วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ปรัชญาชีวิต คำกลอนสอนใจ

วิชาเหมือนสินค้า ............. อันมีค่าอยู่แดนไกล
ต้องยากลำบากไป .............จึงจะได้สินค้ามา
จงตั้งเอากายเจ้า ............... เป็นสำเภาอันโสภา
ความเพียรเป็นโยธา ......... แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ
นิ้วเป็นสายระยาง ............. สองเท้าต่างสมอใหญ่
ปากเป็นนายงานไป ........... อัฌชาสัยเป็นเสบียง
สติเป็นหางเสือ ................. ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง
ถือไว้อย่าให้เอียง ...............ตัดแล่นเลี่ยงข้ามคงคา
ปัญญาเป็นกล้องแกล้ว ........ ส่องดูแถวแนวหินผา
เจ้าจงเอาหูตา ................... เป็นล้าต้าฟังดูลม
ขี้เกียจคือปลาร้าย .............. จะทำลายให้เรือจม
เอาใจเป็นปืนคมน์ .............. ยิงระดมให้จมไป
จึงจะได้สินค้ามา ............... คือวิชาอันน่าพิสมัย
จงหมั่นมั่นหมายใจ ........... อย่าได้คร้านการวิชา


ด อ ก ส ร้ อ ย สุ ภ า ษิ ต

เด็กเอ๋ยเด็กน้อย
ความรู้เรายังด้อยเร่งศึกษา
เมื่อเติบใหญ่เราจะได้มีวิชา
เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน
ได้ประโยชน์หลายสถานเพราะการเรียน
จงพากเพียรไปเถิดจะเกิดผล
ถึงลำบากตรากตรำก็จำทน
เกิดเป็นคนควรหมั่นขยันเอย

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ปรัชญาชีวิต เรื่องของการใช้สติดำเนินชีวิต

󾠢 หนังสือ Time Magazine

บอกว่า ที่อเมริกา มีงาน วิจัย พบว่า คน ที่มี ความสุข มาก ที่สุด ในโลก คือ ทดสอบ ด้วยการ สแกน สมอง พระ ที่ทำ สมาธิ  และ ได้ ผลลัพธ์ ออกมาว่า เป็นจริง

-  หลัก ความเชื่อ ของ เหตุ ที่ทำ ให้เกิด ความสุข นั้น ก็คือ อยู่กับ ปัจจุบัน ขณะ ปล่อยวาง ได้ ในสิ่งที่ เกิดขึ้น แล้ว ควบคุม ความอยาก ที่ ไม่มี สิ้นสุด

- ไม่ใช้ ความ รุนแรง ไม่ ทะเลาะ และ ใช้หลัก เวรย่อม ระงับ ด้วยการไม่ จองเวร ให้อภัย ตัวเอง และ ผู้อื่น มี จิตใจ เมตตา กรุณา และ เสียสละ เพื่อ ผู้อื่น

-  อริยสัจ 4
สิ่งที่ พระพุทธเจ้า ทรง ค้นพบ
และ บอกไว้ด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แท้จริงแล้ว ก็คือ ทางเดิน ไปหา คำว่า " ความสุข " เพราะ ถ้าเมื่อไร เรากำจัด " ความทุกข์ " ได้แล้ว ความสุข ก็จะ เกิดขึ้น

-  อุปสรรค ของ ความสุข ก็คือ
แรง ปรารถนา และ ตัณหา คนเรา จะมี ความสุข ไม่ ขึ้นอยู่ กับว่า" มีเท่าไร "
แต่ ขึ้นอยู่ ที่ว่า เรา " พอเมื่อไร "
ความสุข ไม่ได้ ขึ้นกับ จำนวน
สิ่งของ ที่เรามี หรือเราได้...

- ดังนั้น วิธี จะมี ความสุข
อันดับแรก ต้อง
" หยุด ให้เป็น และ พอใจ ให้ได้ "
- ถ้าเรา ไม่หยุด ความอยาก ของเรา แล้ว ละก็...เรา ก็ จะต้อง วิ่งไล่ตาม หลายสิ่ง
ที่เรา " อยากได้ " แล้วนั่น มันเหนื่อย และ ความทุกข์ ก็จะ ตามมา...

- ข้อ ต่อมา ที่ทำ ให้เรา เป็นสุข คือ การมอง ทุกอย่าง
ในแง่ บวก ชีวิต แต่ละวัน
แน่นอน.. เรา ต้องเจอ ทั้ง เรื่องดี และ ไม่ดี ถ้าเรา อยากจะ มีความสุข  เราต้อง เริ่ม ด้วยการ มองแต่ สิ่งดี ๆ
มองให้ เป็นบวก เพื่อ ใจเรา จะได้ เป็นบวก คิดถึง สิ่งที่ เราทำ สำเร็จแล้ว ในวันนี้ สิ่งดี ๆ ที่เรา ได้ทำ

-  ข้อต่อมา คือ การให้
หมาย รวมถึง การให้ ใน รูปแบบ สิ่งของ หรือเงิน เรียกว่า.. บริจาค และ การให้ ความ เมตตา กรุณา ต่อกัน
ให้อภัย ทั้งตัวเอง และ คนอื่น
สิ่งเหล่านี้ ล้วน แล้วแต่ เป็น ปัจจัย ทำให้เรา มี ความสุข....

- การ ปล่อยวาง ให้ได้
ใน ทุกสิ่ง ที่ เกิดขึ้น แล้ว
และ ที่กำลัง จะเกิดขึ้น ใน อนาคต ไม่ว่า เรื่องจะ ร้ายแรง
และ เศร้าโศก เพียงใด จำไว้ ว่า มัน จะโดน เวลา พัดพา มันไป จากเรา ไม่ช้า ก็เร็ว เรา จะผ่านพ้น ไปได้....และ ยอมรับ ในความ เป็นจริง ของ ชีวิต ไม่ว่า จะเป็น เรื่องที้เรา ไม่ชอบ เพียงใด ไม่ว่า ผิดหวัง
สูญเสีย เจ็บป่วย ล้วน แล้วแต่  เป็น ส่วนหนึ่งของ ชีวิตเรา
ทุกคน ต้อง ได้ผ่านบท ทดสอบ นี้ทั้งสิ้น ไม่ว่า เราจะ เป็นใคร...

- ทำตนเอง ให้สดใส
ด้วยการ ยิ้มให้ ตนเอง
- ทำ คนอื่น ให้ สดใสได้
ด้วยการ ยิ้มให้เขา
- การยิ้ม ไม่ต้อง ลงทุน อะไร เลย แต่สร้าง ความ สดใส ได้มาก ทำให้เรา เป็นสุข อยู่เสมอ เพราะ ความสุข มัน อยู่ใกล้ แค่นี้เอง แค่ที่ ใจ ของเรา นี่เอง

- ยิ้มแย้ม อย่าง แจ่มใส
เห็นใคร ทักก่อน นี่คือ.. วิธี แสดงเสน่ห์ แบบง่าย ๆ แต่ ให้ผล มาก

- การ ให้อภัย ไม่ต้อง ลงทุน อะไรเลย
- แต่การ แก้แค้น ลงทุนมาก

- เขาด่า ว่าเรา ไม่ถึง นาที
เขาอาจ ลืมไป แล้วด้วย
แต่เรา ยังจดจำ ยังเจ็บใจ อยู่
... นี่เรา ฉลาด หรือโง่ กันแน่

- บ่นแล้ว หมดปัญหา ก็น่าบ่น
บ่นแล้ว มีปัญหา ไม่รู้ จะบ่น หาอะไร

- เรา ยังเคย เข้าใจผิด ผู้อื่น
ถ้า คนอื่น เข้าใจเรา ผิดบ้าง
ก็ใช่ว่า จะเป็น เรื่องแปลก อะไร ทำไม ต้อง เศร้าหมอง ในเมื่อเรา ไม่ได้ เป็นอย่าง ที่ใคร เข้าใจ

- อย่าโกรธ ฟุ่มเฟือย
- อย่าโกรธ จุกจิก
- อย่าโกรธ ไม่เป็น เวลา
- อย่าโกรธ มาก จะเสีย สุขภาพกาย และ สุขภาพจิต

- แม้ จะฝึก ให้เป็น ผู้ไม่โกรธ ไม่ได้
- แต่ฝึก ให้เป็น ผู้ไม่โกรธ บ่อยได้
- ฝึก ให้เป็น ผู้รู้จัก ให้อภัย ได้

- การ นินทา ว่าร้าย เป็นเรื่อง ของเขา
- การให้ อภัย เป็นเรื่อง ของเรา

- การชอบ พูดถึง ความดี ของเขา คือ ความดี ของเรา  - - การ ชอบพูด ถึงความ ไม่ดี ของเขา คือความ ไม่ดี ของเรา

- โทษ คนอื่น แก้ไข อะไร ไม่ได้
- โทษ ตนเอง แก้ไขได้

- แก้ตัว ไม่ได้ ช่วยอะไร
แต่ แก้ไข ช่วยให้ ดีขึ้น

- การ นอนหลับ เป็นการ พักกาย
- การทำ สมาธิ เป็นการ พักใจ
คน ส่วนใหญ่ พักแต่กาย
ไม่ค่อย พักใจ

- รู้จัก ทำใจ ให้รัก ผู้บังคับ บัญชา
- รู้จัก ทำใจ ให้รัก ลูกน้อง
- รู้จัก ทำใจ ให้รัก เพื่อน ร่วมงาน
- สวรรค์ ก็อยู่ ที่ทำงาน
- เกลียด ผู้บังคับ บัญชา
- เกลียด ลูกน้อง
- เกลียด ผู้ร่วมงาน
- นรก ก็อยู่ ที่ทำงาน

- การ ที่เรา ยังต้อง แสวงหา ความสุข แสดงว่า เรายังขาด ความสุข แต่ ถ้าเรา รู้จัก ทำใจ ให้ เป็นสุข ได้เอง ก็ ไม่ต้อง ไปดิ้นรน แสวงหา ที่ไหน

- อ่อนน้อม อ่อนโยน
อ่อนหวาน นั้นดีแล้ว
- อ่อนข้อ ให้เขาบ้าง ก็ยิ่งดี
- แต่... อ่อนแอนั้น ไม่ดี
- ในการ คบคน ศิลปะ ใด ๆ
ก็สู้ ความ จริงใจ ไม่ได้
- จง ประหยัด คำติ
แต่อย่า ตระหนี่ คำชม

- อภัย ให้แก่กัน ในวันนี้ ดีกว่า อโหสิ ให้กัน ตอนตาย

- ถ้าคิด ทำความดี ให้ทำได้ ทันที
- ถ้าคิด ทำ ความชั่ว ให้เลิกคิด ทันที
- ถ้า เลิกคิด ไม่ได้ ก็อย่าทำ วันนี้ ให้ ผลัดวัน ไปเรื่อย ๆ

- ถึงจะรู้ ร้อยเรื่อง พันเรื่อง ก็ ไม่สู้ รู้เรื่อง ดับทุกข์
- โลกสว่าง ด้วยแสงไฟ    ใจสว่าง ด้วยแสงธรรม
- แสงธรรม ส่องใจ แสงไฟ ส่องทาง

- ผู้ สนใจธรรม สู้ ผู้รู้ธรรม ไม่ได้
- ผู้รู้ธรรม สู้ผู้ ปฎิบัติธรรม ไม่ได้
- ผู้ ปฎิบัติธรรม สู้ผู้ที่ เข้าถึง ธรรม ไม้ได้

- มีทรัพย์มาก ย่อม มีความ สะดวก มาก
- มีธรรมะ มาก ย่อมมี ความสุข มาก

󾠨 เมื่อก่อน ยังไม่มีเรา
เราเพิ่ง มีมา เมื่อ ไม่นาน มานี้เอง
และ อีก ไม่นาน ก็จะ ไม่มี เราอีก
จึงควร รีบทำดีทำสมาธิภาวนา ในขณะที่ ยังมี... เราอยู่

เห็นว่าดีโปรดส่งต่อ

ปรัชญา การทำบุญ

** สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) วัดระฆังโฆสิตาราม
     
  "ทำไมต้องทำบุญ?"

..เพราะ บุญ เป็นพลังงาน ที่มีพลังดึงดูด ความเจริญ มาสู่ชีวิต เป็นต้นเหตุ แห่งความสุข ความสำเร็จ ในชีวิต

..ถ้าบุญน้อย อุปสรรคในชีวิตก็มาก
..ถ้าบุญมาก อุปสรรคในชีวิตก็น้อย

..ถ้าบุญอ่อนกำลังลง หรือ บุญหมด..
..บาปที่เคยทำไว้ ก็จะได้โอกาส ส่งผล
..ทำให้ชีวิต มีอุปสรรค ต่างๆนานา
..เช่น เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่มีความสุข หมดอำนาจวาสนา เสียชื่อเสียงเกียรติยศ แม้คนที่รักกันก็หมดรัก แม้ทรัพย์ที่มีอยู่น้อยนิด ก็ยังรักษาไว้ไม่ได้..

..ฉะนั้น การจะมี ทรัพย์สมบัติทุกอย่าง และ ความสมบูรณ์พร้อมในชีวิต ก็ต้องมีบุญ ที่มากเพียงพอ

..ซึ่งไม่ว่า จะอยู่ในสถานภาพใด ล้วนต้องอาศัยบุญทั้งนั้น ไม่ว่าจะอยากอยู่แบบพอมีพอกิน หรือ คิดจะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี หรือ พระเจ้าจักรพรรดิ

..แม้กระทั่ง ปรารถนา ที่จะหมดกิเลส บรรลุมรรคผล นิพพาน เป็นพระอรหันต์ เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องมีบุญถึง บารมีถึง ถึงจะดำรงอยู่ในสภาวะนั้น ได้อย่างมั่นคง และมีความสุข

..ด้วยเหตุนี้ เราจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะสั่งสมบุญ

..เพราะบุญ คือ เบื้องหลังความสุข ความสำเร็จ ในชีวิตทุกระดับ อย่างแท้จริง..

(folded hands)(folded hands)(folded hands)(แชร์ไปได้บุญ) สาธุๆๆ
บุญและทาน ที่บังเกิดมี ในการส่งต่อ ขอให้เป็นอภิมหาบุญ ขอให้ผู้ที่ส่ง  มีความสุข  มีความเจริญ  รุ่งเรือง  ร่ำรวย มีความสุขกายสบายใจ  มีสุขภาพดี ไม่เจ็บไม่จน ปรารถนาสิ่งใด  สมความปรารถนาทุกๆประการ ขอให้ผลบุญนั้น เห็นผลทันตา ด้วยเทอญ (อธิษฐาน) สาธุ

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

อยุธยาไม่เคยสิ่นคนดี

          ผมนึกถึง คำพูดที่เคยได้ยินบ่อยๆว่า ..""ไม่ต้องกลัวหรอก อยุธยาไม่เคยสิ้นคนดี...""หมายความว่า อะไรจะเกิดขึ้นในเมืองไทยจนล่มสลายขนาดไหน ก็จะมีคนดีมากอบกู้เสมอ ..ในที่ผ่านมาผมคุยกับเพื่อนมาเสมอว่า จริงอยู่อยุธยาไม่เคยสิ้นคนดี ประเทศเราเคยตกเป็นของคนอื่น(หมายถึงทั้งประเทศเลยนะ ไม่ใช่แค่ การเงิน การปกครองหรือเศรษกิจ เหมือนสมัยนี้) ถึงสองครั้ง แต่ละครั้งเรามีคนดีอย่างพระนเรศวรในครั้งแรก และ พระเจ้าตากฯในครั้งที่ 2 มากอบกู้
   แต่สิ่งที่ผมเห็นจริงมาตลอดก็คือ คนดีสองคนนั้นได้เกิดขึ้นหลังจาก  ประเทศเราล่มสลายกันไปแล้ว และก็เกิดจากความชั่วของคนอื่นก่อน หมายถึงมีคนชั่วมาทำให้ประเทศป่นปี้ไปก่อน เป็นลบไป แล้วคนดีของศรีอยุธยาถึงได้เกิดมาดึงให้กลับมาแค่เป็นศูนย์เหมือนเดิม  บ้านเราจะไม่มีโอกาสมีคนดี ในยามสงบ ทำจากสงบมาเป็นบวก เหมือนลีกวนยูทำให้สิงค์โปรเลยหรือครับ  ผมนั่งรอวีรบุรุษของคนไทยคนนั้นทุกวันว่าเมื่อไหร่จะเกิดสักที  คิดไปคงจะยากเพราะ ลีกวนยูพัตนาประเทศสิงค์โปรในยามสงบ ประเทศอยู่ในสภาวะที่พร้อมจะเดินหน้า การศึกษาของคน เศรษกิจ การเมือง การบังคับใช้กฏหมาย การเคารพกฎเกณฑ์ของบ้านเมือง ความหยิ่งและรักเกียติในการประกอบอาชีพของคนในชาติ ท่านลีกวนยูแค่เป็นคนมองการณ์ไกล ฉลาด ตั้งมั่น และที่สำคัญ เขาพร้อมเสียสละทำเพื่อประเทศของเขา คนในชาติของเขา อย่างจริงใจ
  แล้วทำไมประเทศเราถึงไม่เป็นแบบนั้น...??
    ก็เพราะ บ้านเราไม่เคยอยู่ในสภาวะพร้อมพัตนาเลยสักครั้ง เป็นลบมาตลอด ไม่เคยสงบให้ตั้งหลักเดินหน้าได้สักที ตอนนี้ยังไม่ต้องหวังรอวีรบุรุษมาพัตนามาทำให้บวกหรอกครับ แค่หาคนดีที่ว่ามาแก้ความเป็นลบ(ของทุกเรื่องที่มีอยู่)ก็ยากเต็มทีแล้ว ขนาดเอาทหารว่าแกร่งที่สุดแล้วที่จะบังคับอะไรก็ได้ ยังกุมขมับอยู่ทุกวันนี้
    ทำไมเมืองไทยจะมีคนดีเกิดขึ้นทั้งทีต้องมีคนชั่วทำลายให้พังก่อน เหมือนอดีตที่ผ่านมา เสียกรุงครั้งที่ 1 พม่ายกทัพมารบครั้งแรก ชนะไปแต่ไม่สำเร็จได้แค่ให้ไทยส่งบรรณาการ กับภาษี มาครั้งที่สอง รบกันจนพม่าจะยกกลับแล้วมาอยู่เป็นปี แต่ไทยเสียทั้งประเทศเพราะ พระยาจักรี เพียงคนเดียว ใช้เวลาทำลายชาติตัวเองแค่เดือนเดียว  พระนเรศวรเป็นผู้สู้กู้คืนมา แต่ต้องเสียพระสุพรรณกัญญา ไปอีกคนหนึ่ง
   เสียกรุงครั้งที่สอง  เกิดจากการแก่งแย่งชิงอำนาจกันเองในยามสงบของคนในชาติ(เหมือนสภาวะตอนนี้เลย) สู้กันเองจนหมดแรงหมดทรัพย์ พระมหากษัติย์ตอนนั้นก็อยู่ในยามสงบมานาน จึงขาดประสบการณ์ต่อสู้ ตอนนี้มีแต่ค้าขายเป็นหลัก เวลาตอนนั้นยามบ้านเรือนสงบกลับเอาเวลามาสนุกสนานกัน แทนที่จะพัตนาความรู้ความสามารถ ให้เจริญเป็นผู้นำ แต่คนในชาติมัวแต่ทะเลาะกันในยามสงบ เจ้าขุนมูลนายก็มัวแต่สนุกกันในรั้วในวัง พม่าบุกเข้ามาเลยไม่มีแรงต่อสู้ ดีนะที่ตอนนั้นจีนบุกพม่าตอนเหนือ ทำให้เมื่อได้ไทยแล้วพม่าต้องรับยกทัพกลับ ทำให้พระเจ้าตากมีโอกาสหนีออกมาได้ เกิดเป็นคนดีคนที่ 2
    แล้วตอนนี้การเอาคนอื่นเป็นเมืองขึ้นไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะเมื่อก่อนมาแบบตัวต่อตัว พม่ากับไทย ไทยกับลาว แต่ตอนนี้มากันเป็นพวก เป็นกลุ่ม(กลุ่มธนาคารที่มีหลายประเทศเป็นหุ้นส่วน กลุ่ม IMF) มาในรูปแบบของกฎหมายระหว่างประเทศ มาแบบเจ้าหนี้ กินแบบแยบยล ค่อยๆรุกแบบให้ประชาชนประเทศนั้นเป็นทาสเป็นหนี้แบบไม่ให้รู้ตัว สุดท้ายหลวมตัวไปก็โงหัวไม่ขึ้นแล้ว เป็นหนี้เขา เขายังไม่เอาแผ่นดิน ตีหมาอย่าให้จนตรอก ให้ที่อยู่ไปก่อนแต่ค่อยๆกินทรัพย์สิน กินทรัยยากรณ์ กว่าคนในชาติจะรู้ตัวก็ไม่เหลืออะไรแล้ว เหลือแต่ตัว กับแผ่นดินที่บ้านตั้งอยู่ก็เป็นหนี้สินเขา เหมือนอาฟริกาสมัยก่อน อังกฤษได้เป็นเมืองขึ้น ขนทรัพย์สมบัต้เพรชพลอยใต้ดินไปจนหมด ทุกวันนี้เหลือแต่ดินที่แห้งแล้ง
      ผมไม่โทษใครเลย ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเิาเปรียบคนอื่น พร้อมที่จะเข้าแย่งชิงของคนอื่นเสมอ เพราะนั่นเป็นสัญชาติญานดิบ(basic instinct) ของสัตว์โลกทุกตัวอยู่แล้ว แต่ผมโทษคนในชาติเราเองที่ไม่เคยคิดจะหาภูมิคุ้มกัน หาความฉลาดมาปกป้องตัวเอง ตรงข้ามกลับจะออกไปรับมาช่วยกันยัดเยียด ช่วยกันสนับสนุนให้คนในชาติหลงไป ่ ใครให้อะไรมาเรารับหมด ค่านิยม การแต่งตัว อาหารการกิน การบันเทิง ฯลฯ
     โดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นปกครองของเรา ทำโครงการอะไร ต้องมีวาระแอบแฝงตลอด ยังไม่เคยเห็นใครกล้าทำเพื่อส่วนรวมแบบ 100% สักที ไม่ทำเพื่อให้เป็นผลงาน ก็เพื่อเงิน เพื่อญาติ พวกพ้อง
    ตอนนี้เราสำหรับผมแล้ว ประเทศเรากำลังนับถอยหลังครับ..รอวันที่เราจะเห็นผลชัดแจ้ง แต่ที่แน่ตอนนี้เงินในกระเป๋าคนไทยเงินน้อยลง หากินยากขึ้น คนไทยทำงานน้อยลง คนต่างด้าวกำลังขนเงินที่เรามีอยู่น้อยนิด ออกนอกประเทศกันสนุก ปีละเป็นหมื่นๆล้าน...pjmong..

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เต้นจังหวะ disco หรือ rock 4 อันไหนเปฟ็นยังไง

ขอกล่าวถึงคลิป 09.40 น.ครับ เรื่องเป็นแบบนี้ครับ ที่เมืองนอกเขามีจังหวะที่เต้นคือ disco กับ dance 4 ครับ แต่คนไทย  เรียกจังหวะสองจังหวะเป็นตัวเดียวกันคือ disco กับ rock 4 เลยไม่รู้ว่าเขาจะรู้จัก rock 4 ไหม?
    เอาฝร้่งก่อนนะครับ  จังหวะ dance 4 เขาไม่ค่อยเต้นเป็นคู่ครับ เขามักจะเต้นเหมือน เป็นกลุ่ม danceer หรือเหมือน line นะครับ
  ส่วน disco ของเขา เต้นคล้าย(ใช้คำว่าคล้ายคือไม่เหมือนนะครับ) คือเขาเต้น 4 จังหวะเท้าเหมือนบ้านเรา แต่นับไม่เหมือนครับ คือ เรานับ 1234 คือทุกก้าวใช้ก้าวละ 1 บีทเต็ม แต่ของเขานับ &123   เห็นไหมครับ  4 จังหวะเท้าเหมือนกัน แต่ก้าวแรก และก้าวที่2(นับ &1) ใช้ก้าวละครึ่งบีทครับ แปลว่า เต้นสองก้าวแรกนี้จะมีอาการกระตุก เล็กน้อย ถ้าเป็นสองก้าวแรกของไทยในจังหวะนี้ จะสมูตสบายๆกว่าครับ  นับต่อเนื่องไม่กระตุก 1234 ...  
       อีกเรื่องที่แตกต่างระหว่าง disco ของฝรั่งกับไทยครับคือ  ท่าที่ใช้เรียนใน basic movement (หรือท่าเริ่มเต้นนะครับ)ที่เราเรียกว่า follaway rock นะครับ ท่านี้จะเหมือนกับของไทยครับโดยใช้ follaway position ในการยืน(เรื่องนี้ไม่ต้องงงนะครับ เดี๋ยวจะมีคำอธิบายตามมาครับ กำลังจัดทำอยู่ครับ รอหน่อยครับงานเยอะทำไม่ทันนะครับรอนิดครับ ถ้ามีประโยชน์ก็เก็บไว้นะครับ) แต่เวลาตอนเต้น link rock (หันหน้าชนกัน)จังหวะที่ 1ของเราจะก้าวไปข้างหลัง แต่ของฝรั่งจะก้าวแค่เสมอกับเท้าที่ยืนอยู่(ชายซ้ายเสมอขวา ; หญิง ขวาเสมอซ้าย ครับ
    ทีนี้มาดูที่เต้นในคลิปนะครับ เขาเต้นจังหวะ disco ครับ แต่เนื่องจากชำนาญมาก แม่นจังหวะและข้อเท้าแข็งแรงมาก ถึงเต้นแบบ double beat ได้ ครับ  ส่วนตัวผมเต้นบ่อยครับเวลาอารมณ์มันส์ๆ แต่ต้องขอบอกว่า ต้องข้อเท้าแข็งแรงมากๆนะครับ แล้วเนื่องจากความเร็วของมันเวลาเต้น double beat อาศัยเป็นนักกีฬามาทั้งชีวิตใช้ข้อเท้าบ่อยเลยทำไหว ต้องระวังเรื่องการลื่นล้มเป็นที่สุดเพราะมันจะเร็วมาก 
   คำว่าเต้น แบบ double beat นี้ก็คือ ปรกติที่เราก้าว หนึ่งก้าว เราใช้ 1  บีทต่อก้าว แต่เต้นแบบนี้ต้องเต้นให้ได้ สองก้าวต่อบีทนะครับ เร็วเป็นสองเท่าว่างั้นเถอะ...เอาไปลองดูนะครับ..pjmong...

ประโยชน์ของโกโกี

สรรพคุณของโกโก้โกโก้เป็นแหล่งสำคัญของ polyphenol ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ (เมล็ด)[3]เมล็ดมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นประสาท ช่วยบรรเทาภาวะของโรคเครียด โรคซึมเศร้า (เมล็ด)[2],[4]ช่วยลดระดับไขมันในเลือด (เมล็ด)[1],[4]ช่วยลดความดันโลหิต (เมล็ด)[1],[4]ช่วยระดับลดน้ำตาลในเลือด (เมล็ด)[1],[4]theobromine เป็นสารอัลคาลอยด์ที่แยกได้จากเมล็ดโกโก้ มีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ ขยายหลอดเลือด นิยมใช้เมื่อมีอาการบวมเกี่ยวกับโรคหัวใจ (เมล็ด)[1],[2]ช่วยป้องกันฟันผุ (เมล็ด)[1]theobromine มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ จึงใช้เป็นยาขับปัสสาวะได้ (เมล็ด)[1],[2]ช่วยทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว แก้หอบหืดคล้ายกับฤทธิ์ของ Theophylline แต่ถ้ากินเมล็ดมาก ๆ ก็อาจทำให้เสพติดได้ (เมล็ด)[1],[2]ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ (เมล็ด)[4]ในประเทศฟิลิปปินส์จะใช้น้ำต้มจากรากโกโก้เป็นยาขับระดูของสตรี (ราก)[2]theobroma oil หรือ cocoa butter เป็นไขมันที่แยกออกเมื่อนำเมล็ดโกโก้มาคั่ว theobroma oil ใช้เป็นยาพื้นในการเตรียมยาเหน็บและเครื่องสำอาง (เมล็ด)[1]

วิธีการใช้ : ให้นำเมล็ดโกโก้ที่คั่วแห้งมาใช้เป็นเครื่องดื่มยามว่างหรือทำเป็นช็อกโกแลตผสมในอาหาร[1]

advertisements

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของโกโก้สารสำคัญที่พบ ในเมล็ดประกอบไปด้วยน้ำมัน (fixed oil) ประมาณ 30-50%, แป้ง 15%, โปรตีน 15%, alkaloid, theobromine ประมาณ 1-4%, caffeine ประมาณ 0.07-0.36%, สาร catechin, pyrazine, tyramine, tyrosine เป็นต้น[1]โกโก้มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านไวรัส ยับยั้งออกซิเดชั่น ป้องกันฟันผุ ขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด[1]สารสำคัญในโกโก้ คือ สารอัลคาลอยด์ theobromine มีโครงสร้างคล้ายกับคาเฟอีน (caffeine) มาก แต่จะมีฤทธิ์อ่อนกว่าคาเฟอีน โดยจะมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง กระตุ้นหัวใจ ขยายเส้นเลือด คลายกล้ามเนื้อเรียบ ขับปัสสาวะ และแก้หืดหอบคล้ายกับฤทธิ์ Theophylline ซึ่งถ้ากินเมล็ดมาก ๆ ก็จะเป็นสารเสพติดได้[2]จากการทดสอบความเป็นพิษ พบว่าโกโก้ไม่มีพิษต่อตัวอ่อน ไม่มีพิษต่อหนูขาว เมื่อนำโกโก้มาผสมอาหารให้กิน ในขนาดที่ทำให้หนูขาวตายเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งมีค่าเท่ากับ 5.84 กรัมต่อกิโลกรัม[1]รายงานผลการทดลองของโกโก้ค.ศ.1996 ประเทศจีน ได้ทำการทดลองในหนูทดลอง โดยแบ่งหนูทดลองออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกให้โกโก้ 10% กลุ่มที่สองให้ soybean oil 10% และกลุ่มที่สามคือกลุ่มควบคุม ผลการทดลองพบว่าหนูทดลองกลุ่มหนึ่งและกลุ่มสอง มีระดับไขมันในเลือดลดลง แต่กลุ่มที่สองจะลดได้มากกว่ากลุ่มที่หนึ่ง[1]ค.ศ.2006 ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการทดลองในอาสาสมัครกลุ่มที่หนึ่ง จำนวน 32 คน โดยให้ดื่มเครื่องดื่มโกโก้ 1.5 กรัม วันละ 2 ครั้ง ส่วนกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มควบคุม คือไม่ได้ให้อะไรเลย การทดลองนี้ใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ ภายหลังการทดลองพบว่าระดับไขมันในเลือดของอาสาสมัครกลุ่มที่แรกลดลง LDL-c ลดลง 6% P<0.01[1]ค.ศ.2008 ประเทศสเปน ได้ทำการทดลองใช้โกโก้ในหนูทดลอง โดยการให้โกโก้ในหนูทดลอง โดยทำการเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ภายหลังการทดลองพบว่าหนูทดลองมีระดับไขมันในเลือดลดลง[1]ค.ศ.2008 ประเทศมาเลเซีย ได้ทำการทดลองใช้สารสกัดโกโก้ในหนูทดลองที่ถูกกระตุ้นให้เป็นเบาหวาน ด้วยสาร streptozocin โดยแบ่งกลุ่มการทดลองออกเป็น 3 กลุ่ม โดยให้สารสกัดโกโก้ในขนาด 10, 20, 30 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ ภายหลังการทดลองพบว่าหนูมีระดับไขมันในเลือดลดลง[1]ค.ศ.2009 ประเทศมาเลเซีย ได้ทำการทดลองให้สารสกัดจากโกโก้ในหนูทดลองที่ถูกกระตุ้นให้มีระดับไขมันในเลือดสูง โดยทำการทดลองประมาณ 4 สัปดาห์ และในสารสกัดโกโก้ ประกอบไปด้วย polyphenol 2.7 มิลลิกรัม, epicatechin 1.52 มิลลิกรัม, eatechin 0.25 มิลลิกรัม, methyl xanthenes 8.55 มิลลิกรัม, caffeine 2.22 มิลลิกรัม, theobromine 1 กรัม พบว่าระดับไขมันในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ P[1]ประโยชน์ของโกโก้เมล็ดโกโก้นิยมนำมาใช้ทำช็อกโกแลต (Chicolate) เนื่องจากมีไขมันสูงและมีสารประกอบหลายอย่างที่ทำให้เกิดกลิ่นหอมเฉพาะตัวเมื่อผ่านกรรมวิธี และยังมีผลิตภัณฑ์อีกประเภทหนึ่งที่สกัดได้เมล็ดที่คั่วแล้วด้วยตัวทำละลาย ที่เรียกว่า “โกโก้สกัด” (Cocoa extract) ที่นำมาใช้ผสมในเครื่องดื่มผงรสช็อกโกแลต ขนมอบ ไอศกรีม ลูกกวาด ทอฟฟี่ เป็นต้น[1] โดยสรุปแล้วผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเมล็ดโกโก้ คือ เนื้อโกโก้(cocoa liquor หรือ cocoa mass), เนยโกโก้ (cocoa butter), โกโก้ผง (cocoa powder) และช็อกโกแลต (chocolate)[3]Food of the gods” โดยการนำผลโกโก้มาหมักแล้วแยกเอาเมล็ดออก นำมาทำความสะอาดแล้วนำไปย่างไฟ เสร็จแล้วกะเทาะเปลือกออก ก็จะได้เนื้อในเมล็ดที่นำไปใช้ได้[2]น้ำมันโกโก้ใช้เป็นสารแต่งกลิ่นและรสของอาหาร ยา และเครื่องดื่มหลายชนิด[2]เปลือกเมล็ดที่กะเทาะแยกออกจากใบเลี้ยง อาจนำไปบีบเอาเนยโกโก้ (Cocoa Butter) ซึ่งนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการทำครีม สบู่ โลชั่นบำรุงผิว และเครื่องสำอาง ใช้เป็นตัวยาพื้นของยาเหน็บ ขี้ผึ้ง และครีม หรือนำมาสกัด theobromine ซึ่งใช้เป็นสารกระตุ้นเช่นเดียวกับคาเฟอีนที่ได้จากกาแฟและชา[2]

หมายเหตุ : โกโก้ที่นำมาทำเป็นช็อกโกแลต รวมไปถึงโกโก้ที่นำมาใช้ทำเป็นเครื่องดื่มต่าง ๆ ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกหลายอย่าง ซึ่งผมจะขอกล่าวถึงอย่างละเอียดในบทความหน้านะครับ ในเรื่องของ “ช็อกโกแล๊ต”

References”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [08 ก.ย. 2014].”.  (ผศ.ดร.พิมพ์เพ็ญ พรเฉลิมพงศ์, ศาสตราจารย์เกียรติคุณดร.นิธิยา รัตนาปนนท์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.foodnetworksolution.com.  [08 ก.ย. 2014].”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th.  [08 ก.ย. 2014].

ภาพประกอบ : www.flickr.com

เรียบเรียงข้อมูลโดย ฟรินน์.com (ไม่อนุญาตให้คัดลอกเนื้อหาไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใด)

HomeFood Healthอาหารเพื่อสุขภาพโกโก้ เครื่องดื่มมีประโยชน์

โกโก้ เครื่องดื่มมีประโยชน์

หมวด: อาหารเพื่อสุขภาพ 1207 ฮิต: 18465

ประโยชน์ของเครื่องดื่มโกโก้ 
ในปัจจุบันมีเครื่องดื่มหลากหลายชนิดให้ผู้ดื่มได้เลือก และเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยม ได้แก่ โกโก้ เชื่อว่าหลายๆคนต้องเคยสั่งเครื่องดื่มโกโก้กันบ้าง นอกจากนี้ยังมีวิจัยได้วิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของโกโก้ และต้องเป็นที่น่าตกใจ เพราะคุณประโยชน์ของโกโก้มีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีประโยชน์เช่นเดียวกับ เครื่องดื่มประเภท ชาหรือไวน์แดง แต่ว่าโกโก้มีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าเครื่องดื่มพวกนี้หลายเท่าตัวเลย ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันโรคได้หลายโรคกันเลยทีเดียว ดื่มโกโก้วันละแก้วเพื่อสุขภาพที่ดีต่อตัวคุณ 
ดื่มโกโก้อย่างไรได้รับผลประโยชน์สูงสุด 
นักวิจัยเผยว่า การดื่มโกโก้โดยตรงจะได้รับคุณค่าสารอาหารอย่างเต็มที่ ดีกว่านำไปทำเป็นอาหาร การดื่มโกโก้ร้อนสักแก้วนอกจากจะได้รับความอร่อย ยังได้รับความอบอุ่นแกร่างกายและเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โกโก้มีไขมันที่ต่ำกว่าช็อคโกแลต เช่น ช็อคโกแลตในขนาด40กรัม มีไขมัน8กรัม แต่โกโก้มีไขมันเพียง0.3กรัม 

คุณประโยชน์ 
โกโก้อุดมไปด้วย แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม สารฟลาโวนอยด์(FLAVONOID) และสารต้านอนุมูลอสระ ชื่อว่าโพลีฟีนอล มีประสิทธิภาพในการขยายเส้นเลือด จึงสามารถลดความดันเลือดและปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดได้ สารตัวนี้นอกจากจะมีอยู่ในโกโก้แล้ว ยังอยู่ในแอปเปิ้ลแดง บลูเบอรี่ และชาเขียว 
1 มีการไหลเวียนโลหิตในสมองดีขึ้น เพราะโกโก้มีสารฟลาวานอลส์สูง เพราะมีการทดลองในบรรดาผู้หญิงที่ให้ดื่มประเภทโกโก้ที่มีสารฟลาวานอลส์สูง มีการไหลเวียนโลหิตในสมองดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ดื่ม 
2 โกโก้มีฤทธิ์ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ จากทีมนักวิจัย University of California at Davis, USA 
3 ช็อคโกแลตซึ่งผลิตมาจากโกโก้ อาจช่วยให้มีอายุยืนขึ้น เนื่องจากมีสารโพลีฟีนอล ซึ่งช่วยกวาดล้างสารผิดออกจากร่างกาย 

สำหรับเมนูเครื่องดื่มโกโก้ เพื่อสุขภาพ 
1 นำนมถั่วเหลือง 2ถ้วย เทใส่หม้อตั้งไฟปานกลาง 
2 พอเริ่มร้อน เติมผงโกโก้เข้มข้น 70%ลงไป 2ช้อนชา 
3 เติมน้ำตาล(แบบออกานิคหรือน้ำตาลเที่ยม) 2 ช้อนชา คนให้เข้ากัน 
เป็นอันเสร็จเรียบร้อยกับเครื่องดื่มโกโกร้อน ดื่มวันละแก้ว เพื่อสุขภาพที่ดีต่อร่างกายคุณนะคะ 

ขอบคุณข้อมูลจาก 
http://www.bkkparttime.com/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89/%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%89-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7/
http://www.refresherthai.com/Article/Benefits_of_Chocolates.php# 

ดื่มโกโก้วันละแก้วสุขภาพดี

นอกชาหรือไวน์แดงแล้ว โกโก้ก็อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ไม่แพ้กัน

ผลการศึกษาชิ้นใหม่พบว่านอกจาก ชา หรือไวน์แดง ที่รู้กันดีว่ามีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ หรือสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคได้หลายโรค รวมถึงยังป้องกันผลกระทบจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ยังมีอาหารอีกชนิดหนึ่ง นั่นก็คือ "โกโก้" ที่มีคุณสมบัติมากกว่าเครื่องดื่มเสริมสุขภาพที่ว่ามาเสียอีก

นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาศึกษาพบว่า โกโก้ร้อน 1 ถ้วยนั้นอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ มากกว่าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีเช่น ชา หรือ ไวน์แดง

ทั้งนี้ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผลการศึกษาหลายชิ้นได้เน้นถึงคุณสมบัติในการเสริมสร้างสุขภาพทีพบใน ชา ไวน์แดง และโกโก้ โดยมีงานวิจัยในจีน ตีพิมพ์เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วพบว่า คนที่ดื่มน้ำชาเป็นประจำนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มกว่าครึ่งหนึ่ง

ปีที่แล้ว นักวิจัยในฝรั่งเศสรายงานว่า ดื่มไวน์แดงวันละแก้ว อาจช่วยลดโอกาสความเสี่ยงของโรคหัวใจ และในปี 1998 ได้มีการศึกษากับคนอเมริกันกว่า 8,000 คนพบว่าช็อกโกแลต ซึ่งผลิตมาจากโกโก้ นั้นอาจช่วยให้อายุยืนขึ้น เนื่องจากอุดมไปด้วย โพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยกวาดล้างของเสียที่ผลิตจากร่างกาย โดยของเสียเหล่านั้นมีส่วนทำลายเซลล์ และก่อให้เกิดมะเร็งได้

ในการศึกษาล่าสุดนี้ ดร. ชาง ยง ลี และคณะ จากมหาวิทยาลัยคอร์แนล ในนิวยอร์ก ได้ทำการทดสอบโดยวัดระดับสารต่อต้านอนุมูลอิสระใน ชา ไวน์แดง และโกโก้ พบว่าโกโก้ถ้วยหนึ่งนั้นมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์มากที่สุด โดยมีมากกว่า ไวน์แดง 1 แก้วถึง 2 เท่า มากกว่าชาเขียว 1 ถ้วยถึง 3 เท่า และมากกว่าชาดำถึง 5 เท่าเลยทีเดียว

แม้ว่าโกโก้จะถูกนำไปทำเป็นอาหารหลายอย่างรวมทั้ง ช็อกโกแลต แต่นักวิจัยเผยว่า ทางที่ดีที่สุดที่จะได้รับคุณค่าสารอาหารอย่างเต็มที่ ก็คือการดื่มโกโก้ โดยตรง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าในช็อกโกแลต 1 แท่งอุดมไปด้วยไขมัน โดยช็อกโกแลตแท่ง ขนาด 40 กรัมนั้นมีไขมันมากถึง 8 กรัม ขณะที่โกโก้ร้อน 1 ถ้วยมีไขมันเพียงแค่ประมาณ 0.3 กรัมเท่านั้น

"แม้เรารู้ว่าสารต่อต้านอนุมูลอิสระนั้นดีต่อสุขภาพของเรามาก แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าในแต่ละวัน เราต้องการสารนี้กันจำนวนเท่าใด" ดร. ลี กล่าว "แต่กระนั้น โกโก้ร้อน ถ้วยหรือ สองถ้วย ก็ช่วยในด้านของความอร่อย ดื่มแล้วก็ทำให้รู้สึกอุ่น และช่วยเสริมสร้างสุขภาพจากสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ได้รับอีกด้วย"

romeoboy

Home

romeoboyView my profile

Previousเรื่องน่าทึ่งของผงโกโก้เคยเป็นแบบนี้ใหมครับ ??เคส “ไอโฟน 5″ สุดหรู มูลค่า 3 ล้านบาทรู้หรือไม่!! ที่มาของแรงบันดาลใจดีไซน์เรียบง่ายสุดหรูของ Apple มาจากอะไร

Recommend

FavouritesIT-Country-LearningThe_evil_aspire

เรื่องน่าทึ่งของผงโกโก้posted on 11 Oct 2012 01:07 by romeo-boy directory Food, Knowledge

วั้นนี้เราไปเดินซื้อของในห้างซูปเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่ง  พอเดินถึงแผนกเครื่องดื่ม

เราก็จะเดินไปหยิบเอากาแฟ แต่ขณะที่จะเดินถึงชั้นวางกาแฟ ตาเราก็เหลือบไปเห็นกระป๋องหลายกระป๋อง

วางอยู่บนชั้นวางของอยู่หลายชั้น รูปภาพที่ติดตรงข้างกระป๋องพวกนั้นดูเรียบๆแต่สวยงามมาก

เราก็เกิดสงสัยว่ามันคือกระป๋องอะไร??? ทำไมมันถึงมีวางอยู่หลายชั้น หลายยี่ห้อ ในใจก็คิดว่าคงเป็นกาแฟมั้ง แต่เมื่อเราเอื้อมมือไปหยิบกระป๋องพวกนั้นมาดู เราก้อได้รู้ว่ามันคือกระป๋องที่บรรจุผงโกโก้นั้นเอง

     เขียนข้างหน้ากระป๋อง ว่า cocoa powder 100% เราดูราคาข้างกระป๋อง...แพงมาก 300กว่าบาท

บางกระป๋องแพงกว่านี้ ก็เลยหมุนๆ อ่าน ก็พบว่าเป็นของนำเข้า

แต่ในใจก็คิดว่าทำไมมันถึงแพงจัง ด้วยความสงสัย(เป็นอย่างมาก ว่าทำไมผงโกโก้ถึงแพงอย่างนี้

แล้วมันมีประโยชน์อะไร) เราก็เลยล้วงมือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง เข้ากูเกิ้ลแล้วพิมพ์คำค้นหาไปว่า "ประโยชน์ของผงโกโก้" เราเข้าไปอ่านในเว็ปไซด์หนึ่ง ถึงบางอ้อออเลย

 

ข้อความที่เราเข้าอ่านในเว็ปมันเขียนว่า

รู้หรือไม่ โกโก้ร้อน 1 ถ้วยมีประโยชน์มากแค่ไหนกัน
โกโก้มีประโยชน์กว่าที่คิด
บีบีซีนิวส์ รายงานว่านักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาศึกษาพบว่า โกโก้ร้อน 1 ถ้วยนั้นอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าเครื่องดื่มประเภทชาหรือไวน์แดง

ในปี 1998 ได้มีการศึกษากับคนอเมริกันกว่า 8,000 คน พบว่า ช็อคโกแลตซึ่งผลิตมากจากโกโก้นั้น อาจช่วยให้มีอายุยืนขึ้น เนื่องจากอุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยกวาดล้างของเสียที่ผลิตจากร่างกาย

โดยของเสียเหล่านั้นมีส่วนทำลายเซลล์และก่อให้เกิดมะเร็งได้ ในการศึกษาล่าสุดนี้ ดร. ชาง ยง ลี และคณะ จากมหาวิทยาลัย คอร์แนล ในนิวยอร์ก ได้ทำการทดสอบโดยวัดระดับสารต่อต้านอนุมูลอิสระใน ชา ไวน์แดง และโกโก้

พบว่าโกโก้ถ้วยหนึ่งนั้น มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์มากที่สุด โดยมีมากกว่าไวน์แดง 1 แก้ว ถึง 2 เท่า มากกว่าชาเขียว 1 ถ้วย ถึง 3 เท่า และมากกว่าชาดำถึง 5 เท่าเลยทีเดียว

นักวิจัยแนะนำว่าทางที่ดีที่สุดที่จะได้รับคุณค่าสารอาหารอย่างเต็มที่ก็คือ การดื่มโกโก้โดยตรงเพราะว่าในช็อคโกแลต 1 แท่งจะอุดมไปด้วยไขมัน โดยช็อกโกแลตแท่งขนาด 40 กรัมนั้นมีไขมันมากถึง 8 กรัม ขณะที่โกโก้ร้อน 1 ถ้วยมีไขมันเพียงแค่ประมาณ 0.3 กรัมเท่านั้น

 

หลังจากอ่านเสร็จเราก็หยิบมาเลย 2กระป๋อง ลงในล้อเข็น ถึงจะแพงไปหน่อยแต่มันมีประโยชน์มากมายเลยยอมซื้อ และก็บอกกับตัวเองว่า ตั้งแต่วันนี้ไปจะชงโกโก้ กินทุกคืนก่อนนอน ^^