วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2562

วิธีหุงข้าวให้น้ำตาลหายไป 70%

อ.ปานเทพ พัวพงศ์พันธ์
มหาวิทยาลัยรังสิต
   ........................
“วิธีการหุงข้าวที่สามารถลดน้ำตาลได้ 70% ”  หนึ่งในเคล็ดลับที่ผมใช้กับครอบครัวของผมมาตลอด 3 ปี และเป็นหนึ่งในหลายๆวิธีที่ผมใช้ดูแลตัวเองจนสามารถใช้ชีวิตโดยไม่มียาเข้ามาในร่างกายแม้แต่เม็ดเดียว (รวมทั้งพาราเซ็ทตามอล) มาตลอด 3 ปี 5 เดือน  หนึ่งในนั้นก็คือวิธีการหุงข้าวที่ลดน้ำตาลลงไปได้ถึง 70%..!!

  วิธีการดังกล่าวนี้ ได้มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ได้ผลเป็นที่ยอมรับและที่สำคัญ ได้ถูกตีพิมพ์ลงบนวารสารทางการแพทย์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งชื่อของผู้ค้นพบก็อยู่ในภาพที่ผมนำมาให้ดูแล้ว คือ Sudhiar A James.

  วิธีการหุงข้าวเพื่อให้น้ำตาลลดลง 70% นั้นก็ง่ายแสนง่ายครับ เพียงแค่เรานำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ย้ำว่าสกัดเย็นนะครับไม่ใช่ cooking oil( ยี่ห้อไหนก็ได้ครับ )ใส่ลงไปในขณะเริ่มต้นหุงข้าวเพียง 2 ช้อนชาเท่านั้น และก็ทำการหุงเหมือนเดิมทุกอย่าง จนข้าวสุก “ แต่ยังทานไม่ได้ครับ “ ให้นำข้าวที่สุกนั้นมาแช่ตู้เย็นไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง (1 คืน) และก่อนที่จะนำข้าวมาทานก็ให้ทำการอุ่นใหม่อีกรอบนึง เพียงเท่านี้ ทุกท่านก็จะมีข้าวที่มีน้ำตาลลดลงไปจากปรกติ ถึง70% ทานกันแล้วครับ   ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่า น้ำมันมะพร้าวจะเข้าไปทำปฎิกิริยาเปลี่ยนโครงสร้างแป้งที่มีในเมล็ดข้าวให้สามารถทนทานต่อการเปลี่ยนเป็นน้ำตาลภายหลังจากการสัมผัสเอนไซม์ที่อยู่ในน้ำลายของเรา ลดลงไปได้มากถึง 70% ครับ
   
   ใครๆก็ทราบนะครับว่า ข้าวคือแป้ง และเมื่อโดนเอนไซม์ที่อยู่ในน้ำลายของเราก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล  และคนไทยก็ทานข้าวกันเป็นวัฒนธรรม ยากที่จะลบความเคยชินในการ ไม่กินข้าว และหลายท่านก็ทราบใช่มั๊ยครับว่า แท้ที่จริงแล้วน้ำตาลส่งผลร้ายต่อร่างกายของเรามากกว่าผลดี เช่น โรคเบาหวาน และเมื่อเราเป็นโรคเบาหวานแล้ว ก็ตามมาอีกหลายโรค และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ “น้ำตาล เป็น อาหารที่สำคัญของเซลส์มะเร็ง” เพราะฉะนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างมากที่เราจะต้องนำตัวเองออกห่างจากความหวานให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้

 หากร้านอาหารร้านใด จะนำวิธีการหุงข้าวดังกล่าวนี้ ไปใช้เป็นเมนูพิเศษ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ ผมก็ยินดีนะครับ เพราะนอกจากจะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับอาหารเมนูนั้นแล้ว  ยังจะทำให้ร้านร้านนั้นๆเป็นร้านที่อินเทรนด์ เกาะกระแสสังคมรักสุขภาพ ซึ่งจะต้องแม่นเรื่องการใช้ข้อมูลมาประกอบการทำอาหารอีกด้วยครับ หรือจะนำภาพที่ผม post นี้ ไปอธิบายเพิ่มเติมกับลูกค้าก็ยินดีครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดี สถาบันแพทย์แผนบูรณาการ และ เวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นอย่างสูงครับ