วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561

DIY เครื่องหาฉากบ้าน

  สวัสดีครับเพื่อนๆสมาชิก 3-4 วันที่ผ่านมา ผมตั้งหน้าตั้งตา DIY  เครื่องมือมาใช้ชิ้นนึงครับ เป็นเครื่องหาฉาก วางผังบ้าน
  มันสำคัญนะครับ การหาฉากของบ้านเนียะ โดยปรกติ เวลาจะปลูก บ้านสักหลัง ช่างจะต้องขึงเชือกวางผังวางฉากบ้านให้ได้ ตรงนี้สำคัญมาก เพราะระยะยาว 20 เมตร ผิดองศาแค่ครึ่งองศา ปลายทางนี่ผิดไปเป็นเมตรเลย วางตำแหน่งให้ตอกเข็มก็จะผิดตำแหน่ง กับเสาบ้าน ลักไก่แก้กันไป โบกปูนทับเจ้าของก็ไม่รู้แล้ว สิบปียี่สิบปีให้หลังก็เริ่มรู้ผล อันตรายมากๆครับ หรือไม่บ้านก็เอียงไม่ได้ฉากสวยงาม
  ช่างบ้านเราใช้เชือกขึงทาบกับไม้ฉาก ยาวแค่คืบสองคืบ เล็งด้วยตาเอา ...บ้านที่ผมจะสร้างขายอยากให้ได้แข็งแรงได้มาตรฐาน ตามที่ออกแบบ เลยออกแบบเครื่องมือมาใช้เองกะว่าเอาไว้ใช้ทุกหลังเลย ใครมีลูกหลานเป็นผู้รับเหมา อยากทำบ้างก็ลองเอาไปทำบ้างก็ได้นะครับ
  ดูในรูปได้เลยครับ ผมใช้ตัวยิงแสงเรเซอร์ แทนเชือก เพราะมันตรงแท้แน่นอน ตั้งตำแหน่งให้มันได้ฉากมาตรฐานให้ได้ไว้เลย ใช้งานง่ายมากครับ ประหยัดเวลา ค่าแรงช่างไปได้เยอะเลยครับ  ใครอยากลองทำเล่นบ้างถ้าดูไม่เข้าใจ ก็ส่วนตัวมาถามได้ครับ ไม่คิดตังค์ครับ
  ผมใช้วัสดุเหลือใช้ในบ้านครับ แท่นมันใช้แผ่นอะซิเตสใสอย่างหนา จะใช้แผ่นไม่อัดหนาๆก็ได้ครับ..pjmong

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561

คุยถึงเรื่อง"ห้องสุขา"

  วันนี้ไปนั่งร้านกาแฟร้านหนึ่ง ถึงเวลาจะเข้าห้องน้ำ ก็เดินไป ..เจอเขียนว่า "ห้องสุขา" ความจริงใครอ่านถึงตรงนี้คงคิดว่ามันแปลกตรงไหน.?? ก็เห็นมาตั้งแต่เกิด..!!  ครับ..!! ผมก็ว่าไม่แปลก ก็เห็นมาแต่เด็กเหมือนกัน..แต่ไม่รู้เป็นงัย.??วันนี้เกิดคิดอะไรขึ้นมา ยืนทำธุระไปก็สงสัยไปว่า..ทำไมใช้คำว่า "ห้องสุขา"ไหงไมใช่คำว่า "ห้องปลดทุกข์"ละ ?? เข้าไปปลดทุกข์ออกมันจะสุขาได้งัย.? ก็คิดเล่นๆไปตามภาษาคนเจ้าปัญหา. ออกมาถามเพื่อนๆ เขาก็ว่า ก็เห็นมาแต่เกิด ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน?
    เลยเก็บมาคิดคนเดียวเงียบๆ ทำไมคนเก่าแก่ถึงตั้งชื่อห้องส้วมที่ใช้เป็นห้อง"ปลดทุกข์"ไปเป็นห้อง"สร้างความสุข"ไปได้..!!
   คำตอบที่หาพอจะคิดออกได้ ก็ทำให้คิดว่าคนเก่าคิดเชิงปรัชญา ได้ถูกต้องมากๆทีเดียว
  คนสมัยใหม่คิดว่าความสุขมักจะเกิดจากการหาความสุขมาเติมใส่ เช่นออกเที่ยว พักผ่อน ร้องเพลง เต้นรำ ฯลฯ แต่คนเก่าคิดไปอีกทาง..การจะหาความสุขได้นั้นคือการปลดเอาทุกข์ออก..
   ถ้าเรามีเวลานั่งคิดจริงๆ จะได้ความว่า ความสุขที่เกิดขึ้นจริงในใจดราส่วนมากมักจะเกิดจากเราได้แก้ปัญหาทุกข์ในตัวออกไปได้ เหมือนกับตักน้ำขุ่นออกไปจากใจแล้วน้ำใสจะเข้ามาแทนที่เอง..ทำนองนั้น แต่..การหาความสุขใส่ตัวโดยที่ยังไม่ได้ขจัดทุกข์ออกไป มันได้ความสุขแค่ช่วงนั้นช่วงเดียว หยุดเติมเมื่อไหร่ ทุกข์ในใจก็โผล่ขึ้นมาอีก น้ำลดตอก็ผุด..แบบนั้นแหละ..
  ก็เลยได้ข้อคิดว่า จะไปเที่ยวที่ไหนให้มีความสุข ก็น่าจะขจัดทุกข์ให้สำเร็จเสียก่อน เลือกเอาทุกข์ที่สำคัญนะ ..!!ถ้าขืนเอาหมดทุกเรื่องพอดีไม่ต้องไปไหนกัน เพราะคนเราหาทุกข์เข้าตัวได้ทุกข์วันนะครับ...pjmong..

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ธรรมมะสอนใจ

** ธรรมภาษิตสอนใจ **
     คนปัจจุบัน จะมีลักษณะหัวโตสมองใหญ่ แต่ใจเล็กใจแคบ เราพัฒนาแต่เรื่องการใช้ความคิด จนคิดเก่ง แต่กลับหยุดคิดไม่ได้ สุดท้ายความคิดกลายมาเป็นนายเรา บงการเรา และเล่นงานเรา จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ บางครั้งถึงกับขาดสติคลุ้มคลั่ง วิกลจริตจนเป็นบ้าก็มี ส่วนมากมักจะเป็นกับคนที่จมไม่ลง ยอมรับและปรับสภาพไม่ได้กับชีวิตของตนเอง เช่น คนเคยรวย มียศฐาบรรดาศักดิ์ พอหมดวาสนาบารมี เปรียบแล้วเหมือนแมวหง่าว (แมวแก่) ทำใจไม่ได้ถึงกับฆ่าตัวตายก็มีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ เพราะชีวิตขาดสมดุลระหว่างหัวใจกับสมอง และห่างไกลธรรมะเวลามีปัญหาไม่มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
   บางครั้งการลืมมองดูใจของตนเอง จึงเป็นเหตุให้ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าที่เราทุกข์อยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะใจของตนเอง มากกว่าเป็นเพราะคนอื่น เช่น เวลาที่เราโกรธหรือโมโหเมื่อได้ยินคำตำหนิของคนอื่นเพราะใจของเราเปิดช่องให้คำตำหนินั้นเข้ามาทิ่มแทงเราต่างหาก ถ้าใจเราไม่ยึดมั่นถือมั่นกับคำพูดเหล่านั้นเราก็ไม่ทุกข์ ไม่โมโห ไม่โกรธ ไม่ต้องเก็บมาเป็นอารมณ์ เปรียบเหมือนกับคนที่มีเศษแก้วอยู่ในมือ ก็คือรู้ทั้งรู้ว่าเศษแก้วมันคม แต่แทนที่จะพลิกมือเพื่อให้เศษแก้วตกลงบนพื้น กลับกำมันไว้แถมยังบีบแรง ๆ เข้าไปอีก ผลก็คือ เศษแก้วบาดมือจนเป็นแผลแล้วจะไปโทษใคร
   ดังนั้น คำตำหนิหรือคำด่าก็เหมือนกับเศษแก้วที่อยู่ในมือ ถ้าเราปล่อยมันทิ้งไปเศษแก้วก็ทำร้ายเราไม่ได้ นั่นคือเราไม่ไปทำอะไรมัน มันก็ไม่ทำอะไรกับเรา เราก็ไม่ต้องเจ็บมือ เท่ากับว่าเราได้ปล่อยวางมันทิ้งไปแล้ว ใจก็สบาย กายก็สบาย.
มูลนิธิพุทธปรัชญา พุทธปรัชญา(อ.อุ้ม)