วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2563

covic-19

   วันนี้แหงนหน้าทำฝ้าจนปวดคอ ลามมาปวดหัว เลยต้องพัก นอนประคบสมุนไพร (สุดยอดจริงๆ ซื้อทั้งเครื่องนวด ทั้งหมอนวด ทั้งยา เอาไม่อยู่ เจอสมุนไพรประคบร้อนถุงละ 900 อบร้อน 2 รอบ หัวอุ่นเลย)
  ขอเขียนโพสอ่านสนุกๆนะครับ
       ดูข่าวเรื่อง covic-19 แอบสงสัยว่า ทำไมประเทศด้อยพัตนาข้างเคียงบ้านเราทำไมไม่มีข่าวติดเชื้อ แต่ทำไมประเทศพัตนาแล้วที่ยุโรปกลับหนักหนาสากรรจ์ ความตายอยู่ใกล้อยู่ข้างหน้าตัวเองเพราะบางคนเห็นคนล้มตายไปต่อหน้า แล้วประเทศที่เจริญน้อยกว่าอย่างเอเซีย ทำไมมีติดเชื้อเหมือนกันแต่ควบคุมการตายได้ดีกว่า ทำไม.??อะไรคือความแตกต่าง..?? สิ่งที่ผมเห็นคือ..ทุกคนบนโลกใบนี้มีกิน  มีใช้  มีครอบครัว มีงาน มี...ทุกๆอย่างเหมือนๆกัน แต่ที่ต่างกันคือ..ความเจริญ ,ความศิวิไลย์ เมื่อมีความเจริญมากก็สังคมมาก ประเทศยากจน ร่างกายแข็งแกร่งกว่าภูมิต้านทานสูงกว่า ไม่มีงานสังสรรค์ ไม่มีห้างให้เดินมากนัก กินอยู่กับบ้านกับครอบครัว ไม่เดินทางมากมาย ไม่เจอคนเยอะแยะ 
  ปัจจัยเหล่านี้หรือเปล่าที่ทำให้คนในประเทศที่ยังไม่เจริญการแพร่เชื้อจึงยากกว่า 
   สังเกตุไหมว่าที่บ้านเรา การติดเชื้อที่ ตจว.จะน้อยกว่าในตัวเมือง..??
  เป็นไปได้ไหมว่า ประเทศยิ่งเจริญยิ่งสังคมมาก ร่วมวงสังสรรค์กันมาก พบปะกันมาก เจ้าไวรัสตัวนี้เหมือพระเจ้าสร้างขึ้นมากเพื่อใช้หยุดพฤติกรรมมนุษย์ที่ชอบสังคม ชอบทิ้งครอบครัวชอบกินนอกบ้าน และวัดความสามัคคี ความเสียสละ เห็นคนอื่นสำคัญมากกว่าหรือเท่าๆตัวเองของมนุษ์ เรียกว่าระวังตัวเอง หยุดเห็นแก่กินเห็นแก่เที่ยว หยุดใช้ชีวิตสบายๆ ทุกคนต้องใช้ชีวิตยากขึ้นก็ต้องยอมเสียสละ ไม่งั้นก็..ตายกันหมด..pjmong

วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2563

Avenger ตอน infinity war

  ผมใช้เวลาว่างๆนั่งคิดเรื่อยเปื่อย ถึงหนังเรื่อง Avenger ภาค infinity war  เนื้อเรื่องหลักๆของภาคนี้คือ เจ้าธานอส ตัวร้ายที่มีความสามารถสูงกว่าใครในจักรวาลขนาด เทพเจ้า ธอร์ของโลกเรา รวมตัวกับสุดยอดมนุษย์อีกมากมายยังสู้ไม่ได้ เจ้าตัวร้ายนี้ มีความคิดว่า สิ่งมีชีวิตในจักรวาลนี้มันมีมากเกินไป เสพทรัพยากร สร้างมลพิษทำลายกันเอง มันเลยคิดว่าด้วยความสามารถของมัน มันควรจะเป็นคนตัดสินใจยุบประชากรจักรวาลลงครึ่งนึง ด้วยการสุ่มให้หายไปครึ่งหนึ่งทั้งจักวาลด้วยการดีดนิ้วเพียงครั้งเดียว
  ในหนังแสดงให้เห็นว่า เจ้าธานอสนี่มันทำเพราะหวังดีต่อจักรวาลจริงๆไม่ได้ทำเพราะความมักใหญ่ใฝ่สูง เพราะมันทำสำเร็จมันก็แปรสภาพตัวเองไปเป็นชาวสวนชาวไร่ธรรมดาๆคนหนึ่ง
   ทีนี้ถ้ามานั่งคิดถึงเรื่องไวรัสตัวนี้ ถ้า...มีใครสักคนที่มีเชื้อต้นแบบอยู่ในมือ เกิดมีความคิดเลียนแบบเจ้าธานอสบ้าง  อยากเป็นคนจัดการโลกวุ่นๆใบนี้ และลดประชากรโลกลง ด้วยการปล่อยเชื้อ แต่ปรานีกว่าในหนังคือ ให้โอกาสมนุษย์คิดเอาเองว่าจะตายมากตายน้อย ใครจะตายใครจะอยู่ ถ้าไม่สามัคคีกัน เห็นแก่ตัว ไม่ระวังตัวเอง พาลไปแพร่เชื้อคนอื่นก็ตายกันมาก และมากขึ้นจนกว่าจะถึงจุดที่ทุกคนตระหนัก หันมาใส่ใจระวังตัวเองจนมันหยุดแพร่ เมื่อนั้นก็หยุดตาย...ดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัว ดูแลสังคม...ช่วยโลกกันนะครับ...pjmong

วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2563

ซีเรียสโจ็ก..จากร้านกาแฟ

   วันนั้นไปนั่งกินกาแฟกับเพื่อนๆ คุยกันหนุกหนาน กันเรื่อง Covic-19 ระวังนั่นอย่างนั้น อย่างนี้ บล่าๆๆๆ...คุยเล่นกันไปๆมาๆ ผมก็เผลอพูดกับเพื่อนๆว่า มือเรานี่แหละตัวดี ที่ชอบไปจับเอาเชื้อมาติดที่นั่นติดที่นี่ พวกแกก่อนเข้าไปฉี่ในห้องน้ำ ก่อนจะจับของตัวเองนะอย่าลืมล้างมือกันนะ..!! คุยกันเฮฮา 
     มาวันนี้นั่งคิดๆดู เรื่องที่เราคุยสนุกเป็นเรื่องโจ๊ก มันกลายเป็นเรื่องจริงจังซีเรียสขึ้นมาแล้วดิ
  คิดๆดูแล้ว มันจริงนะ ..!! ผู้หญิงผมไม่ถนัด แต่ที่แน่ๆคือผู้ชาย เวลาทำภารกิจ ตรงนั้นมันช่องทางเข้าร่างกายเลยนะ  เอามือไปจับนะคิดบ้างไหมว่ามันติดเชื้อง่ายมากเลย เราควรล้างมือก่อนทำภารกิจด้วยการฆ่าเชื้อ ทำเสร็จก็ล้างอีกที ล้างก่อนเพื่อฆ่าเชื้อ ล้างหลังเพื่อความสะอาดของมือ 
     ขออีกสักเรื่องหนึ่งนะครับ..คือ..เมื่อวานไปนั่งทานที่ร้านอาหาร นั่งดูพนักงานเสริฟเวลาเสริฟน้ำเสริฟอาหาร มือพวกเธอจับแก้วคนนั้นแล้วมาเสริฟคนนี้  ถ้าลูกค้าสักคนมีเชื้อละก็..คงติดกันทั้งร้าน ผมเลยบอกเด็กเสริฟไปว่า ขอดูแลตัวเอง จะกลับเมื่อไหร่ ก็มาคิดตังค์ ให้ทิปเหมือนเดิม....pjmong

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2563

เรื่อcovic-19

    สวัสดีครับ ..จาก pjmong ครับ เช้านี้ขออนุญาตร่วมด้วยช่วยสังคมอีกครั้งนะครับ .
 เมื่อคืนดูข่าว ไทยประกาศประเทศเสี่ยงเรื่องเชื้อไวรัสเพิ่มอีก 2 ประเทศคือ เยอรมันกับฝรั่งเศษ ..บนกระดานมีรายชื่อประเทศเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ แปลว่ามันไม่ถอยลงเลย กลับระบาดมากขึ้น  เมื่อไหร่มันจะจบ ? มันจะทำลายชีวิตและเศรษฐกิจของโลกไปอีกนานแค่ไหน? จีนดีขึ้นแต่ทั่วโลกแย่ลง จีนผลิตอะไร คนอื่นก็ไม่มีอารมณ์จะซื้อจะทำธุรกิจด้วยอยู่ดี เรื่อง covic-19 นี้พูดทุกวันก็ไม่น่าเบื่อนะครับ หันมายอมรับได้แล้วว่ามันอันตรายกับเรากับครอบครัวเรา และลุกลามไปได้มากมาย...ง่ายที่สุดคือ ทุกคนร่วมด้วยช่วยกันดูแลตัวเองและคนในครอบครัวอย่าให้ติดเชื้อเท่านั้นก็พอ..
  เชื้อตัวนี้อันตรายที่สุดคือ ..""ลงไปทำลายปอด.."" ลงกระแสเลือดก็เคยมี ลงกระเพาะ ลงไปที่อื่นๆ น่าห่วงน้อยกว่าลงปอด 
  และเส้นทางลงปอดก็มีอยู่ไม่กี่ช่องหลักๆคือ ตา จมูก ปาก ..(ปากแผล ก็ต้องระวังนะครับ มันจะเข้ากระแสเลือด) แล้วอวัยวะอะไรละ?? ที่จะพามันมาถึงปากทางเข้าร่างกายเรา... ? ก็ ""มือ""  เรานี่ไง 
 จงเตือนย้ำกับตัวเองเสมอๆเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ต้องสัมผัสสิ่งของต่างๆที่คนอื่นต้องสัมผัสด้วย คิดๆ เตือนตัวเองไว้ว่า ...
  1. ช่วงนี้ฝึกหัด...""เป็นคนแขนด้วน แบบไม่อายใคร..""   แขนด้วนทั้งแขนยิ่งดี ข้อศอกไม่โดนอะไร เสี่ยงติดเชื้อน้อยที่สุด เพราะแขนและมือเป็นอวัยวะที่จะพาเชื้อมาให้เราหรือจากเราไปให้คนอื่นมากที่สุด ไม่สัมผัสวัตถุอะไรในที่สาธารณะ แม้แต่ข้อศอกก็ไม่ตั้งบนโต๊ะ (เหมือนคนแขนด้วนจริงๆนะ) เปิดประตูห้องน้ำ ไม่ใช้เท้าก็หันหลังใช้ก้นดัน มือถือใส่กระเป๋าอย่างเดียวเลย จะวางที่ไหนก็กระดาษทิทชู่รอง เงิน..ไม่สัมผัสตรงๆได้ไหม??คิดเอาเองว่าทำยังงัย? ถ้าจำเป็นต้องสัมผัส เสร็จกิจรีบล้างมือก่อนที่จะเผลอเอามือไปจิ้มปาก จมูก ตา 
2. อย่าอยู่ใกล้คนอื่นมากนัก กลัวพี่แกเผลอไอจามใส่หน้า 
 3. อันนี้สำคัญมากๆเลย คือที่ส่วนตัวเรา บ้าน รถ ต้องมั่นใจว่าปลอดเชื้อแน่นอน เพราะเราและคนในครอบครัวจะอยู่กับมันมากที่สุด ผลัดกันจับผลัดกันสัมผัส เท่ากับ ผลัดกันแพร่เชื้อมากที่สุดถ้าคนหนึ่งคนใดเอาเชื้อติดมาจากข้างนอก ดังนั้น จะไปไหนมาก็แล้วแต่ทุกคนต้องล้างมือฆ่าเชื้อก่อนขึ้นรถขับเข้าบ้าน หรือก่อนเข้าบ้านเสมอ 
 ...3 ข้อคิดนี้ โดยเฉพาะข้อที่ 1 ผมลองมา 2-3 วันเริ่มจะชินแล้ว เริ่มเข้าใจแล้วว่าคนพิการไม่มีแขนเขาใช้ชีวิตยังงัย??ลองฝึกสนุกๆนะครับ  ฝึกไว้และทำใจเถอะว่าเราอาจต้องฝึกใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนาน ทำให้ชินมันเสียเลยดีกว่า ถ้าทุกคนทำก็ไม่อายกัน ไม่มีใครว่ากลัวจน ""เว่อ ""     
    แค่นี้ก็มากพอ ที่จะช่วยกันสยบไอ้วายร้ายตัวนี้นะครับ...pjmong ..

วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2563

แหม่มโพดำวิจารย์บริจากเงิน covic-19

ในเพจ แหม่มโพธิ์ดำ โพสต์ข้อความระบุว่า ปกติกูไม่วิจารณ์การเมืองแต่นี่มันเหี้...เกินไปปะ รัฐบาลไม่มีมาตรการส้นติงใดๆที่เป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหาเรื่องไวรัสเลย เกาหลี ญี่ปุ่นส่งอาหารหน้ากากให้ประชาชนที่กักตัวด้วยตนเอง ส่วนของไทย ต้อนรับผีน้อยคนดีของชาติกลับแผ่นดิน โดยไม่มีการคาดโทษ หรือควบคุมห่าเหว ปล่อยแม่งไปแดกสุกี้ ไปเดินห้าง ไปกินหมูกะทะ จนห้างร้านต้องปิดทำความสะอาดยกใหญ่สูญเสียรายได้มากมาย คือแค่นี้คนแม่งก็ไม่อยากไปห้างแล้วปะ ตั้งแต่มีการก่อคดีฆ่ากันตายรัวๆ นี่เจอผีน้อยเข้าไปอีก ร้านค้าจะเจ๊งเอา ความฉิบหายนี้รัฐบาลที่รับพวกมันกลับมาโดยไม่มีมาตรการป้องกันใดๆจะรับผิดชอบยังไง
  ถ้าคิดว่านั่นคือที่สุดแล้ว ยังจ้ะ มึงยังดันโครงการแจกเงินช่วยผู้ได้ผลกระทบจากไวรัสแสนล้าน มึงฟังไม่ผิด แสนล้านบาท แล้วรับบริจาคช่วยผู้ป่วยไปพร้อมกัน คือมึงเป็นไบโพลาร์อ่อ แทนที่จะเอาเงินนี่ มาสร้างโรงงานผลิตหน้ากาก มาสนับสนุนสาธารณสุข เตรียมไว้กระตุ้นการท่องเที่ยว ถ้าในอนาคตไวรัสหยุดระบาด หรือเอาไปช่วยคุณหมอ คุณพยาบาล ที่ขาดแคลนหน้ากากอนามัยจนต้องใส่หน้ากากผ้าแทน เสือกเอามาแจกคนจน เพื่อเหี้ยอะไรวะ ขนาดคนไม่มีเงิน เขายังรู้สึกแย่ที่ต้องรับเงินก้อนนี้ ใช้เงินเยอะขนาดนี้ แล้วไม่ได้หน้า แถมคนด่าทั้งประเทศ ก็ควรไปคิดทบทวนใหม่ได้แล้วปะ ไม่แปลกเลยทำไมวลี ผนงรจตกม มันถึงดังขนาดนี้
  หน้ากากขนาดตลาดทั่วประเทศ โรงพยาบาลรัฐเอกชนแทบกระอัก หมอผ่าตัดต้องเสี่ยงอันตรายใช้หน้ากากผ้า แต่ห้างดังหลายแห่งมีหน้ากากขายเป็นล้านอัน สาธารณสุขมีแจก กูนี่ได้แต่ร้อง อหอหอหอหอหแหอหออห ที่ไม่ได้แปลว่าโอ้โหอะ
  พอหมอโอ๊ตออกมาอัดคลิปด่ารัฐบาลเรื่องไวรัส พวกผู้ใหญ่ในรพและสาธา ก็ออกมากดดันหมอ จนแฮชแทค #saveหมอโอ๊ต เต็มทวิตไปหมด พอเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมาขอรับบริจาคหน้ากาก พวกมึงก็เรียกเขาไปด่า ทำเหมือนรพและอนามัยไม่มีปัญหา ความเสื่อมศรัทธานี้กำลังทำลายพวกมึง มองไม่เห็นจริงเหรอ ช่วยทำอะไรบ้าง พวกกูไม่ไหวกันแล้ว แล้วก็ไม่ต้องเดา กูสีอะไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้มันเหี้ยเสียจน สลิ่มโดยสายเลือดในเฟซกูหลายคนที่เคยเอารัฐบาลใส่พานบูชาพร้อมน้ำแดงและนกหวีด ยังรวมตัวกันด่ามึงอะ คิดใหม่เถอะเรื่องโครงการแจกแสนล้าน เลือกทำสิ่งที่ถูกต้องและถูกใจคนในสังคม

ประเทศไทยไม่ใช่โรงทาน เราอยากได้นโยบายที่มันจับต้องได้ และดีในระยะยาว ไม่ใช่คิดอะไรไม่ออกแจกเงิน มันสิ้นคิด


สรุปการป้องกันไวรัส civic-19

   สรุปวิธีการดูแลตัวเอง ก่อนที่ covic-19 จะเข้ามาเยือนครอบครัวเรา..จาก pjmong ครับ
... สิ่งแรกเลย และสำคัญที่สุดคือ ในบ้านของเราต้องเป็นเขตปลอดเชื้อที่สุด ใครจะออกไปไหนมา เข้าบ้านต้องฆ่าเชื้อที่อาจติดมาทุกครั้งก่อนเข้าบ้าน คือวาง อุปกรณ์ล้างมือไว้หน้าบ้านเลยแขกไปใครมา ก่อนเข้าบ้านเราต้องปลอดเชื้อ อ้อ..!!อย่าลืมว่า รถที่เราใช้ก็เป็นส่วนหนึ่งของบ้าน ก่อนขึ้นหรือขึ้นแล้วจะขับกลับเข้าบ้านต้องล้างมือหรือส่วนอื่นของร่างกาย มือ แขน ศอก ด้วยเจลหรือแอกอฮอร์
  ขั้นตอนป้องกัน..ไม่ให้ติดเชื้อ
1.กินร้อน-ช้อนกลาง-ล้างมือ นี่คือสูตรไวรัสทั่วไป แต่ไวรัสตายยากอย่าง covic-19 ไม่พอแค่นั้น ต้อง กินร้อน+ตัวร้อน(ยืนตากแดดฆ่าเชื้อ)+อาหารร้อน( ขิ่ง ข่า กระเทียม กระวาน..)+ช้อนกลาง+ล้างมือ(บ่อยที่สุด)ด้วยสารละลายไขมัน ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน+แอลกอฮอร์หรือเจล +หน้ากากที่ต้องอบหรือเป่าความร้อนฆ่าเชื้อ (57 องศาขึ้นไป) ถ้าจะใช้ซ้ำถ้าซักไม่ทันต้องเป่าลมร้อนใส่หน้าหลัง สายรัด 
 2. กินเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ถ้าโดนเข้าไปจะได้มีอุปกรณ์ฆ่ามันให้ตายด้วย....-
-กินวิตามิน c ทุกวันหรือวันเว้นวัน หรือ 2วันครั้งถ้าเปลือง
 - กินฟ้าทลายโจร (ห้ามเกิน 5 วันติดต่อกัน เดี๋ยวไตพัง เว้นสัก 2สัปดาห์แล้วค่อยกินใหม่
 -กินน้ำด่างทำให้สภาพทั่วไปของร่างกายเช่น ของเหลวในร่างกายมีสภาะเป็นด่าง (ร่างกายมนุษย์ต้องมีสภาวะเป็นด่างเล็กน้อย ค่าph ประมาณ 7-8.5 ) ส่วนสัตว์กินเนื้อร่างกายต้องมีสภาวะเป็นกรด (ใครสนใจเรื่องนี้ผมแนะนำได้เพราะศึกษามาพอควร) หัวน้ำด่างกินง่ายที่สุดใช้ผสมน้ำดื่มหาซื้อได้ตามร้านค้า ของสำนักอโศกทุกสาขา เช่นสันติอโศก
 -กินน้ำบ่อยๆ 
  ....ขั้นตอนถ้าสงสัยว่าโดนแล้วหรือโดนแล้วแต่ไม่รู้ตัว...
1.เมื่อโดนแล้ว(ให้สงสัยไว้ก่อนว่ามือจับอะไรที่มีคนอื่นจับ ได้(เช่น ก๊อกน้ำ ลูกบิด ปุ่มกดทั้งหลาย โต๊ะ เก้าอี้ ผิวโต๊ะอาหาร ฯลฯ)ให้สงสัยไว้ก่อนว่ามีคนอื่นเอาเชื้อมาติดไว้แล้ว ถ้ามันติดอยู่แค่มือ แขน ศอก ถ้าเรายังไม่เอาไปป้ายตา จมูก ปาก แผล  สามารถฆ่ามันก่อนได้ด้วยการล้างมือกับน้ำยาที่ล้างไขมันได้ เขาว่าผงซักฟอกหรือน้ำยาล้างจาน (บอกแล้วงัยว่าเจ้าตัวนี้มันตายยากและสิงสถิตอยู่กับสิ่งของได้นานกว่าไวรัสตัวอื่นเพราะมันมีไขมันช่วยห่อหุ้มมันอยู่ ) ด้ายน้ำไหลผ่าน ,ฆ่าล้างด้วยแอลกอฮอร์หรือเจลแอกอฮอร์(มือเปียกแอลกอฮอร์หรือเจลแล้วต้องปล่อยให้แห้งก่อนอย่าไปจับอะไร(แอลกอฮอร์หรือเจลฆ่าไวรัสตอนมันระเหยหรือกำลังแห้งนะ ยังไม่แห้งอย่าเช็ดออก )
 --ใส่ mask ใส่แล้วอย่าพยายามจับ ต้องฝึกให้ทนกับการใส่โดยไม่ถอดถ้าไม่จำเป็น ระหว่างใส่หน้ากาก เกิดมือไปจับติดเชื้อ แล้วเอามือไปถูกหน้ากาก จากประโยชน์จะกลายเป็นโทษทันทีเพราะ หน้ากากมันอยู่ใกล้ช่องทางเข้าร่างกายเลยคือ ตา จมูก ปาก เรียกว่าเอาไปเสริฟถึงปากทางเข้าเลย
--= สิ่งของที่ต้องจิ้มกด ทั้งหลายให้ใช้ศอก อย่าใช้นิ้วหรือข้อนิ้ว เพราะสองอย่างนี้เวลาเผลอจะใช้แกะ ขยี้จมูกเลย กลับถึงบ้านก็อย่าลืมล้างข้อศอกด้วยละ..
 -== มือถือ ล้างฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอร์ บ่อยๆเหมือนกัน ห้ามเผลอวางบนโต๊ะเด็ดขาดใช้เสร็จวางบนตักหรือยัดใส่กระเป๋าเลย ถ้าจำเป็นต้องตั้งบนโต๊ะก็เอากระดาษรองวาง หรือขอจานใบนึงวางในจานเลย(จานเอาออกมาจากครัวใหม่ไม่เคยผ่านมือใครนอกจากพนักงานเสริฟคนเดียว (ผมว่ากระดาษทิทชู่ดีที่สุดแล้ว)
 -== อยากจะบอกว่า การให้ดื่มน้ำบ่อยๆนะเพราะนี่คือด่านสุดท้ายที่ไวรัสมันเข้าตัวเราแล้ว คือเข้าปากไปแล้ว ต่อไปของมันจะมีทางไป 2 ทางคือ ลงไปทางเดินอาหาร ลงกระเพาะอันนี้พอฆ่าได้ หรือจะเลี้ยวไปทางเดินหายใจลงปอด อันนี้อันตรายที่สุดที่เราป้องกันกันอยู่นี่แหละ ดังนั้นการกินน้ำบ่อย เพราะท่านว่าไว้ว่า ให้คิดว่าเชื้อมันเข้าปากไปแล้ว(เช่นเผลอเอามือโดนปาก หรือเพราะอื่นๆ ให้กินน้ำพามันลงกระเพาะไปเลยจะได้ไปตายในท้องเพราะอุณหภูมิในร่างกายอาจฆ่ามันได้
-ข้อสุดท้าย นี่ง่ายที่สุดถ้าทำได้ ก็ไม่ต้องทำข้ออื่นเลยคือ....ทำตัวเหมือนคนแขนด้วน เตือนตัวเองว่าอย่างนั้น อวัยวะที่เป็นเนื้อของเราคือตั้งแต่มือจนถึงแขน ศอก จะไม่แตะอะไรที่ต้องมาล้างมาฆ่าเชื้อกันบ่อยๆทั้งวัน...เอาเท่าที่คิดได้ตอนนี้นะครับ ...ร่วมด้วยช่วยกันปกป้องตัวเรา-ครอบครัวเรา-สังคมเรา.และ..ประเทศชาติของเรา..pjmong..

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2563

แก่แล้วไม่แก่

จุดประกาย

ศุภวุฒิ สายเชื้อ ปรับเซลล์ให้หนุ่มสาว
March 6, 2019
by เพ็ญลักษณ์ ภักดีเจริญ
   
ไม่อยากเป็นสักโรคเลย จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ถ้าทำเซลล์ไม่แก่ ร่างกายก็ไม่แก่ นี่คือสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์คนนี้นำงานวิจัยมาใช้กับชีวิตและเขียนบทความให้อ่่าน

ในวัย 62 ปีของ ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ นักเศรษฐศาสตร์แถวหน้า แม้จะเกษียณแล้ว แต่ยังทำงานทุกวัน เป็นที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคินภัทร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นวิทยากรรับเชิญ และคอลัมนิสต์ เศรษฐศาสตร์จานร้อน ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และคอลัมภ์ Health Aging หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ

หากถามว่า เป็นไปได้ไหมที่คนเราจะไม่เจ็บ ไม่แก่(มีเซลล์แบบคนหนุ่มสาว) เขาบอกชัดเจนว่า ไม่ใช่ความฝัน เป็นไปได้ และมีการศึกษาวิจัยหลายชิ้นสามารถนำมาใช้ได้กับคนทั่วไป

ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา คุณหันมาวิ่งและปรับเรื่องการกิน การนอน ทำไมสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพ

ที่ผ่านมาผมทำงานหนัก ไม่สนใจสุขภาพ คิดว่าร่างกายจะตอบสนองเรา ตอนอายุ 56 ปีสุขภาพไม่ดีเลย อ้วนและไม่สบายปีละ 4-5 ครั้ง ไปหาหมอ ตรวจดีเอ็นเอพบว่า ในอนาคตมีโอกาสเสียชีวิตด้วยเบาหวาน เพราะมีประวัติแม่เป็นเบาหวาน หมอแนะว่า ถ้ากินวิตามินจะช่วยได้ 20 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือ 80 เปอร์เซ็นต์ต้องช่วยตัวเอง ผมจึงเริ่มศึกษาข้อมูลด้านสุขภาพ ทั้งๆ ที่ไม่มีพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์เลย พยายามดูว่า งานวิจัยอะไรเชื่อถือได้หรือเชื่อถือไม่ได้ เมื่อมีข้อมูลก็รู้ว่าต้องเปลี่ยนแปลงชีวิต

 ตอนนั้นหมอแนะนำว่ายังไง

ไม่ต้องกินอาหารเย็น ให้ร่างกายเผาผลาญน้ำตาลและไขมันให้หมด ผมก็ทำตามนั้น ทำมา 6 ปี ตอนนี้น้ำหนักลดลง 12 กิโลกรัม ผมอ่านงานวิจัยของคุณหมอOhsumi ที่ได้รางวัลโนเบล เรื่อง การทำความสะอาดบำรุงรักษาเซลล์ในร่างกาย การอดอาหารเย็นเป็นวิธีหนึ่งในการกระตุ้นให้เซลล์ไม่แก่ และอีกวิธีคือการออกกำลังกาย วิ่ง ทำให้หัวใจเต้นเร็ว สองอย่างนี้ชะลอความแก่ในระดับเซลล์ คนส่วนใหญ่กลัวต้องกินอาหารให้ครบสามมื้อ จำทีมหมูป่าติดถ้ำได้ไหม ไม่ได้กินอาหาร3-4 อาทิตย์ ก็ไม่เป็นไร การอดอาหารในบางครั้งจะทำให้เซลล์ดีและสุขภาพดีด้วย 

 เป็นการอดอาหารเพื่อปรับสภาพเซลล์?

เคยมีการทดลองให้หนูกินอาหารน้อยมาก จำกัดจำนวนแคลอรี่ 30 เปอร์เซ็นต์ ปรากฎว่าอายุยืนขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ อายุยืนแบบแข็งแรง เพราะฉะนั้นเวลามีคนถามว่า ต้องกินอะไรถึงจะดี ผมบอกว่าอย่ากินเลย หรือกินให้น้อย แต่อย่าอดน้ำ อย่างอิสลามเวลาถือศีลอด ก็ไม่เห็นมีใครเป็นอะไร

เซลล์คนเรา ถ้าถูกกดดันบ้าง โดยการอดอาหารหรือวิ่ง ร่างกายจะแข็งแรง แนวคิดนี้เป็นการรักษาตัวเองในระดับเซลล์ไม่ให้ป่วยด้านใดเลย เพราะผมไม่อยากเป็นสักโรค จึงต้องทำเซลล์ให้หนุ่มสาว

 
เหตุใดการวิ่งทำให้เซลล์ในร่างกายหนุ่มสาวขึ้น

การวิ่งระดับที่เหมาะสมที่สุด คือ 20-30 กิโลเมตรต่อสัปดาห์ วิ่งมากกว่านั้น หรือ น้อยกว่านั้น ไม่ทำให้แข็งแรงเท่าคนที่วิ่ง 20-30 กิโลเมตร แต่ละครั้งวิ่งไม่เกินหนึ่งชั่วโมงประมาณ 5-7 กิโลเมตร สัปดาห์หนึ่งวิ่ง 3-4 ครั้งก็พอแล้ว ช่วงแรกๆ ผมวิ่ง 3 กิโลเมตร เหนื่อยแทบแย่ ตอนนี้สามารถวิ่ง 5-10 กิโลเมตร  เมื่อผมไม่กินข้าวเย็น ผมก็มีเวลาวิ่ง เพราะปกติคนจะคิดว่า หลังทำงานหนัก ต้องกินมื้อเย็นหนักๆ นั่นเป็นสิ่งที่แย่ที่สุด

 
ถ้าอย่างนั้นการวิ่งมาราธอนก็ไม่ได้ทำให้แข็งแรงมากขึ้น ?

  ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ เราจะพยายามคิดเรื่อง ทำในระดับพอดีหรือดีที่สุด ถ้าวิ่งเกินกว่านั้น ไม่มีประโยชน์ ถ้าถามผมว่า เคยคิดจะวิ่งมาราธอนไหม...ไม่จำเป็น แต่ถ้ามีข้อมูลออกมาว่า วิ่งมาราธอนแล้วสุขภาพดีเลิศ ผมก็จะฝึกฝนตัวเองให้วิ่งมาราธอน

 หลายคนบอกว่า วิ่งเยอะๆ ทำให้เข่าเจ็บ ?

  ผมได้ยินเรื่องนี้เยอะ ผมลองอ่านข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งมีอยู่จำกัดและไม่ใหม่ มีงานวิจัยเรื่องนี้ช่วง 10 ปีหรือ 3-4 ปีที่แล้ว และก็หยุดวิจัย ไม่เคยมีหลักฐานอะไรที่บอกว่าวิ่งแล้วทำให้เจ็บเข่า ยกเว้นเจ็บเข่าอยู่แล้วไปวิ่ง หรือวิ่งผิดท่าแล้วล้ม ถ้าจะวิ่งก็วิ่งให้ถูกวิธี ใช้รองเท้าให้ถูกต้อง ผมวิ่งมาหลายปี รู้เลยว่า เข่าแข็งแรงขึ้น 

 นอกจากวิ่งและอดอาหาร ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกไหม

ผมอ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับการแก่อย่างมีคุณภาพ พูดง่ายๆ เลยครับ คนเรามีเกิด แก่ เจ็บ และตาย กล้าคิดไหมว่า จะทำชีวิตให้มีแค่เกิดและตาย ไม่แก่ ไม่เจ็บ

 แก่อย่างมีคุณภาพ เป็นความท้าทายอีกอย่างในชีวิต ?

  ไม่ใช่สิ่งท้าทาย แต่เพื่อผลประโยชน์ของเรา ผมอ่านข้อมูลเยอะ เชื่อได้ว่ามีหนทางไปสู่ตรงนั้น

 ทำไมคุณเชื่อว่าทำได้

เพราะเทคโนโลยีมาแล้ว แค่เรื่องออกกำลังกาย การวิ่งมีประโยชน์มากที่สุด ทำให้หัวใจเต้นเร็ว เส้นเลือดแข็งแรง อวัยวะที่ใช้เลือดมากที่สุดคือ สมอง และสมองคนเราหนักแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว แต่ใช้แรงงานกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นวิ่งแล้วเลือดสูบฉีด อวัยวะที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือสมอง

สิ่งที่คนเรากลัวมากที่สุดตอนแก่ คือ อัลไซเมอร์ จะแก้ปัญหานี้ต้องวิ่ง เวลาวิ่งสมองจะสั่งการให้วิ่งอย่างสมดุล วิ่งยากกว่าเดินต้องมองซ้าย มองขวา การวิ่งเป็นการออกกำลังสมอง วิ่งแล้วสมองโปร่ง เวลาคิดอะไรไม่ออก วิ่งแล้วจะคิดออก

คนเราต้องใช้ชีวิตตามวัฏจักรธรรมชาติ หลังพระอาทิตย์ตกต้องหยุดกินและนอน ร่างกายไม่ได้ถูกออกแบบให้กินอาหารตอนดึกๆ ในงานวิจัยคุณหมอที่ได้รางวัลโนเบล มีการทดลองโดยให้หนูสองกลุ่มกินอาหารเหมือนกัน แคลอรี่เท่ากัน กลุ่มหนึ่งให้กินเวลาไหนก็ได้ อีกกลุ่มให้กินวันละ 8 ชั่วโมง หนูกลุ่มแรก น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นกว่ากลุ่มที่สอง 30 เปอร์เซ็นต์ สรุปว่าช่วงเวลาที่คนกินอาหารมีผลต่อน้ำหนักตัว ไม่ใช่แค่แคลอรี่ คนเราควรกินอาหารในช่วง 8 ชั่วโมงจาก 24 ชั่วโมง ถ้าคุณเริ่มทานอาหารตอน 10.00 น.ก็ควรหยุดทานตอน18.00 น.

 
ทำอย่างนั้นเป็นการทรมานร่างกายไหม

ไม่ทรมานเลย ปรับได้ ยังมีอีกกรณีในเรื่องการอดอาหาร ในหนึ่งสัปดาห์มีสูตรที่บอกว่า ให้อดอาหารสองวันคือ อังคารกับพฤหัส อันนี้ยากกว่า ส่วนแนวคิดที่ว่ากินแต่โปรตีน งดแป้ง  ร่างกายจะได้เผาผลาญไขมัน สามวันแรกไม่กินแป้ง วันที่สี่น้ำหนักลงฮวบ หลายคนชอบทำ อันตรายไม่ควรทำ ในระยะยาวจะไม่ดีต่อสุขภาพ ผมแนะนำให้ทานอาหารพอประมาณภายใน 8 ชั่วโมง และตามใจปากได้ระดับหนึ่ง

 

นอกจากออกกำลังกายและกินอาหารให้ถูกต้อง ต้องนอนกี่ชั่วโมงถึงจะดี ?

เรื่องนอนสำคัญกว่าที่หลายคนคิด ถ้านอนไม่พอ โอกาสสูงมากที่จะเป็นอัลไซเมอร์ หัวใจและเบาหวาน น้ำหนักขึ้น และภูมิคุ้มกันต่ำ มีหนังสือเรื่อง Why we sleep ของดร. Matthew Walker เขียนออกมาดีมาก เล่าถึงพิษภัยของการนอนไม่เพียงพอ คนเราควรนอนคืนละ 7-8 ชั่วโมง นอนหลับลึก หรือ deep sleep ประมาณคืนละเกือบ 2 ชั่วโมง หลับตื้น 4 ชั่วโมง และหลับฝันประมาณ 2 ชั่วโมง ถ้าครบสุขภาพจะดี ถ้านอนน้อยจะมีฮอร์โมนที่ทำให้หิว คนที่นอนน้อย ก็เลยกินเยอะและอ้วน ถ้าคุณนอนไม่พอสมองจะรกรุงรัง เรียกว่า beta amyloid จะมีเมือกมาเคลือบสมองเพิ่มขึ้่นเรื่อยๆ ทำให้สมองเสื่อม

 ถ้าจะทำให้เซลล์ไม่แก่ ต้องดูแลร่างกายอย่างไร

นักวิจัยกลุ่มนี้บอกว่ามาทำเซลล์ในร่างกายให้ดี ไม่ป่วยสักโรคดีกว่า แก้ปัญหาเรื่องความแก่ ผมเชื่อแนวนี้มากกว่ารักษาทีละโรค  ไม่อยากเป็นสักโรค ถึงเวลาตายก็ตายเลย อย่างงานวิจัยของดร. Leonard Guerante (MIT) และดร.David Sinclair (มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด)เวลาที่คุณออกกำลังกายและอดอาหาร จะกระตุ้นเซลล์ไม่ให้แก่ 

 
หากไม่ออกกำลังกายและไม่อดอาหาร มีวิธีอื่นที่จะทำให้สุขภาพดีไหม

15 ปีที่แล้ว ดร.David Sinclair ทดลองเอาสาร Resveratrol ในไวน์แดง เอาสารตัวนี้ไปฉีดในหนูทำให้หนูอายุยืน ผู้ศึกษาบอกว่า ถ้าจะทำให้คนอายุยืน ร่างกายต้องได้รับสารResveratrol เพียงพอ ต้องดื่มไวน์แดงวันละ 300 แก้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ทำให้คนจำได้ เพราะสารตัวนี้ไปกระตุ้นโปรตีนที่เรียกว่า circuven ซึ่งจะเข้าไปจัดการให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้น

แต่ปรากฎว่ามีสารอีกตัว NAD+ ซึ่งดีกว่า เป็นตัวที่กระตุ้นยีน circuven คนที่อายุ 20 จะมีอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนคนอายุ 50 จะเหลือแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ พบว่าทำให้เซลล์เป็นหนุ่มสาว ตอนนี้มียาที่ผลิตออก ขายที่ฮ่องกงและสิงคโปร์เรียก Niagen กินไปแล้วจะทำให้หลับดี และทำให้ฝัน

ตอนเด็กๆ เราจำได้ว่าเราฝัน เพราะสมองเราพัฒนา แต่พอแก่แล้วทำให้เลิกฝัน เพราะสมองหยุดพัฒนา พอกินยาชนิดนี้แล้วฝันแสดงว่า สมองพัฒนาใหม่ และตื่นขึ้นมาสดใส ถูกรับรองว่าปลอดภัยแล้ว แต่ไม่มีรัฐบาลไหนในโลกนี้ยอมรับว่า ความแก่เป็นโรค รัฐบาลไม่ยอมขึ้นทะเบียนว่าเป็นยารักษาโรคแก่

 
แล้วเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ทำให้เซลล์กลับมาหนุ่มสาวมีอีกไหม

ยังมีอีกสามส่วน อันหนึ่งมีการทดลองอยู่และพบว่า ยารักษาโรคเบาหวาน Metformin กินไปแล้วมีผลข้างเคียงทำให้อายุยืนและแข็งแรง ตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดกำลังทดลอง อีกอันคือ Target of Rapamycin (TOR) หลักการ คือ ยาที่ช่วยให้คนที่ปลูกถ่ายอวัยวะร่างกายไม่ปฎิเสธ ยานี้ช่วยกดภูมิต้านทานให้ยอมรับ มีผลข้างเคียงทำให้อายุยืน มีการทดลองกับสัตว์เลี้ยงที่ไม่สบายเป็นโรคหัวใจ ทำให้ฟื้นตัวและอายุยืน ตอนนี้มีการศึกษาวิจัยที่พบว่า บางทีเซลล์ในร่างกายเราตาย แบบไม่ตาย กลายเป็นเซลล์ซอมบี้ และเซลล์ส่วนนี้ทำให้เซลล์อื่นเป็นซอมบี้ไปด้วย มีบริษัทสตาร์อัพสามสี่แห่งกำลังหายาฆ่าซอมบี้เซลล์ ถ้าฆ่าได้ เซลล์ในร่างกายจะกลับมาหนุ่มสาว

 ดูมีความหวังที่จะทำให้คนป่วยน้อยลง?

ยังมีงานวิจัยเป็นสิบๆ เรื่องที่นักวิจัยพยายามทดลอง อย่างดร.David Sinclair นอกจากงานวิจัยที่กล่าวมา เขายังได้เงินจากนาซ่าให้วิจัยต่อ เพื่อผลิตยาให้นักบินขึ้นยานไปดาวอังคาร โดยไม่เป็นมะเร็งตายก่อน เพราะระหว่างทางนักบินต้องโดนกัมมันตภาพรังสีตลอดทาง ถ้าทำกินยาที่สามารถป้องกันมะเร็งได้ ก็ไม่ต้องสร้างยานหนักๆ โดยดร.David ร่วมมือกับโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่นทำการทดลองผลิตยา  NMN ออกมาขายแพงมาก ผมกำลังติดตามการวิจัยเหล่านี้ มันมีอนาคต ผมเดาว่าอีกยี่สิบปี คงต้องมียาที่ได้รับการรับรองในระดับเซลล์

 คุณวางเป้าหมายว่า จะมีชีวิตอยู่ถึงอายุเท่าไหร่

ผมไม่รู้ ไม่ได้สนใจ แต่อยากสุขภาพดีจนถึงวันสุดท้าย ถึงเวลาต้องตายก็ตายเลย

 
ฝันไปหรือเปล่า

ไม่ใช่ความฝัน เป็นความจริง และมีความเป็นไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากออกกำลังกายและทำแบบที่ผมพูด 6 ปีผ่านมา ผมสุขภาพดีขึ้น ผมเดินทางไปไหนก็ได้ ไม่ปวดหลัง ไม่เจ็บเข่า  และปรากฎว่าเวลาผมพูดหรือบรรยายเรื่องสุขภาพ คนสนใจมากกว่าเรื่องเศรษฐกิจ เพราะเรื่องสุขภาพไม่มีคนเรียบเรียงและวิเคราะห์ข้อมูลแบบนี้ออกมา  ผมต้องค่อยๆ แกะงานวิชาการภาษาอังกฤษใช้เวลาเป็นปีๆ

 
ถ้าอายุยืนมากๆ ต้องเตรียมเรื่องการเงินอย่างไร

แนวทางนี้ไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจครอบครัวและคนใกล้ชิด ใช้เงินน้อย แต่ต้องลงมือทำด้วยตัวเอง ผมคิดว่าแนวคิดนี้จะถูกต้องในระยะยาว ดิสรัประบบสาธารณสุข ถ้าทำได้โรงพยาบาลจะว่าง

 คนในโลกนี้ ควรมีอายุขัยเท่าไหร่

ไม่ว่าประเทศพัฒนาหรือไม่พัฒนา จะมีช่วงที่คนอายุยืน 75-85 ปี พอถึงจุดหนึ่งสุขภาพเริ่มเสื่อม ป่วยและเจ็บก่อนตายนาน 6-10 ปี แก่แบบไม่แข็งแรง แต่สิ่งที่ผมศึกษาคือ ถ้าแก่แล้วใช้ชีวิตได้ปกติ จะตายเมื่อไหร่ ไม่ว่ากัน แต่ต้องไม่เจ็บไม่ป่วย สมมติว่าผมอายุยืนถึง 85 ปี ถ้าไม่สบายก็อยากให้เป็นช่วงอายุ 84 ปี 11 เดือน 29 วัน ไม่สบายวันเดียวตายเลย ช่วงที่แก่แล้วเจ็บป่วยสั้นที่สุด ถ้าป่วยนานๆ มีผลต่อเศรษฐกิจ และเป็นภาระสำหรับคนรอบข้างและลูกหลาน

ในงานวิจัยปี 2018 ในประเทศไทยคนอายุ 60 ปีกว่าๆ มีอยู่ 12 ล้านคน ปี 2040 คนกลุ่มนี้จะเพิ่มเป็น 20 กว่าล้าน ผมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ต่อไปจะเป็นภาระทางเศรษฐกิจ ส่วนคนวัยทำงาน ช่วงอายุ 25-44 ปีในช่วงปีเดียวกัน จะลดปริมาณจาก 20 ล้านคนเหลือ 15 ล้านคน และคนช่วงอายุ 45-54 ปี จะลดลงจาก 11 ล้านคนเหลือ 9 ล้านคน

คนวัยทำงานกลุ่มนี้จะหายไป 7 ล้านคน คนสูงวัยกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้น 8 ล้านคน จะทำให้รัฐบาลคงต้องเก็บภาษีคนวัยทำงานเยอะขึ้น เพื่อมาเลี้ยงคนไม่ทำงาน และคนป่วย แต่

แก่แล้วต้องสุขภาพดี ไม่อย่างนั้นเป็นภาระทางเศรษฐกิจ ? 

 ย้ำนะครับไม่ต้องการ 30 บาทรักษาทุกโรค เพราะไม่อยากเป็นสักโรค

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2563

สวย(เพราะ) กับ เก่ง.....

    เนื่องจากตัวผมเอง ทำกิจกรรมหลายอย่างมากมายตั้งแต่