ British English และ American English สำหรับผู้สอบ IELTS (ตอนที่ 2)

25 days ago999

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ British English และ American English สำหรับผู้สอบ IELTS (ตอนที่ 1)

May 9, 20161595

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559

eng 5

อันนี้คัดสรรมาฝากค่ะ เผื่อว่าจะมีประโยชน์บ้างนะคะ เป็นสำนวนที่ใช้กันประจำวันจ้า เช่น

A great deal – จำนวนมาก มากมาย

We’ve heard a great deal about you.
พวกเราได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณมากมาย

A piece of cake - ง่ายมาก เรื่องหมูๆ ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

It’s easier than I thought. It’s a piece of cake.
มันง่ายกว่าที่ฉันคิดไว้ ง่ายมากเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

After all – อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

But after all, they are our children.
แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เป็นลูกๆ ของเรา

All over the place – ทั่วทุกที่ ทุกหนทุกแห่ง กระจัดกระจาย เกลื่อน

Your books are all over the place.
หนังสือของคุณวางอยู่ทั่วไปหมด

Around the corner – อยู่ใกล้ๆ อยู่ไม่ไกล ใกล้เข้ามาแล้ว

The examination is right around the corner.
การสอบใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว

As a matter of fact – อันที่จริง ตามที่จริง จริงๆ แล้ว

As a matter of fact, l don´t like them either.
อันที่จริงแล้วฉันก็ไม่ชอบพวกเขาเหมือนกัน

As far as I am concerned - ตามความเห็นของฉัน ตามความคิดฉัน เท่าที่ทราบ

As far as I am concerned, he should get fired.
ตามความเห็นฉันน่ะนะ เขาควรถูกไล่ออก

Ask for trouble – หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว แส่หาเรื่อง

We are asking for trouble if we miss another class.
พวกเรากำลังหาเรื่องใส่ตัวถ้าขาดเรียนอีกวิชา

Be fond of – ชอบ ชื่นชอบ โปรดปราน

She seems to be fond of talking about herself.
ดูเหมือนเธอชอบพูดโอ้อวดตัวเอง

Be my guest - ตามสบายเลย เชิญตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ

If you wanna just me, be my guest.
ถ้าคุณอยากจะตัดสินฉัน ก็เชิญตามสบายเลย

Be out of order – เสีย ใช้การไม่ได้ ไม่เข้าท่า ไม่เป็นระเบียบ

Your idea is out of order.
ความคิดของคุณไม่เข้าท่าเลย

Better than nothing – ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

Maybe it’s not as good as the first, but it’s better than nothing.
บางทีมันอาจไม่ดีเท่าอันแรก แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

Break a promise – ผิดสัญญา ไม่รักษาคำพูด ไม่ทำตามสัญญา

I told you, I never break a promise.
ฉันบอกกับคุณแล้วว่าฉันไม่เคยผิดสัญญา

Calm down - สงบสติอารมณ์ สงบใจ ทำใจให้สงบ ทำให้สงบ

Why don’t you just calm down?
ทำไมไม่สงบใจลงบ้าง?

Catch up with – ตามทัน ไล่ทัน พบ

I’ll catch up with you later.
ฉันจะมาเจอนายทีหลัง
Cheer up - ให้กำลังใจ ปลอบใจ ทำให้รู้สึกดีขึ้น ทำให้ร่าเริงขึ้น

Hey, maybe we can cheer him up a bit.
เฮ้ เราอาจจะช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นสักนิดได้นะ

Cope with – จัดการกับ รับมือกับ

How do you cope with loneliness?
คุณรับมือกับความเปล่าเปลี่ยวได้อย่างไร?

Cross the line – ล้ำเส้น ข้ามเส้น ข้ามแดน

You’re starting to cross the line.
คุณกำลังจะเริ่มล้ำเส้นแล้วนะ

Day in and day out - ตลอดเวลา อย่างต่อเนื่อง ไม่มีหยุด

I have to answer the phone day in and day out.
ฉันต้องรับโทรศัพท์ไม่มีหยุดหย่อน

Deal with – ติดต่อกับ จัดการกับ เกี่ยวข้องกับ รับมือกับ

I will deal with these later.
ฉันจะจัดการกับเรื่องเหล่านี้ทีหลัง

Every now and again – เป็นครั้งคราว
It’s good to be lonely every now and again.
ดีที่ได้เป็นโสดบ้างเป็นครั้งคราว

Every now and then – เป็นครั้งคราว

Every now and then I go to town and spend lots of money.
ฉันเข้าไปในเมืองและใช้จ่ายเงินจำนวนมากเป็นครั้งคราว
Face to face - ซึ่งๆ หน้า จะๆ ต่อหน้า ประจันหน้า

He wants to meet you face to face.
เขาอยากพบกับคุณซึ่งๆ หน้า

Figure out – คิดออก คิดให้ออก คิดได้

I’m going to figure it out sooner or later.
ฉันจะคิดมันออกไม่ช้าก็เร็วนี่แหล่ะ

Finish up – ทำให้เสร็จสิ้น จบลง ยุติ

Let’s finish this up this afternoon.
พวกเรามาทำนี่ให้เสร็จบ่ายนี้กันเถอะ

From now on – จากนี้ไป จากนี้เป็นต้นไป ต่อแต่นี้ไป นับจากนี้ไป

From now on I’m not gonna do anything I don’t like.
จากนี้เป็นต้นไปฉันจะไม่ทำสิ่งใดก็ตามที่ฉันไม่ชอบอีก

From time to time – บางครั้ง

You’ll hear that from time to time.
คุณจะได้ยินเรื่องนั้นเป็นบางครั้ง

Get lost - หลงทาง แต่ถ้าเป็นคำสั่งจะเป็นในเชิงการไล่ แปลว่า ไปให้พ้น ไปให้ห่างๆ ไสหัวไป

Take a map with you in case you get lost.
เอาแผนที่ไปด้วยในกรณีคุณหลงทาง

Get together – พบปะ รวมตัวกัน รวมกลุ่มกัน พบปะสังสรรค์กัน

I thought we should get together and talk.
ฉันคิดว่าพวกเราควรออกไปพบปะและพูดคุยกัน

Go for a walk – เดินเล่น ไปเดินเล่น ไปกินลมชมวิว

Let’s go for a walk in the wood.
พวกเราไปเดินเล่นในป่ากัน

Hang out – ออกไปข้างนอก ออกไปสังสรรค์

She does not want me to hang out with her.
เธอไม่อยากให้ฉันออกไปเที่ยวด้วย

Have a good time – สนุกสนาน เพลิดเพลิน ขอให้สนุกนะ

I hope you have a good time at the beach.
ฉันหวังว่าคุณคงจะไปเที่ยวหาดนั่นอย่างสนุกนะ

Hold one’s ground – ยึดมั่นอยู่ที่เดิม ไม่ถอย ตั้งรับ ตั้งมั่น รักษาสถานะไว้

If you hold your ground, then you might have a chance.
ถ้าคุณไม่ถอยคุณก็อาจมีโอกาส

In advance – ล่วงหน้า ก่อนหน้า ก่อนเวลา

Could you pay me in advance?
คุณช่วยจ่ายฉันก่อนล่วงหน้าได้ไหม?

Keep a promise – รักษาสัญญา ทำตามสัญญา

I must keep a promise I made.
ฉันต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้

Keep an eye on – เฝ้าดู เฝ้ามอง จับตาดู

Keep an eye on the baby, please.
ได้โปรดช่วยดูเด็กให้ด้วย

Keep away from – อยู่ห่างจาก หลีกหนีจาก หลีกเลี่ยงจาก

Keep away from the doors and windows.
ออกไปให้ห่างจากประตูและหน้าต่าง

Keep in touch – ติดต่อกันไปเรื่อยๆ ติดต่อกันไม่ได้ขาด

Remember to keep in touch when you are aways.
อย่าลืมติดต่อกันเมื่อคุณจากไปล่ะ

Keep one’ s eye on – เฝ้าดู เฝ้ามอง จัดตาดู

I’m keeping my eye on you.
ฉันกำลังเฝ้ามองคุณอยู่

Keep one’s word – รักษาคำพูด รักษาสัจจะ ทำตามที่พูดไว้

I always keep my word.
ฉันรักษาคำพูดเสมอ

Let someone down – ทำให้ผิดหวัง

Don’t let me down this time.
คราวนี้อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ

Lose one’s temper – อารมณ์เสีย เสียอารมณ์ โกรธ ขุ่นเคือง

I promise! I’ll never lose my temper again!
ฉันสัญญา ฉันจะไม่โกรธอีกแล้ว

Lose one’s way - หลงทาง จำทางไม่ได้

I’ve lost my way somewhere
ฉันหลงไปที่ใดที่หนึ่ง

Lose sight of – ลืม ลืม(วัตถุประสงค์) ไม่เห็น มองไม่เห็น

I must not lose sight of my mission.
ฉันต้องไม่ลืมเลือนภาระหน้าที่ของฉัน

Make a deal with – ทำข้อตกลงกับ

If you want a job, you’ll have to make a deal with him.
ถ้าคุณอยากจะได้งาน คุณจะต้องทำข้อตกลงกับเขา

Make a promise - ให้สัญญา ทำสัญญา

I want you to make me a promise.
ฉันอยากให้คุณสัญญากับฉันข้อหนึ่ง

Move away from – ผละจากไป ออกจาก ถอยออกจาก

Everyone, move away from the windows!
ทุกคน ถอยออกจากหน้าต่างนั่น

On behalf of – ในนามของ (ทำบางสิ่ง)ในนามของ

I’m happy to deliver a statement on behalf of the company.
ฉันยินดีที่ได้กล่าวสุนทรพจน์ในนามของบริษัท

Once in a while – นานๆ ครั้ง เป็นครั้งคราว ชั่วครั้งชั่วคราว

l still think about her once in a while.
ฉันยังคงคิดถึงเธอบ้างเป็นบางครั้ง

Out of date - ล้าสมัย เชย โบราณ ไม่ทันยุค

He said I was out of date.
เขาบอกว่าฉันเชย

Pave the way – ปูทาง กรุยทาง แผ้วทาง
This will pave the way for future success.
สิ่งนี้จะเป็นการปูทางไปสู่ความสำเร็จในอนาคต

Piss off – ไปให้พ้น ไปให้ไกลๆ เลยไป (พูดเนื่องจากมีน้ำโห) (เป็นคำไม่สุภาพ)

Piss off! Don’t come near me again.
ไปไกลๆ เลยไป อย่าเข้ามาใกล้ฉันอีก

Put off – เลื่อนออกไป ยืดเวลาออกไป แก้ตัว ถอด(เสื้อผ้า)ออก

I’ll call him to put off my appointments till noon.
ฉันจะโทรหาเขาให้เลื่อนนัดของฉันไปจนถึงเที่ยง

Put pressure on – กดดัน บีบบังคับ

You put too much pressure on yourself.
คุณกดดันตัวเองมากเกินไปแล้ว

Put up with – อดทน ทน ทำใจ

Why do you put up with it? You could do better.
ทำไมคุณต้องทนกับมันด้วย คุณทำได้ดีกว่านี้

Run out of - หมด ขาด ร่อยหรอ

We’re going to run out of fuel in 90 minutes.
พวกเรากำลังจะไม่มีน้ำมันเหลือใน 90 นาทีนี้

Shed (some) light on – เปิดเผย ให้ความกระจ่าง ทำให้เข้าใจง่าย

Can anyone help me shed some light on this question?
ใครพอจะช่วยให้ฉันเข้าใจคำถามนี้บ้างไหม?

So far - นอกจากความหมายทีแปลว่าไกลมากแล้ว ยังหมายถึง จนถึงทุกวันนี้ จนเดี๋ยวนี้ จนถึงบัดนี้

So far as we know, there were no survivors.
เท่าที่เราทราบจนถึงบัดนี้ไม่มีใครรอดชีวิต

Sooner or later - ไม่ช้าก็เร็ว

Sooner or later you’re gonna have to face the fact.
ไม่ช้าก็เร็วคุณจะต้องเผชิญหน้ากับความจริง

Stay in touch - ติดต่อกันไปเรื่อยๆ ติดต่อกันเสมอ ส่งข่าวถึงกัน ยังติดต่อกันอยู่

Please don’t stay in touch.
โปรดอย่าได้ติดต่อกันอีกเลย

Step outside – ก้าวออกไปข้างนอก ออกมาข้างนอก

Could you step outside for a minute, please?
คุณช่วยกรุณาออกไปข้างนอกสักครู่ได้ไหม?

Take into account – คิดคำนึง ใคร่ครวญ ไตร่ตรอง พิจารณา

There’s one thing you haven’t taken into account.
มีสิ่งหนึ่งที่คุณไม่ได้นำมาพิจารณา

Take it easy – ใจเย็นๆ ทำตัวสบายๆ ช่างเถอะ

Take it easy. Don’t be so upset.
ใจเย็นๆ อย่าหัวเสียไปหน่อยเลยน่า

Take part – มีส่วนร่วม

I won’t take any part in this.
ฉันจะไม่มีส่วนร่วมใดๆ ในเรื่องนี้

Talk behind one’s back – พูดลับหลัง พูดนินทา

People are gonna talk behind your back.
ผู้คนจะพูดลับหลังคุณนะ

Talk (something) over – ปรึกษาหารือ ขอคำแนะนำ ขอความเห็น พิจารณากัน

Why don’t we have a seat and talk it over.
ทำไมเราไม่นั่งลงและปรึกษาหารือกัน

Throw (some) light on – เปิดเผย ให้ความกระจ่าง ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น

He tried to throw some light on the situation.
เขาได้พยายามที่จะทำใ้ห้สถานการณ์นั้นกระจ่างชัดเจนขึ้น

To some extent – มีอยู่บ้าง พอประมาณ ในระดับหนึ่ง ค่อนข้างจะ

I agree with your opinion to some extent.
ฉันเห็นด้วยกับความคิดคุณเป็นบางข้อ

Turn one’s back on – ไม่สนใจ เพิกเฉย ละทิ้ง

You have to turn your back on that nonsense.
คุณต้องไม่สนใจเรื่องไร้สาระนั่น

Up to date – ทันสมัย ตามสมัย ทันสถานการณ์

Are you up to date with the ongoing dancing competition?
คุณตามทันข่าวการแข่งขันเต้นรำที่กำลังจะมาถึงไหม?

Wash one’s hands of - ล้างมือจากวงการ ไม่เกี่ยวข้องอีกต่อไป ถอนตัวออก

I wash my hands of this whole situation!
ฉันล้างมือจากสถานการณ์นี่ทั้งหมด

สวัสดีค่ะ นักเรียนและผู้สนใจที่รักทุกคน วันนี้เรามาเรียนเรื่อง "ขี้"ซึ่งฟังดูไม่ค่อยสุภาพ แต่ว่ามันมีความหมายเยอะนะคะ
ขี้หมู     pig dung
ขี้หมา   dog dung
ขี้ตา     eye mucus
ขี้หู       earwax
ขี้เถ้า    ashes
ขี้อาย   bashful,shy
ขี้ลืม    forgetful
ขี้โกง   cheating
ขี้ขอ    habitually asking for things
ขี้เหนียว  stingy, cheap
ขี้บ่น   to be given to complaining
ขี้เมา   drunkard
ขี้ยา    cigarette/drug addict
ขี้เหล้า   alchohol addict
ขี้หนาว  to be sensitive to cold weather
ขี้ร้อน  to be sensitive to hot weather
ขี้สงสาร  overly sympathetic
ขี้โรค  sickly, unhealthy
ขี้สงสัย skeptical
ขี้อิจฉา  jealous
ขี้ขลาด  cowardly, timid
ขี้เล่น  playful
ขี้อ้อน  to be given to crying wanting attention
ขี้หึง  jealous(of lovers)
ขี้อวด boastful
ขี้โกหก  to be given to telling lies

เช้านี้เรามาดูคำศัพท์ที่มีคำว่า"ใจ" กันดีกว่านะคะ ว่ามีคำว่าอะไรบ้าง
1. ใจกว้าง  GENEROUS
2. ใจแคบ   NARROW-MINDED
3. ใจร้อน    IMPATIENT
4. ใจเย็น    CALM, COOL-HEADED
5. ใจแข็ง    HARD-HEARTED, UNYIELDING
6. ใจอ่อน   SOFT-HEARTED , YIELDING
7. ใจดำ     MERCILESS, MEAN
8. ใจดี   KIND, GOOD-NATURED
9. ใจร้าย  UNKIND, CRUEL
10. ใจลอย  ABSENT-MINDED
11. ดีใจ  GLAD
12. เบาใจ RELIEVED
13. หนักใจ  WORRIED
14. ชื่นใจ  PLEASANT, REFRESHING
15. สบายใจ  CARE-FREE, CONTENTED
16. ภูมิใจ PROUD
17. นอกใจ UNFAITHFUL TO
18. พอใจ  SATISFIED
19. ตกใจ  FRIGHTENED, SCARED
20.  มั่นใจ  TO HAVE CONFIDENCE
21. แน่ใจ  TO BE SURE, TO BE CERTAIN
22. เสียใจ SORRY, TO FEEL BADLY
23.  เอาใจ  TO PLEASE, INDULGENT
24. ตัดสินใจ  TO DECIDE
25. ตั้งใจ  TO INTEND, TO CONCENTRATE
26. สนใจ  INTERESTED
27. เกรงใจ TO HAVE CONSIDERATION FOR
28. ตามใจ  TO YIELD TO THE WISHES OF
29. เจ็บใจ  TO HAVE ONE'S FEELING HURT
30. กลุ้มใจ  DEPRESSED
31. เปลี่ยนใจ  TO CHANGE ONE'S MIND
32. แปลกใจ SURPRISED
33. ไว้ใจ  TO TRUST
34. หายใจ TO BREATH
ครูหวังว่าทุกคนคงจะได้ความรู้บ้างไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ