วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

คิดดี มีศักดิ์ศรี ไม่สร้างปัญหาให้ผู้อื่น ประเทศชาติก็เจริญ

  คิดดี มีศักดิ์ศรี ประเทศชาติเจริญ
    เมื่อสองวันก่อนผมได้มีโอกาสไปเดินห้างหนึ่ง ในกรุงเทพนี่แหละ เข้าห้องน้ำชาย ระหว่างทำธุระ ด้วยเพราะเป็นคนชอบสังเกตุ ก็ได้เห็นอะไรบางอย่างที่รู้สึกว่าแปลกและขัดกับความรู้สึก คือ โถฉี่ผู้ชายทุกโถยี่สิบกว่าโถเห็นจะได้ ทุกโถครอบแสตนเลส และล็อกกุญแจทุกอัน เลยคิดต่อไปว่า นี่มันเรื่องแปลกนะเนียะ...!! เรียงเป็นตับเลย  เพื่ออะไรเนียะ?.ป้องกันขโมยหรือ...? ถ้าป้องกันขโมยแล้วแบบนี้มันถูกต้องไหมเนียะ..?? คิดถึงเมื่อก่อน ปลูกบ้านหลังนี้ใหม่ๆ ซื้อของเข้าบ้านเยอะ  ก็มีญาติครอบครัวนึงชอบพาเด็กๆมาเที่ยวเพราะเห็นเป็นบ้านทรงไทยริมคลอง แต่มาทีไรก็ชอบขอของหรือยืมของติดมือกลับไปทุกครั้ง ของให้เด็กบ้างให้ผู้ใหญ่บ้าง หลายครั้งเข้า วันนึงพอเขาจะมากัน ผมก็โทรปรึกษาแม่ว่าถ้าเจอคนที่มาบ้านแล้วชอบขอชอบยืม ควรทำไงดี ?? คำแนะนำที่ได้มาเล่นเอาผมงงเลยครับ แม่บอกว่าก็เก็บของซ่อนให้หมดซิ..!! ผมอึ้งไปเลย คิดในใจว่าถ้าเป็นบ้านแม่ แม่เขาจะทำแบบนี้จริงๆหรือ? เก็บของหนีคนกับของที่เดาไม่ได้ว่ามาครั้งนี้จะขออะไร ยังงี้ไม่ต้องหาที่เก็บทั้งบ้านเลยหรือนี่??  มันใช่คำแนะนำที่ถูกต้องแล้วหรือ ?? จริงๆแล้วผมว่ามันจะเข้าข่ายขี่ช้างจับตั๊กแตนแล้ว เพราะเก็บของหนีทั้งบ้านเพื่อหนีเหตุผลนิดเดียวคือหนีคนขี้ขอเนียะนะ...!!!! งานมันใหญ่เกิน  ผมเลือกวิธีการอื่นให้คือหาทางให้เขารู้ตัวจะดึกว่าไหม....?.เรื่องโถส้วมนี่ก็หมือนกัน ห้องน้ำห้องเดียว 20 โถ ใช้กุญแจ ต้องเก็บดอกไว้ 20 ลูก แล้วถ้าห้างนี้มี ยี่สิบห้อง ห้องละ 20 โถ เฉพาะคนงานต้องเก็บลูกกุญแจที่ใช้เฉพาะโถฉี่ชายนะคนับ 400 ดอกเข้าไปแล้ว และกุญแจอย่างอื่นอีกละ..?  รวมๆแล้วแม่บ้านคงตองเก็บดอกกุญแจเป็นพันๆดอก จะหาเอาไปไขทีคงนั่งหากันอานเลย และคงต้องใส่เข่งเก็บไว้นะครับ ถ้าทุกห้างหรือทุกที่ของโถฉี่ชายทั่วกรุงเทพ ไม่รู้จะกี่โถรวมๆทุกห้าง มันคงสิ้นเปรืองกับเหตุผลที่หนีพวกชอบขโมยอุปกรณ์ของสุขภันฑ์
    เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กครับแต่ผลของมันใหญ่นะครับ .. ที่เล็กคือแค่ความคิดคนที่อยากได้ของของคนอื่นโดยไม่ฝึกความคิดที่ถูกต้องว่าของที่จะได้มาต้องลงแรงเอง มีศักดิ์ศรีไม่ขโมย ไม่ขอ ไม่ยืม ถ้าเราสามารถสอนให้คนไทยมีนิสัยรักศักดิ์ศรีตัวเองได้ บ้านเราก็ไม่ต้องมีรั้วสูงๆ ไม่ต้องพกกุญแจเป็นพวงๆห้อยกางเกงอย่างทุกวันนี้ มีคนถามว่าประเทศที่เขาจนกว่าเรามากมาย อูกานดา เอธิโอเปีย เขามีเรื่องแบบนี้น้อยครับ เพราะกฎหมายเขาจริงจังครับ อดจะตายแต่ไม่ค่อยกล้าขโมยของใครหรือแย่งชิงกันง่ายๆแบบบ้านเรา ...มาลองฝึกสอนจิตใจลูกหลานหรือแม้แต่ตัวเราเองให้รักศักดิ์ศรีตัวเองเยอะๆครับ ไม่ขอ ไม่ขโมย ไม่แน่ง ไม่โกง.....pjmong

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560

เก็บตกทริปปีใหม่ เรื่องสุดท้าย 4

   เรื่องเล่าสู่กันฟังเรื่องนี้ค่อนข้างอันตรายครับ คนที่ต้องเป็นขับรถ ขึ้นที่สูงชันยาวๆ ต้องหัดปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมใหม่โดยเฉพาะคนไทยเนียะแหละครับ   
   เรื่องก็คือ ช่วงที่ผมเดินทางขึ้นดอยอ่างขางนะครับ จากที่เล่าให้ฟังเรื่อง google map เป็นเหตุนะครับ หลังจากที่ ผมไปผิดที่เจ้าของรีสอร์สลงตำแหน่งผิดเอาไว้แล้วบน google map แล้วไม่แก้นะครับ ระหว่างข้ามเขาไปที่ที่ถูกต้อง ตอนนั้นก็เกือบสองทุ่มแล้ว ทางเปลี่ยวไม่มีนักท่องเที่ยวผ่านเลยเพราะด้านที่เราเดินทางเป็นทางขึ้นที่ชันมาก เส้นทางเป็นแบบพับผ้าอีกด้วย ก็เกิดปัญหาระหว่างทางเกี่ยวกับเบรกมีเสียงดัง ขึ้นมาอีก ผมใจคอไม่ดีเลย กังวลใจถึงตอนขาลงที่ต้องใช้เบรกมากกว่า ผมค่อยๆขับแบบระวังไปตลอดทางจนถึงที่พัก ขากลับเป็นตอนกลางวัน กลับทางเดิมครับเพราะกะจะให้ถึงพื้นเร็วที่สุด ทางชันด้านนี้ขับรถระยะทางถึงพื้นน้อยกว่า ไม่รู้ว่าทางมันชันอันตรายแค่ไหนเพราะขาขึ้นมองทางไม่เห็น ขาลงถึงรู้ว่ามันชันและคดเคี้ยวมากแค่ไหน รถผมเป็นรถตู้ นน.มากกว่าเก๋ง เหยียบเบรกทีเสียงดังเหมือนเหล็กสีกัน ฟังไม่ดีเลย ถ้าเบรกหมด รถวิ่งลงชันมากๆ เอาไม่อยู่ก็วิ่งเลยลงเหวแน่ๆ ถึงตอนนี้ต้องงัดเอาความรู้เล็กๆน้อยมาใช้กันแล้ว คือทำไงให้ใชัเบรกน้อยที่สุด คำตอบก็คือ ใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรก ซึ่งเรื่องนี้เรารู้กันมานานแล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนคงไม่ค่อยยอมใช้วิธีนี้ อาจเป็นเพราะว่า มีความเข้าใจน้อยถึงอันตรายจากการขับรถลงเขาแล้วเบรกบ่อยๆ หรือขี้เกียจเปลี่ยนเกียรบ่อยๆเพราะเคยชินกับตอนอยู่ในเมืองที่ขับรถไม่เคยเปลี่ยนเกียร์เลย....ก็มันเป็นเกียร์ auto นี่นา..หรืออีกประเภทหนึ่งคือ ถ้าใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรกแล้วเสียงเครื่องมันดังจนน่ากลัวจะพัง เชื่อเถอะ
ตัวผมก็เป็นคนแบบที่ว่านั่นเหมือนกัน แต่มาเจอคราวนี้ผมสัญญากับตัวเองว่า ขึ้นเขาครั้งต่อไปผมจะขยันเปลี่ยนเกียร์ลากเครื่องยนต์แล้วครับ
    วิธีการใช้เครื่องยนต์ช่วยรักษาเบรกเวลาลงเขาชันก็คือ เปลี่ยนเกียร์ให้ต่ำลงตามความชันครับ เกียร์ไหนก็ต้องสังเกตุเองครับ ลงชันมากก็ต่ำมาก ของผมหลายจุดต้องใช้เกียร์ต่ำสุดแล้วรถยังวิ่งลงแบบเร็วต้องใช้เบรกช่วยเป็นระยะๆ  สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ค่อยได้เจอและรู้สึกกลัวอยู่ในใจ ที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ไม่ค่อยใช้เกียร์ต่ำเวลารถลงเขาก็คือเครื่องยนต์มันดังจนน่ากลัว ดังขนาดไหนหรือครับ..? ก็ลองอยู่ที่บ้านแล้วลองไป สตาร์ทเครื่องยนต์ในโรงจอดรถ ใส่เกียร์ว่างแล้วลองเหยียบคันเร่งให้เร่งสุดจนเครื่องเดินคึง 6-7 พันรอบ ครั้งละนานๆ ต่อเนื่องกันเป็นชั่วโมงดูครับว่าเสียงมันดังและเครื่องมันสั่นขนาดไหน กลัวเครื่องยนต์จะพังหลุดเป็นชิ้นๆละครับ ลงมาถึงพื้นแล้วเจอศูนย์ castral เอารถเข้าเช็ค ช่างห้าคนมารุมดู พอถอดเบรคออกมา ช่างร้องจ๊ากเลย ทุกคนหันมามองหน้า แล้วถามเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่รอดมาได้ไงเนียะ...? !! เขาเอาแผ่นเบรคที่ถอดให้ดู มันเหลือแต่แผ่นเหล็ก สีกับจานเบรคจนเหลือบางไม่ถึงครึ่งเซ็น ลองนึกย้อนดู ตลอดทางนี่เราใช้เครื่องยนต์ช่วยขนาดนั้น
ยังเหลือแค่นี้ ถ้าใช้เบรคอย่างเดียวตามพฤติกรรมเดิมๆ จะเหลือเบรคให้ใช้ไหม? โชคดีที่รถ นน.ขนาดนั้น แผ่นเบรคก็ไม่เหลือ เหลือแต่แผ่นเหล็กสีกันอยู่ รถยังไม่ตกเขาพาเรารอดมาได้ต้องยกไปให้โชคช่วยเลยครับ
      มีคนถามว่าแล้วก่อนออกเดินทาง ทำไมไม่ตรวจ เรื่องนี้ก็ต้องโทษตัวเองครับ คือเคยชินกับรถยุโรปที่ใช้เป็นส่วนตัวอยู่ ก่อนเบรคหมดมันจะเตือน  แต่รถญี่ปุ่นมันไม่มีครับ เลยลืมไปเลยพลาดเรื่องนี้ไป นับว่าเป็นความผิดอย่างมหันต์เลยครับ
    สิ่งสำคัญที่ได้จากเรื่องนี้ก็คือ ขึ้นเขาและลงเขาที่ชันมากๆ ต้องลดเกียร์ลงครับ ใช้ความเร็วรถในแต่ละกียร์ให้เหมาะสมกับความชันขณะนั้นครับ  ความรู้สึกกับประสบการณ์จะบอกเราเองครับว่าใช้เกียร์อะไร ตอนไหน  ลดเกียร์ขาขึ้น ป้องกันครัช ลดเกียร์ขาลงป้องกันเบรก ใช้เกียร์สูงที่ชันมากครัชจะไหม้ครับ เพราะจะเกิด สลิป(ลื่น) มากครัชจะไหม้ได้ ลดเกียร์ขาลงที่ชันมากๆ จะป้องกันเบรกไหม้ครับ  ครัชไหม้รถวิ่งต่อไปไม่ได้ แต่ถ้าเบรกไหม้มีโอกาสตกเหวตายครับ..แต่ก็ไม่ควรให้มันเป็นอะไรทั้งสองอย่างละครับ ขณะอยู่ไกลบ้านขนาดนั้น...pjmong...

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

เก็บตกจากปีใหม่ 3

    เรื่องนี้ไม่ยาวครับ แค่คุยให้ฟังครับ คือ...ทริปที่ดอยอ่างขางครับ ข้างบนเป็นพื้นที่ของ อุทยาน ก็แปลว่าหาโรงแรมที่ดีๆมืออาชีพยากครับ ส่วนมากจะเป็นที่พักของชาวเขาในพื้นที่ อันนี้คนเที่ยวดอยบ่อยๆจะรู้ดี เหมือนกับบนภูทับเบิก ส่วนผมโชคดีนิดนึงที่ได้ของเครืออัมมะริ  ส่วนของเพื่อนเจอของชาวเขา  ไปเที่ยวชมห้องพักของเพื่อน มีแต่สบู่ให้อย่างเดียว ( ของเราสบู่เหลว ยาสระผม ครัม ผ้าขนหนาหนานุ่ม) แต่ของเพื่อนเป็นสบู่ก้อนแบนๆเล็กๆที่ใช้อาบน้ำตามร้านริมชายหาดนะครับ แถมต้องทวงอีกต่างหาก ส่วนผ้าขนหนูก็ไม่ต้องพูดถึง บางแถมขนแทบจะไม่มี ใช้ถูตัวนี่เปียก แข็งกระด้าง นึกถึงภาพอากาศหนาวๆนี่อาบน้ำเสร็จแทบไม่อยาหเอามาเช็ดตัวเลย ผืนเล็ก แข็งกระด้าง บาง ...ส่วนเรื่องความสะอาด ทันสมัยก็...ไม่ต้องสนใจมากหรอกครับ ปลูกตามดีไซน์ชาวบ้านนะครับ ต้องเข้าใจ...ที่คุยให้ฟังเนียะไม่ใช่จะบอกว่าอย่าไปอุดหนุนเขานะครับ  อุดหนุนเขาเถอะครับ ชาวบ้านได้มีรายได้ เพียงแต่จะบอกว่า ใครทึ่กลัวติดเชื้อไวรัสเริม   ( เริมเป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง มาจากชาวต่างชาติ คือตั้งเดิมไม่ได้เกิดที่บ้านเราครับ ชาวต่างชาตินำเข้ามา ก็ติดได้จากการใช้ผ้าขนหนูร่วมกันนะครับ ผ้าขนหนูที่ใช้ในรีสอร์ทดีๆหรือ รร.ดีๆได้มาตรฐาน ก็จะผ่านขบวนการซักที่สะอาด มีการอบแห้งอย่างดี เริมถ้าเกิดที่ลำตัวเราเรียกงูสวัดหรือเพี้ยนมาจาก งูตวัด เป็นรอยเหมือนงูตวัดรัดรอบตัว ถ้าเป็นที่ริมฝีปากเราเรียก ปากนกกระจอก ถ้าเป็นที่ส่วนลับของร่างกายเราเรียกเริม เป็นแผลพองเป็นเม็ดแสบคัน สรุป เริมเป็นเชื้อไวรัสนะครับ ไม่ได้เกิดจากความสกปรก แต่เป็นเพราะขณะนั้นร่างกายมีเชื้อนี้อยู่จากการติดมาอยู่ในร่างกายเรา บวกกับสภาพร่างกายตอนนั่นอ่อนแอ พักผ่อนน้อย เป็นต้น)
  ใครที่รักความสะอาดหน่อยก็เอาสบู่ เอาผ้าขนหนู ติดกระเป๋าไปเองนะครับ คงไม่ทำให้กระเป๋าตุงมากขึ้นเท่าไหร่หรอก...อ้อ...แปรงสีฟันยาสีฟันด้วยนะครับ...pjmong...

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2560

     สวัสดีครับพี่ เรื่องที่พี่ห่วงใย สอบถามมาเรื่องข้อความบนโพสนั่นนะ ผมก็ได้ยินมาบ้างเหมือนกัน แต่ได้ฟังเรื่องราวคร่าวๆแล้วเลยไม่ได้สนใจต่อเพราะไม่เกี่ยวกับเราเลยสักนิด แต่สองสามวันมานี่เราได้ข่าวอะไรเข้าหูจนเป็นกระแสกันในกลุ่ม ที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกหลายท่านในกลุ่มเรา รวมทั้งผมกับสาวด้วย หลายๆคนเลยแสดงความเป็นห่วงเป็นไย ไถ่ตามกันมา ตอนแรกๆก็ไม่คิดจะสนใจอะไร เพราะแต่เรื่องราวไม่มีสาระและเกิดจากความไร้สาระ ชีวิตเรามีค่า มีสาระมากมายกว่าที่จะเอาเซลสมองมาสนใจเรื่องแบบนี้ ถ้าเราลงไปเล่นด้วยเกรงว่ามันจะเปลืองเซลสมองที่มีค่าของเราไปเปล่าๆ เอาเวลา เอาสมองมาพัตนาตัวเอง ทำประโยชน์กับคนรอบๆตัวเรา พัตนาประเทศชาติ ในทางที่ถูกที่ควรจะดีกว่า แต่เพื่อให้เรื่องนี้มันหายสงสัยสำหรับคนหลายๆคนก็เลยลองยอมให้เวลากับมันสักหน่อย เพระเรื่องนี้มันสำคัญขนาดมีคนตั้งใจสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งๆที่ไม่ได้ประโยชน์กับใครเลย แต่กลับเกิดโทษกับคนใกล้ตัวเอง ผมก็เลยถือโอกาสเดินทางเพื่อหาข้อมูล พร้อมพาพรรคพวกที่อยู่ในเหตุการณ์ไปเที่ยวหาอะไรกินอร่อยๆไปในตัวด้วย
   ก็เรื่องการโพสข้อความของใครสักคนที่เราไม่น่าจะเอ่ยถึง เขาโพสข้อความที่ไม่ชัดแจ้ง ทั้งสถานที่ วัน เวลา บุคล รวมทั้งจุดประสงค์ที่ทุกคนทั่วไปที่เห็นก็ถามเป็นคำเดียวกันว่า เขาทำเพื่ออะไร ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับตัวเอง แต่กลับเป็นโทษกับตัวเองและเพื่อนพ้องญาติพี่น้องตัวเองอีกด้วย ซึ่งในที่นี้จะขอกล่าวชื่อ บุคล หรือสถานที่ที่คิดว่าอาจจะเกี่ยวข้อง เท่าที่จำเป็น
   ข้อความบนโพสดังกล่าว กล่าวถึงการจัดงานเมื่อสองสามวันก่อน ที่ รร.แห่งหนึ่งในราชบุรี ผู้โพสไม่ได้กล่าวถึงวันเวลาใดชัดเจน หรือบุคลที่เกี่ยวข้อง ถึงสงสัยกันไงว่า ถ้าลำบากต้องคุยอ้อมไปอ้อมมาไม่ระบุตัวตนอะไรให้ชัดเจนแล้วการเสียเวลาลงโพสนี้ทำไปเพื่ออะไร...???
      ก่อนอื่นเราสมมุติกันก่อนว่าถ้าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับงานที่เราไปกัน ตัวละครในเรื่องราวนี้ น่าจะเป็นใครได้บ้าง ผมก็นัดเพื่อนๆที่ไปด้วยในวันนันมาร้องเพลงกินข้าวกันในวันและสถานที่ ที่รุ่นพี่ที่พวกเรานับถือท่านหนึ่งและเป็นผู้กว้างขวางของจังหวัดนี้ ท่านนัดอยากเลี้ยงข้าวมาหลายวันแล้ว และก็เป็นบุคลท่านหนึ่งที่พวกเราคาดว่าน่าจะเป็นคนที่ผู้โพสอ้างถึงว่าเป็นญาติผู้น้องของผู้โพส และถูกจัดให้เป็นผู้แสดงนำในเรื่องราวดังกล่าวนี้เสียด้วยซิ แต่จะเป็นผู้แสดงนำด้านลบหรือบวกค่อยตามมาดูกัน แต่จะใช่หรือไม่ก็ต้องให้เจ้าตัวเขาอ่านโพสและวิเคราะห์เอง โดยไม่มีการชี้นำล่วงหน้า  ว่าถ้าเขาอ่านแล้วคิดว่าใช่งานนี้ที่ผู้โพสกล่าวถึง  แล้วพี่เขาก็ใช่คนที่ผู้โพสกล่าวถึงหรือไม่ ว่าเป็นญาติผู้น้องของผู้โพสที่เป็นผู้มาเป็นเจ้ภาพจัดงาน ที่ รร. ดังกล่าวหรือไม่ ??   ผลจากที่ได้เจอกันพร้อมหน้าในวงกินข้าวกับพวกเรา  เจ้าภาพเลี้ยงข้าวพวกเราท่านนี้ในวันนั้นได้อ่านโพสแล้ว ก็มีความเห็นส้วนตัวว่า งานดังกล่าวที่ผู้โพสกล่าวถึงนั้น ก็น่าจะใช่งานที่พวกเราไปกัน ขอความเป็นได้สัก 70% และญาติผู้น้องของผู้โพสกล่าวถึงก็น่าจะเป็นตัวพี่เขาเอง ความเป็นไปได้ประมาณสัก 90 %( ขอสมมุติชื่อของญาติผู้น้องที่ผู้โพสกล่าวถึงนี่และนั่งอยู่กับเราวันนี้ชื่อ พี่ ก. นะครับ )
        เนื้อหาที่ผู้โพสได้กล่าวถึง คือครูเต้นรำที่ เป็นเพื่อน พี่ ก.และพี่ ก.เชิญมางานวันนั้นด้วย   ผู้โพสลงโพสว่า ครูเต้นรำคนหนึ่งที่มาในงานนี้ ได้แอบกระซิบบอกเรื่องส่วนตัวถึงความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิงสาวสวยที่ไปด้วยให้พี่ ก. ฟัง แอบเล่าตอนที่ผู้หญิงละไปที่อื่น แล้ว พี่ ก.ก็เอามาเล่าต่อให้ผู้โพสฟัง แล้วผู้โพสก็เอามาลงให้อ่านกันนี่แหละ ส่วนเรื่องส่วนตัวที่ครูเต้นรำท่านนั้นแอบเล่าว่าอะไรนะ ผมขอไม่พูดถึงดีกว่า เพราะไม่ทราบว่ามีการพูดจริงหรือไม่ อย่างไร ไม่กล้าถามพี่เขา เพราะเห็นเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ ก.กับเพื่อนนักเต้นรำคนนั้นของเขา  และผมก็ไม่ได้ยินกับหูตัวเองว่าพูดจริงหรือไม่อย่างไร ( แต่....ความเห็นส่วนตัวนะครับ...ถ้ามีการพูดจริงให้ผมได้ยินก็เถอะ โดยมารยาทแล้วผมก็ไม่ควรมาบอกหรือมาคุยต่อ เพราะไม่ใช่เรื่องของเรา พวกเขาก็ไม่ใช่ญาติอะไรของเราด้วย ) เรื่องคร่าวๆก็แบบนี้ละครับ
  ทีนี้มาดูผลของการพูดคุยกันที่พวกเราคุยกัน กับพี่ .ก กับความจริงที่เกิดขึ้นในงานที่ รร.วันนี้น วันนั้นมีครูเต้นรำไปสองคู่ รวมผมซึ่งไม่ได้มีฝีมือระดับครูกะเขาเลย และก็ประกาศมายี่สิบปีในสังคมเมืองไทยทุกที่ว่าผมไม่ใช่ครูเต้นรำ ผมเป็นเพียงแค่ นักธุรกิจที่เต้นรำเป็นเท่านั้น เรื่องนี้เพื่อนทุกวงการในประเทศรู้ดีและรับทราบมานานแล้ว ถึงขนาดมีคนมาเคยจ้างให้สอนแพงกว่าครูอาชิพหลายเท่าผมยังไม่รับเลยเพราะมีอาชิพที่ทำรายได้ได้ดีกว่าเยอะ ทำหมู่บ้านทำบ้านขายอย่างเดียวก็เยอะแยะแล้ว ไม่ต้องมาตะโกนสอนเต้นรำ เก็บเสียงไว้ร้องเพลงดีกว่า  อันนี้เป็นประเด็นแรกที่เราสรุปกัน ประเด็นที่สอง เรื่องการแอบบอกพี่ ก.ถึงเรื่องราวดังกล่าว สำหรับผมแล้วโชคดีที่วันนั้นผมถูกจัดให้นั่งในสุด โดนกันทางเข้าออก ไม่มีโอกาสสักวินาทีที่จะอยู่ใกล้หรือได้นั่งติดกับพี่ ก.เลย และวันนั้น พี่ ก.แกมีที่นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะเพื่อนแกที่เป็นคู่เต้นรำอีกคู่ที่นั่งอยู่ เพราะเป็นเพื่อนกันมาก่อน  หรือเวลาพี่ ก.มานั่งคุยโต๊ะเราก็จะมีที่ประจำของแก มานั่งติดกับพี่ผู้ชายที่เต้นรำเก่งอีกท่านนึง ที่นั่งตรงข้ามผมกับคุณสาวกันคนละมุมโต๊ะกับพี่ ก.เลย แถมเป็นโต๊ะใหญ่ขนาดต้องตระโกนคุยกันถึงจะได้ยิน หนุ่มนักเต้นรำทั้งสองท่านนี่ก็ช่างบังเอิญพาสาวสวยมาทั้งคู่เลยเสียด้วย ยอมรับว่าสวยจริงๆครับ ผมยังชมอยู่ในใจเลย  พวกเราจึงวิเคราะห์ตรงกันว่า เรื่องประเด็นนี้ตัดผมกับสาวออกไปได้เลย ไม่ใช่คนที่แอบพูดอะไรกับพี่ ก.แน่นอน และส่วนตัวผมกับคุณสาวก็ไม่มีเรื่องราวอะไรที่ผิดปรกติถึงขั้นต้องแอบคุยกับคนอื่น และผมกับพี่ ก.ก็ไม่ได้สนิทกันขนาดจะเล่าเรื่องส่วนตัวใดๆให้แกฟัง เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาก็เจอกันไม่กี่ครั้ง  ซึ่งแกก็ยอมรับว่าวันนั้นผมไม่มีโอกาสคุยอะไรกับผมเป็นส่วนตัวเลย และมีความเป็นไปได้ว่าครูเต้นรำที่ผู้โพสกล่าวถึงนั่นน่าจะเป็นหนึ่งในสองท่านนั้นมากกว่า ที่เป็นเพื่อนกับพี่ ก.เขาเองด้วย แต่พวกเราก็รักษามารยาทที่จะไม่ถามพี่ ก.ว่ามีใครเล่าอะไรให้พี่เขาฟังถึงผู้หญิงที่พามาด้วยวันนั้นหรือไม่  เพราะเกรงจะเสียมารยาทที่จะอยากรู้เรื่องของคนอื่นเขา
     สรุปประด็นที่น่าสนใจของเรื่องนี้
1.ครูเต้นรำคนนั้นทำไมเอาเรื่องส่วนตัวของตัวเองกับใครสักคนที่เราคบหาอยู่ไปเล่าให้คนอื่นฟัง ซึ่งไม่ได้เป็นคุณแก่ตัวเองเลย ก็อย่างที่ผู้โพสโพสทิ้งไว้นั่งแหละครับ ว่าเขาเอามาบอกคนอื่นทำไมถึงความลับของตัวเอง จะมีคนที่ทำร้ายตัวเองแบบนี้จริงหรือ??  ผมนะไม่อยากใช้คำว่า ."" คนโง่  "" เลยจริงๆ
2. ผู้รับฟัง( เรื่องนี้สมมุติว่าเป็นพี่ ก.) ที่เพื่อนไว้ใจเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ทำไมเอาไปเล่าต่อให้คนอื่น  (ที่ไม่ได้มีผลได้ผลเสียจากการคบหากันของคู่นี้ ) ฟังต่อ ทั้งๆที่เพื่อนอุตส่าห์ไว้ใจเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง
3 ผู้โพสโพสเรื่องนี้ด้วยเหตุผลอะไร ไม่น่าจะมีผลบวกหรือลบของการคบหากันของคนอื่น ที่ตัวเองก็ไม่รู้จักและไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
     ที่กล่าวมาเป็นผลลบของเรื่องนี้ที่พวกเราทั้งหลายที่ทราบเรื่องในกรุงเทพวิเคราะห์สรุปกัน ส่วนผลบวกจากเรื่องราวนี้ก็เห็นจะมีเรื่องเดียวก็คือ...ผมได้มีโอกาสเห็นน้ำใจ ความห่วงใย จากเพื่อนๆหลายคน แม้กระทั่งผู้หลักผู้ใหญ่ที่เรานับถือทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด มากมายเหลือเกิน เพิ่งทราบว่าเขารู้กันนานแล้ว ส่วนผมกับสาวเพิ่งมาทราบเมื่อไม่กี่วันนี่เอง ตอนแรกก็แว่วๆ ดูเนื้อหาแล้วรู้ว่าไม่เกี่ยวกับเราเลยไม่ได้สนใจ แต่นานไปๆ พื่อนๆชักคุยกันบ่อยขึ้น ดังมากขึ้นเลยหันมาฟังสักหน่อย .จึงเป็นเรื่องให้เราลงมาหาข้อเท็จจริงนี่แหละ
  บทส่งท้ายของเรื่อง เรื่องทั้งหมดนี้ พี่ ก.คนเดียวเท่านั้นว่าที่ทราบว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งไม่มีใครกล้าถามมันเป็นเรื่องของพี่ ก.กับเพื่อนเขา แต่ที่แน่ๆไม่ใม่ผมแน่ๆ ส่วนเรื่องที่พี่เขาเอาความลับเรื่องส่วนตัวไว้ใจเล่าให้ฟังไปเล่าต่อให้คนอื่นนะ พี่เขาทำเพื่ออะไรและทำทำไม นั่นก็ต้องถามพี่เขาเองนะครับ ....แต่ความเห็นของพวกเราทั้งหมดที่ได้รู้จักพี่ ก.มานานทั้วที่กรุงเทพและ ตจว.บ้านเขา เขาเป็นคนดีมากๆๆ มีมารยาททางสังคมสูง เข้าสังคมชั้นสูงมาเยอะจนรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เป็นผู้กว้างขวางและเคารพนับถือของคนในจังหวัดบ้านเขามากมาย พี่เขาไม่น่าจะใช่ที่เอาความลับของเพื่อนไปเล่าต่อ  เมื่อพี่เขาได้อ่านโพสแล้วเห็นว่าตัวเองถูกเอามากล่าวถึงเป็นตัวเชื่อมเรื่องราว แกยังตกใจทำหน้างงๆ พูดแต่เพียงว่าเดี๋ยวผมไปจัดการเอง  แต่พวกเราก็รักษามารยาทมากพอที่จะไม่ถามอะไรต่อที่ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ก็ต้องให้เขาไปจัดการกันเอง แต่พวกเราทั้งหมดจึงสงสัยกันว่า เรื่องที่ทำให้พี่ ก.แกเสียเครดิตเนียะมันเกิดขึ้นจริงหรือ?? หรือเป็นเพียงเรื่องแต่งขึ้น อันเป็นตันเหตุให้ญาติผู้น้องตัวเองต้องเสียเครดิตไป .....หม่องครับ..

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560

เก็บตกจากทริปปีใหม่อีกสักนิด..

จากปีใหม่ถึงวันนี้ (13 มค.) นี่แล้ว ผมใช้ google map ในการหาตำแหน่งเพื่อเดินทาง ประมาณ 6 ครั้ง  ไม่น่าเชื่อ

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2560

เก็บตกจากปีใหม่ 2 """ ชาวเขาหรือชาวเมือง มันก็พอๆกัน """

  เรื่องเล่าเก็บตก จากปีใหม่ทริปทางเหนืออีกเรื่องครับ เห็นชื่อเรื่องแล้วน่าจะเดาได้ ก็เนื่องจากเวลาเราไปเที่ยวหน้าหนาวทางเหนือ ผมว่าส่วนมากที่นักท่องเที่ยว วิ่งหาซื้อ และเป็นอย่างน้อยที่ต้องหาซื้อทาน ก็คือ สเตอเบอรี่ หรือไม่ก็ส้ม  ผมก็คนนึงละ ไปเหนือสักที ขอทานสเตอเบอรี่สักครั้งเถอะ เพราะอยู่ กทม. หาทานยาก แถมแพงอีกด้วย ขับรถเที่ยวไปตาก็มองหาข้างทางไป โลละห้าร้อยมั่ง สี่ร้องมั่ง ประมาณอยู่แถวๆเนียะ เข้าร้านไหนก็ไซโคว่าที่อื่นแพงกว่า ที่นี่ถูกสุด เราก็มองหาแบบคัดใหญ่พิเศษ ซึ่งทุกเจ้าแพ็คใส่กล่องไว้หมด ถ้าลูกเล็กก็มีให้คัดซื้อ แต่ใหญ่พิเศษก็แพ็คสำเร็จ ผมนะอดทนหาถูกที่สุดกิน ทนจนขากลับลงดอยมา เจอเจ้านึง สามร้อย..แวะเลยครับ ถูกดีน่าสนใจ รู้สึกไม่ถูกหลอกราคายุติธรรม  จัดมาซะสี่กล่อง กะว่าขับรถกลับจะจิ้มพริกเกลือไปด้วย เหลือให้แม่สักสองกล่อง พอเปิดกล่องทานนี่แหละ มันรองใบไว้ซะหนาเตอะเลย เอาใบสเตอเบอรี่ เรียงทับใบตองที่พับไว้ ชักเริ่มคิดถอยหลังว่าเราจะโดนชาวเขาหลอกหรือเปล่านะ?? เพราะอีกเหตุผลนึงที่เราซื้อของบนดอยเพราะอยากให้ชาวเขามีรายได้
   พอลงมาถึงในเมือง วิ่งผ่านร้านขายผลไม้ของแม่ค้าชาวเมือง  เลยแวะดูส้มสักหน่อย เล่าให้ฟ้งเรื่องสเตอเบอรี่ราคาถูกกว่าเจ้าอื่น ที่ซื้อมาจากชาวเขาด้วยความภูมิมจ เธอเห็นกล่องเลยบอกว่า กล่องที่ชาวเขาให้มาเนียะ มันรองใบมาหนามาก สามขีดเห็นจะได้ ชาวเขาใช้วิธีแบบนี้ ถ้าซื้อแบบใหญ่พิเศษจะไม่มีการเลือก จะแพ็คสำเร็จเลย แล้วเอาเปรียบลูกค้าด้วยการรองใบหนาๆ สิบขีด400  ตกขีดละ40 สองขีดก็ได้ไป 80 บาทแล้ว ขายได้วันละ 100 กล่อง ก็ได้มาแล้ว 800  ไม่น้อยเลยนะ รู้สึกโดนชาวเขาหลอก รู้สึกขอบคุณที่แม่ค้าคนเมืองคนนี้บอกเคล็ดลับที่ชาวเขาโกงชาวกรุงอย่างเรา เลยอุดหนุนส้มชนิดใหญ่คัดพิเศษ กล่องละ 250 มาสี่กล่อง กะเอามาฝากผู้ใหญ่ อยากอุดหนุนเขาด้วย  กลับมาถึงบ้าน ลองชิมส้มสักกล่องซิ .!!!....แกะกล่องออกมา ส้มถูกจัดเรียงไว้สามชั้น ชั้นละ 8  ผล เชื่อไหม?? มันดี ใหญ่ คัดพิเศษแค่แถวแรกเท่านั้น ชั้นรองลงไป มีทั้งเล็ก ทั้งเขียว เน่ายังมีเลย ...ความคิดที่จะเอาไปฝากผู้ใหญ่เลยต้องพับไป เก็บไว้กินเองด้วยความเจ็บใจ..เราซื้อของด้วยความคิดอย่างนึงคืออยากอุดหนุนธุรกิจชาวบ้าน แต่...เขาไม่รักเกียติตัวเอง ไม่รักเกียติอาชีพเขาเองเลย...คนกรุงอย่างเราเลยโดนทั้งชาวเขา ชาวเมืองตัมซะโง่ไปเลย...
      ข้อคิดของเรื่องนี้ก็คือ อย่าคิดว่าความปราถนาดีของเราที่มีต่อผู้อื่นจะได้รับตอบแทนกลับมาดีๆแบบนั้นเสมอไป เก็บใจไว้บ้างแต่ซื้อของด้วยความเขี้ยวให้เป็น
     และอีกอย่างคือ ของทำเร็จรูป ที่แพงดีสุด ดีที่สุด อาจจะกลายเป็นของที่เลวที่สุดไปก็ได้.....อากาศหนาวยังไม่หมดไป ใครมีแผนเดินทางขึ้นเหนือ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับใครบางคนได้ครับ...จะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองโง่เหมือนผมไปโดนมา..... pjmong..