วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2559

การบอกที่อยู่ด้วย พิกัดจุด (ตำแหน่ง longtitude,latitude)


การใช้แอปสวัสดีครับ พี่ๆเพื่อนๆ วันนี้ไปช่วยงานบุญมา หลายคนไปไม่ถูกเพราะเส้นทางซับซ้อน หลายบนเลยบอกให้ผมสอนการใช้แผนที่นำทางโดยใช้ app แผนที่ ที่มีมากับโทรศัพท์ทุกเครื่อง เลิกบอกทางแบบเดิมๆที่ยิ่งฟังยิ่งงง ต่อไปบอกแค่พิกัดตัวเลขสองตัวก็พอแล้ว
  ขออธิบายก่อนว่า ระบบเส้นรุ้งเส้นแวงมีใช้กันมานานแล้ว เพื่อบอกตำแหน่งทุกจุดบนผิวโลกใบนี้ ลองนึกดูซิว่า ถ้ามีเส้นแนวตั้งและแนวนอนตัดกันถี่ๆ ยิ่งถี่มากยิ่งละเอียด ดังนั้นตัวเลขพิกัดจุดจึงมีทศนิยมหลายตำแหน่ง สามารถบอกตำแหน่งที่ห่างกันได้เป็นระดับ เมตรด้วยดาวเทียมที่ลอยห่างโลกด้วยระดับคงที่เป็นร้อยๆกิโล
  ก่อนอื่น เราต้องรู้ตำแหน่งพิกัดที่เราต้องการก่อน ด้วยการหาจาก แอปพิเคชั่นหลายแอป สำหรับคนที่ใช้โทรศัพท์ยี่ห้อทุกยี่ห้อ(ยกเว้น apple ใครใช้ iphone ของapple ช่วยบอกด้วยครับว่าใช้ตัวไหนดี  )ที่เป็น android มักจะหาแอปฟรีได้หลายแอป
เรื่องนี้ผมขอแบ่งแนะนำเป็น 2 ภาค คือ
ภาค 1.การหาพิกัดจุด(สำหรับคนที่เป็นเจ้าของตำแหน่ง หรือเจ้าของสถานที่ )
ภาค 2.การใช้แอปแผนที่ เพื่อเดินทางไปยังพิกัดดังกล่าว (สำหรับผู้เดินทาง)
   ภาค 1.การหาพิกัดจุด
        ความจริงแล้วแอปแผนที่ที่ให้มากับเครื่อง ทุกเครื่อง(ที่เป็น smat phone ) สามารถใช้ได้ทั้งหาจุดพิกัด และ บอกเส้นทางเดินทางไป คือได้ทั้ง 2 กรณีย์ ข้างบน แต่ผมเคยใช้ เพื่อหาพิกัด บางครั้งก็ใช้ได้บางครั้งก็ใช้ไม่ได้ บางที่ก็บอกตัวเลข  บางที่ก็ไม่บอก
   แอปบอกพิกัดจุดที่ดีสำหรับผม ต้องสามารถบอกได้ทั้งสองวิธีครับ คือ....
     วิธีที่ 1. บอกด้วยการ หาโดยตรงบนแผนที่ คือ ถ้าเราดูแผนที่เป็น    สมมุติว่าเราจะหา รพ.ศิริราช ถ้าเราหาบนแผนที่เป็น หาจนเจอ เราก็กดแช่ตรง รพ.ศิริราช ตัวเลขบอกพิกัดจุด(เลขสองตัวที่มีทศนิยม 4-6 ตำแหน่ง มีเครื่องหมายลูกน้ำขั้น คือ 13.757643,100.484840 คือ latitude,longtitude )จะปรากฎขึ้นตรงใดตรงหนึ่งบนหน้าจอ
     วิธีที่ 2 หาพิกัดด้วยวิธี พิมพ์ชื่อสถานที่นั้นๆ(ที่มีชื่ออยู่บนแผนที่) เช่น พิมพ์คำว่า" รพ.ศิริราช"แล้วจุดบอกตำแหน่งจะปรากฎบนสถานที่นั้น พร้อมตัวเลขพิกัดปรากฎที่ใดที่หนึ่งบนจอ
  วิธีหาพิกัดด้วย 2 วิธีดังกล่าว ผมพยายามหาและลองใช้มาหลาย แอป.(แอป. ย่อจาก แอปพลิเคชั่น application คือ โปรแกรมที่ใช้งานบนมือถือ ถ้าโปรแกรมใช้งานบนคอมฯ เราเรียกว่า "โปรแกรม "ครับ) ตัวที่บอกว่าใช่เลย ตอบสนองทุกอย่างที่อยากได้ คือ แอปที่ชื่อว่า "Map Coordinares"เป็นแอปฟรีครับ  รูปร่างหน้าตาของแอปนี้ เป็นรูปลูกโลกสีน้ำเงิน ด้านบนเป็นแถบสีแดง มีตัวเลขบอกพิกัดจุดเป็น องศา ลิบดาและฟิลิบดา อยู่ในแถบแดงครับ   ลองโหลดมาเล่นดูนะครับ หรือใครมีตัวอื่นที่ดีอยู่แล้วก็บอกกล่าวกันนะครับ
     ต่อไปเรามาลองใช้แอปตัวนี้หาพิกัดจุดกันนะครับ
  วิธีที่ 1. (เราอยู่ตรงนั้น และต้องเปิด GPS ) ก่อนอื่นลองไปเปิด Gps ของเครื่องเราก่อนนะครับ ใครไม่รู้จักหรือไม่เคยเปิดก็ลองถามลูกหลานดูครับ เมื่อเปิด GPS ของเครื่องเราแล้ว ทีนี้ลองเปิดแอปตัวนี้เล่นเลยครับ
เมื่อเข้าไปแล้ว แอปอาจบอกพิกัดด้วยระบบองศาซึ่งแป้นพิมพ์เราจะไม่มีที่พิมพ์หรือยุ่งยาก แต่ถ้าเป็นเลขจุดทศนิยม(ระบบ decimal degree )น่าจะง่ายกว่า ก็ไปที่ปุ่มที่มีเส้นแนวนอนสามเส้น ซ้ายสุดของแถบเมนู แล้วไปที่ seting >coordinate type>decimal degree เป็นอันเรียบร้อย
   ปุ่มที่ 4 จากซ้าย เป็นรูป วงกลมสองวงซ้อนกัน คือปุ่ม GPS บอกตำแหน่งปัจจุบันของเรา(ต้องเปิด GPS บนเครื่องด้วยนะครับ) ถ้ากดปุ่มนี้เครื่องจะบอก ตัวเลขพิกัดและที่อยู่เราอยู่ปัจจุบัน ถ้าเราเคลื่อนที่อยู่ กดแต่ละครั้งก็เปลี่ยน update ตำแหน่งไปเรื่อยครับ ...ทีนี้ถ้าเราอยู่ที่ไหนก็บอกเพื่อนมาหาเราได้ด้วยการบอกตัวเลขบอกพิกัดปัจจุบัน นี้ไปเลยครับ....หนึ่งวิธีแล้วครับ..
   วิธีที่ 2 (เราไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่ต้องเปิด GPS) ถ้าเราอยู่บ้านแต่จะบอกเพื่อนให้ไปอีกที่ละ ก็ทำได้อีก 3 วิธีครับ( ตอนนี้ไม่ต้องเปิดGPS ของเครื่องเราเลยครับ)
  1. หาสถานที่นั้นบนแผนที่เลย เจอตรงไหนบนแผนที่ก็กดตรงนั้น ตัวเลขและที่อยู่จะแสดงขึ้นมา
2. ไปที่ขวาสุดของแถบเมนูที่เป็นจุดสามจุดเรียงแนวตั้ง กดปุ่มนี้ จะแสดงตัวเลือก  4 ตัวเลือก คือ  go to address ,go to coordinate, copy address , และ copy coordinate
  ถ้าเราเลือก go to address ก็พิมพ์ชื่อสถานที่ที่ต้องการลงไปในช่องที่แอปให้มา เช่น "รพ.ศิริราช "แล้วกด "ตกลง"เครื่องจะไปบอกตำแหน่งของ รพ.ศิริราช
3.จากข้อ 2. ถ้าเรากด go to coordinate แอปจะส่งช่องให้เราพิมพ์ ตัวเลขพิกัด ที่เรารู้ ลงไปในช่อง เช่น 13.757643,100.484840 แล้วกด "ตกลง" แอปจะบอกตำแหน่ง รพ.ศิริราช ให้เราครับ แล้วเราก็เอาตัวเลขที่ได้มา บอกให้เพื่อนจด เพื่อเอาไปใช้ลงเพื่อเดินทาง
     ภาคแรกนี้เสนอวิธีการ หาพิกัดจุดเพื่อบอกเพื่อน เพื่อเดินทางไปหาสถานที่ที่เราบอกโดยไม่ต้องมาอธิบายเส้นทางกันให้วุ่นวาย
  ภาคที่ 2 ต่อไปจะเป็นวิธีการ ให้แผนที่พาเราไปยังจุดพิกัดที่เราได้มาหรือเรามีอยู่ ....ติดตามตอนต่อไปนะครับ ตอนนี้ไปฝึกวิธีการหาจุดพิกัด ที่แนะนำไปก่อนนะครับ ขอเวลาพิมพ์อีกสักพักครับ..pjmong..
 
  

  

Live ไม่ใส่สูท ตอนที่ 6' : ...เรื่อง 'อาชีพแนวใหม่ ไม่ต้องใช้ปริญญา เริ่มพัฒนาจากความเชี่ยวชาญ ทำงานที่รัก เงินดี อนาคตไปไกล กำหนดเอง'
มาละ !! -- 'ภาววิทย์ Facebook Live ไม่ใส่สูท ตอนที่ 6' : ...เรื่อง 'อาชีพแนวใหม่ ไม่ต้องใช้ปริญญา เริ่มพัฒนาจากความเชี่ยวชาญ ทำงานที่รัก เงินดี อนาคตไปไกล กำหนดเอง'
มาคุย ดิบๆ ถามได้ ตอบไป ..กับ 'ภาววิทย์ Live ไม่ใส่สูท ครั้งที่ 6'

เก่งจากความเชี่ยวชาญ "นักสะสม" ต้องสะสม Asset

1. สิ่งนั้นมนุษย์ต้องการ (เพิ่มค่าได้จาก Story เรื่องราวของสิ่งนั้น)
2. มีจำนวนจำกัด
3. มูลค่าเพิ่มตามกาลเวลา

หลักการสะสม

1. ชอบสิ่งนั้นมาก (ระดับ Passion)
2. เชี่ยวชาญรู้จริง (แบบ แฟนพันธ์แท้)
3. อยู่ในวงการนั้น (ถ้าเราอยู่ในวงการนั้น เราจะรู้แหล่งซื้อ และ แหล่งขาย "ซื้อได้ ขายเป็น)
4. มี Trust ในวงการ (วงการให้ความเชื่อถือในตัวเรา ว่าเก่งในเรื่องนั้นๆ)
5. เราสะสมสิ่งนั้นเองจริงๆ

'จ่ายเงินยังให้ให้รวยขึ้น ?'

...จ่ายเงินจะรวยได้ไง จ่ายแล้วมีแต่จนลง ...ทันใดนั้นพ่อผมก็สอนว่า จ่ายเงินให้รวยขึ้น คือ จ่ายเงินซื้อสินทรัพย์ไง (Asset)

ปัญหาของคนส่วนใหญ่ที่ยิ่งใช้เงินยิ่งจน ซื้อของยิ่งเป็นขยะ เพราะ

1. เขาแยกไม่ออกว่าอะไรคือ Asset หรืออะไรคือขยะ

2. ไม่กล้าซื้อ Asset เพราะซื้อขยะ มันดูถูกกว่า มันได้จำนวนชิ้นมากกว่า (แต่สุดท้ายขยะมันแพงกว่าเมื่อเวลาผ่านไป)

3. ซื้อขยะมันเท่ห์ มันตามกระแส ..คนซื้อ Asset ต้องไม่ตามกระแส เลยถูกมองว่า ไม่เท่ห์ ไม่แนว ( มันรวยนะ ไม่ต้องตามกระแสก็ได้)

พ่อผมสอนว่า

'บ้านไม่ใช่ Asset สิ่งที่เป็น Asset คือ  ที่ดิน และ ของสะสมในบ้าน ..พ่อบอกว่า บ้านก็เหมือนโกดังใส่ของ อย่าไปทุ่มเงินสร้างบ้าน ให้ทุ่มเงินซื้อที่ดินดี และ ทุ่มเงินในของสะสมที่เป็น Asset ..เมื่อส่งต่อความมั่งคั่งให้ลูก สองสิ่งนี้แหละที่ลูกต้องการ คือ ที่ดิน และ ของสะสม เพราะมันเปลี่ยนเป็นเงินได้ทันที ส่วนบ้านน่ะ ทุบทิ้ง!!'

สิ่งที่พ่อสอนทำให้ผมรู้ว่า 'การที่คนไหนจะรวย ต้องมีวิธีคิดที่ถูกต้องก่อน ..บางคนหาเงินเก่ง แต่ใช้เงินไม่เป็น ซื้อแต่ขยะ ของฟุ่มเฟือย สุดท้ายก็เงินหายหมด ไม่มีอะไรเหลือ'

...นี่แหละวิธีคิดเศรษฐี ขนาดใช้เงิน ยังสามารถใช้เงินให้ตัวเองรวยขึ้นได้เลย ...มันเริ่มที่วิธีคิด!!

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

เพื่อนคู่คิดสำคัญขนาดไหน

"การเลือกคบคน สำคัญต่อความสำเร็จขนาดไหน..."

ลองทายดูเล่นๆนะครับว่า มหาเศรษฐีเหล่านี้มีอะไรที่เหมือนกัน
1. บิล เกตส์ 2. สตีฟ จ๊อบส์ 3. แลรี่ เพจ (ผู้ก่อตั้งบริษัท Google)
4. เควิน ซิสตรอม (ผู้คิดค้นแอพพลิเคชั่น
Instagram) และ 5. วิลเบอร์ ไรท์ (หนึ่งในพี่น้องตระกูลไรท์)

เมื่อดูจากคุณลักษณะภายนอกคนเหล่านี้อาจมีหลายอย่างที่คล้ายกัน แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจไม่ทราบ และเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับพวกเขาก็คือ คนเหล่านี้ไม่ได้ประสบความสำเร็จระดับโลกด้วยตัวเอง แต่พวกเขามี “คู่คิด” ที่ดีคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ

ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่เป็นนักประดิษฐ์ตัวจริงของบริษัท Apple แท้จริงแล้วไม่ใช่ สตีฟ จ๊อบส์ แต่เป็นคู่หูของเขาชื่อ สตีฟ วอซเนียก และแท้จริงแล้วผู้ตั้งชื่อให้บริษัท Microsoft ก็ไม่ใช่ บิล เกตส์ แต่เป็นคู่หูของเขาชื่อ พอล อัลแลน นอกจากนี้ พอล อัลแลน ยังเป็นผู้โน้มน้าวให้ บิล เกตส์ ลาออกจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดเพื่อมาจัดตั้งบริษัท Microsoft ที่ภายหลังมีชื่อเสียงโด่งดังก้องโลกอีกด้วย และมหาเศรษฐีที่เหลืออีกสามคนก็ไม่อาจเป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ได้เลย หากขาดคู่คิดคนสำคัญของเขาไป

คนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในโลกธุรกิจทุกคน จะมีผู้ที่คอยเป็น “คู่คิด” ให้เขาอยู่เสมอ หากไม่ใช่คนๆเดียวก็จะเป็นกลุ่มคนที่เขาไว้ใจ แม้แต่ มาร์ค ซักเกอเบิร์ก มหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดผู้ก่อตั้ง Facebook เองก็ยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า:

“ผมรู้สึกทุกข์ใจทุกครั้งที่มีคนชื่นชมความสำเร็จของผม เพราะอันที่จริงแล้วผมไม่ได้สร้าง Facebook ขึ้นมาคนเดียว ทีม
งานของผมต่างหากที่เป็นผู้สร้างมันขึ้นมา คำชื่นชมทั้งหมดควรเป็นของพวกเขา และหากผมสามารถให้คำแนะนำในเรื่องธุรกิจกับคุณได้เพียงข้อเดียว ผมก็จะแนะนำว่า... จงเลือกคบคนให้ดี”

จริงอยู่ว่าในโลกของความสำเร็จ “ความคิด” นั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ใครคิดได้เก่งกว่า เร็วกว่า ดีกว่า ย่อมจะได้รับชัยชนะ แต่เรามักจะให้ความสำคัญกับ “ความคิด” มากเกินไป จนมองข้าม “แหล่งกำเนิดของความคิด” ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า เพราะถ้าถามว่าความคิดของเรามาจากไหน ก็ต้องตอบว่า “มาจากสิ่งที่เราได้ยิน ได้เห็น และได้สัมผัสในแต่ละวัน”
ซึ่งสิ่งเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็มาจาก “คนที่อยู่ใกล้ตัวเรา” นั่นเอง...

กล่าวคือ “คนที่คุณคบ” อาจสำคัญยิ่งกว่า “สิ่งที่คุณคิด” เสียอีก เพราะแหล่งกำเนิดความคิดส่วนใหญ่ของคุณ ก็มักจะมาจากคนที่คุณคลุกคลีอยู่ด้วยนั่นเอง

เรื่องราวที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับการคบคน คือเรื่องของ “ลี กา ชิง” มหาเศรษฐีชาวฮ่องกงซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็น “บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของทวีปเอเชียในปี 2014” และเป็น “บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของทวีปเอเชียในปี 2001” แต่ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่ใจบุญที่สุดในทวีปเอเชียอีกด้วย โดยเขาได้บริจาคเงินช่วยเหลือผู้คนไปแล้วกว่า 2 พันล้าน
ดอลล่าห์สหรัฐ หรือประมาณ 7 หมื่นล้านบาท
ทว่า... เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องของ ลี กา ชิง แต่เป็นเรื่องคนขับรถของเขา!

เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากที่คนขับรถของ ลี กา ชิง ได้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์มาตลอดระยะเวลาถึง 30 ปี ในที่สุดวันหนึ่งเขาก็ขอลาออก  ลี กา ชิงตัดสินใจมอบเช็คเงินสดมูลค่า 2 ล้านดอลล่าร์ฮ่องกงให้เขาเพื่อแทนคำขอบคุณ แต่คนขับรถกลับปฏิเสธไม่ขอรับเงินจำนวนนั้น!

เขาให้เหตุผลว่า “เงิน 10 ล้าน หรือ 20 ล้าน นั้นท่านได้ให้ผมมาแล้ว” ลี กา ชิง ประหลาดใจมาก จึงถามว่า “ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยให้เงินคุณ และเงินเดือนคุณก็แค่ 2 หมื่น คุณเก็บยังไงถึงได้มากมายขนาดนั้น” คนขับรถจึงตอบว่า “ในขณะที่ผมทำงานให้ท่าน ทุกครั้งที่ท่านคุยโทรศัพท์อยู่เบาะหลัง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อที่ดินหรือซื้อหุ้น ผมอาศัยการฟังแล้วนำเงินที่มีอยู่
เล็กๆน้อยๆไปซื้อตามท่านบ้าง
จนวันนี้เงินเหล่านั้นได้งอกเงยเป็นมูลค่าร่วม 20 ล้านแล้ว”

ลี กา ชิง ถึงกับเอ่ยปากชมคนขับรถของเขายกใหญ่ พร้อมกับทิ้งท้ายว่าเรื่องนี้สามารถเป็นคติสอนใจให้กับนักธุรกิจได้เป็นอย่างดีว่า “คุณจะเป็นใครนั้นไม่สำคัญเท่ากับว่าคุณอยู่กับ
ใคร” เพราะแม้เป็นเพียงคนขับรถ แต่เมื่อรู้จักเรียนรู้และซึมซับสิ่งดีๆจากนักธุรกิจระดับพระกาฬ เขาก็สามารถมีเงินเก็บมากกว่าคนที่มีใบปริญญาและประกาศนียบัตรเต็มบ้านได้!

ผู้เขียนบทความนี้กล่าวต่อไปว่า คนที่รู้จักซึมซับและพัฒนาตัวเอง เมื่ออยู่กับเศรษฐีเงินล้านก็จะมีกำไรนับแสน เมื่ออยู่กับคนอยู่กับเศรษฐีเงินสิบล้านก็จะมีกำไรนับล้าน และเมื่ออยู่กับคนอยู่กับเศรษฐีเงินร้อยล้านก็จะมีกำไรสิบล้าน หากเราเดินตามแมลงวันก็จะเข้าใกล้ห้องสุขา หากเราเดินตามตัวผึ้งก็จะหาดอกไม้จนเจอ อยู่กับคนที่คิดบวกคุณก็จะเป็นคนคิดบวก อยู่กับคนที่คิด
ลบคุณก็จะพูดแต่คำสกปรก เพราะคนโบราณสอนไว้ว่า ‘สิ่งของแยกตามประเภท ส่วนคนนั้นแยกตามกลุ่ม’

พระพุทธเจ้าเองก็ตรัสสอนเรื่องนี้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่นใน “มงคล 38” (หลักการใช้ชีวิต 38 ประการที่จะทำให้ชีวิตประเสริฐและดีงาม) มงคลข้อแรกสุดคือ “จงไม่คบคนพาล” และข้อต่อมาคือ “จงคบบัณฑิต” จะเห็นได้ว่าทรงให้ความสำคัญกับ “การคบคน” อย่างมาก ถึงขนาดที่ทรงนำมาเป็นมงคลชีวิตสองข้อแรกสุด ก่อนความขยัน การทำบุญ การมีวินัย
หรือแม้กระทั่งความกตัญญูเสียอีก

ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า หากคุณคบคนดี เขาก็ย่อมจะชักชวนคุณให้ทำแต่ความดี เช่น เป็นตัวอย่างให้คุณในเรื่องการมีวินัย คอยกระตุ้นให้คุณขยัน แนะนำเรื่องความกตัญญูกตเวที หรือพยายามพาคุณไปทำบุญด้วยอยู่แล้ว แต่ถ้าคบคนพาล ต่อให้คุณมีคุณสมบัติที่ดีอยู่ในตัวมากมาย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จิตใจคุณจะไหลสู่ที่ต่ำตามเขาไปทีละน้อย ทำให้คุณสมบัติดีๆทั้งหลาย เหล่านั้นค่อยๆหายไปทีละข้อ จึงอาจกล่าวได้ว่าการมีกัลยาณมิตร หรือการ “คบคนดี” คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรมเลยทีเดียว

“สิ่งที่เราคิด” กับ “คนที่เราคบ” มักจะมีความคล้ายกันอย่างน่าอัศจรรย์ ฉะนั้น ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในระดับสูง ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ขอให้เลือกคบคนให้ดี เพราะหาก “คบ” คนแบบไหนเราย่อม “คล้าย” คนแบบนั้น เมื่อเรา “คล้าย” คนแบบไหนเราย่อม “คิด” แบบนั้น และเรา “คิด” แบบไหนเราก็ย่อมได้ “ชีวิต” แบบนั้น...
รับประกันได้เลย!

"ดอกไม้เมื่ออยู่ในกองขยะ ย่อมส่งกลิ่นเหม็นเน่า
แต่เศษขยะเมื่ออยู่ในดงดอกไม้ ย่อมส่งกลิ่นหอม"

-ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร-

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559

ป้องกันอัลไซเมอร์

          เจออีกห้องพอดี
โรคอัลไซเมอร์ ไม่ใช่แค่โรคที่จำอะไรไม่ได้ แต่ยังเป็นโรคที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
เราควรเริ่มดูแลผู้สูงอายุตั้งแต่ก่อนมีอาการ เพราะโรคอัลไซเมอร์นอกจากจะไม่สามารถป้องกันได้ 100% แล้ว เมื่อเป็นแล้ว ยังไม่สามารถรักษาให้หายได้อีกด้วย แต่เราสามารถ “ชะลอ” ได้

เสาหลักแห่งการป้องกันอัลไซเมอร์

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จะป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ 50% เพราะสมองทานออกซิเจนเป็นอาหาร โดยมีเลือดเป็นตัวส่ง ดังนั้นเราต้องทำให้หัวใจเต้นแรงด้วยการออกกำลัง เพื่อให้เลือดสูบฉีดไหลเวียน .. แต่สำหรับผู้สูงอายุ การทำงานบ้าน ทำสวนดูแลสวน หรือการขยับร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีและเหมาะสมแล้ว
อ่านหนังสือและเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา ใช้สมองให้มากขึ้น เพราะสมอง เมื่อเราไม่ใช้ เราจะเสียมันไป

ผักและอาหารสดต้องเยอะ น้ำมันปลา (fish oil) เป็นอาหารเสริมที่ดี

นอนวันละ 7-8 ชั่วโมง เพราะการนอนน้อย เป็นการสั่งสมองให้ทำลายตัวเอง ..

ผู้สูงอายุควรนอนกลางวันด้วย เพราะสมองของผู้สูงอายุ ต้องการการพักผ่อนมากกว่าวัยรุ่นหรือวัยทำงาน

เมื่อเราเครียด เซลล์สมองจะทำลายตัวเองเร็วมาก มากกว่าการไม่นอน ดังนั้น พยายามทำให้ตัวเองอยู่ในสภาวะที่เครียดน้อยที่สุด

อยู่กับคน เพราะสมองถูกสร้างมาให้อยู่ร่วมกับผู้อื่น เมื่อไหร่ที่เราไม่ได้เข้าสังคม หรือขาดการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นบ่อยๆ จะทำให้สมองฝ่อ .. ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะ แต่จำเป็นต้องมีเพื่อนที่มีคุณภาพ

การปฏิบัติตาม 6 ข้อข้างต้น สามารถชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ หรือหากเป็นแล้วก็จะช่วยให้ใช้ชีวิตไปจนเสียชีวิตได้ โดยที่ลูกหลานไม่เป็นทุกข์ หรือหากดีที่สุด ก็คือไม่เป็นโรคอัลไซเมอร์เลย
“กันไว้ ดีกว่าแก้”

ข้อมูลจาก : คุณขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร นักจิตวิทยาด้านสมอง

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559

https://m.facebook.com/groups/620578811424214?view=permalink&id=620584528090309
     โพสนี้ผมลงข้างบนนี้อยู่บน face ใหม่ที่เพิ่งเปิด ไว้สำหรับเก็บอะไรๆที่เป็นประโยชน์ให้ตัวเอง หรือ คนอื่น เป็นเรื่องทั่วๆไป ก็เข้ามาดูกันนะครับ ส่วนผมเปิดพร้อมกันนี้อีก  3 face book ครับ คือ..
   face ที่ 2 ชื่อ ""TREE STEPS DANCE LOVER ""อันนี้เกี่ยวกับ การเต้นรำจังหวะที่มี footwork 3step ครับที่สามารถนำมาใช้เต้น ใช้ซ้อมร่วมกันได้ เช่น salsa, samba, qualacha ,qbun-rumba,amarican rumba หรือ แม้แต่จังหวะ cha-cha(style latin) ตอนนี้เป็นกลุ่มปิดไปก่อน จะค่อยๆรับสมาชิกที่มีใจจะมาช่วยกันพัตนา การเต้นรูปแบบนี้ด้วยกัน อนาคตไว้ต้อนรับ หรือไว้แข่ง ชมรมจาก ต่างประเทศนะครับ
   face 3 ชื่อ  ""ลงขันความคิดเพื่อช่วยกันพัตนาประเทศไทย"" ครับ อันนี้ งานจะเป็น hardcore สักหน่อย ตอนนี้ก็เป็นกลุ่มปิดไปก่อน เพราะกฎระเบียบต้องเข้มข้นเพราะคนที่จะลงความเห็นล้วนเป็นคนที่มีความรู้ความชำนาญ เพื่อช่วยกันออกความเห็นแก้หรือพัตนา หัวข้อกระทู้ที่ลงกันมา เนื้อหาอาจจะเข้มข้น
     face สุดท้ายที่ 4 ชื่อ ""รณรงค์เพื่อใช้ปรัชญาพอเพียงและรักษาทรัพยากรณ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม"" งานนี้เป็นงาน solfware ล้วนๆครับ คือ เป็นงานรณรงค์เปลี่ยนความคิดคนให้ช่วยกันใช้ชีวิตแบบพอเพียงและช่วยกันรักษาทรัพยากรณ์ ครับ อันนี้ว่าจะเป็นกลุ่มเปิดให้คนทั่วไปช่วยกันครับ ...ผมว่าจะทำไปเรื่อยๆ ค่อยๆพัตนา ไปแบบต่อเนื่อง อนาคตอาจมีโอกาสได้ถูกเอาไปใช้จริงจากผู้รับผิดชอบบ้างก็ได้ครับ
      เล่าสู่กันฟัง เผื่อมีใครที่มีใจอยากมีส่วนร่วมทดแทนบุญคุณแผ่นดินด้วยกันครับ.แจ้งทางกลุ่มหรือส่วนตัวก็ได้ครับ..pjmong...
    

การจดสิทธิยัตร ถาม-ตอบ

หน้าแรก  บทความ  ความรู้(ไทย)  สิทธิบัตร  ความรู้เรื่องสิทธิบัตร - ถาม-ตอบปัญหาสิทธิบัตร

เมนูหลักหน้าแรกเกี่ยวกับสมาคมข่าวบทความกฏหมาย(English)กฏหมาย(ไทย)ความรู้(English)ความรู้(ไทย)ทรัพย์สินทางปัญญาแบบฟอร์มการจดทะเบียนสมัครสมาชิก ipatคำถาม-คำตอบติดต่อสมาคม

เข้าสู่ระบบ

ชื่อผู้ใช้

รหัสผ่าน

จำข้อมูลการเข้าสู่ระบบ 

ลืมรหัสผ่าน?ลืมชื่อเข้าใช้งาน?ลงทะเบียน

สถิติผู้เข้าชม

Today393Yesterday620This week1618This month14303All1079574

Visitors Counter 1.5

ความรู้เรื่องสิทธิบัตร - ถาม-ตอบปัญหาสิทธิบัตร

ปัญหาน่ารู้

ถาม งานที่ได้ประดิษฐ์คิดค้นหรืองานที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นจะได้รับความคุ้มครอง

หรือได้รับสิทธิโดยสิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า หรือลิขสิทธิ์ ต้องทำอย่างไร

ตอบ งานที่ได้ประดิษฐ์คิดค้น หรืองานที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นจะได้รับความคุ้มครองโดยสิทธิบัตร

เครื่องหมายการค้า หรือลิขสิทธิ์ อย่างใดอย่างหนึ่งตามลักษณะของงานที่คิดค้นขึ้นว่าจะ

อยู่ในขอบข่ายของทรัพย์สินทางปัญญาประเภทใด เช่น เครื่องยนต์ กลไกต่าง ๆ จะต้อง

ยื่นขอจดทะเบียนสิทธิบัตรไม่ใช่ลิขสิทธิ์, หนังสือ เทปเพลง วิดีโอ เป็นงานที่เกี่ยวกับ

ลิขสิทธิ์ซึ่งได้รับความคุ้มครองโดยอัตโนมัติ (ทันทีที่ได้สร้างสรรค์งานเสร็จ) ไม่ต้องจด

ทะเบียน แต่อาจจะจดแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาไว้ก็ได้ โดยไม่เสีย

ค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เพื่อเป็นฐานข้อมูลให้ประชาชนผู้สนใจได้สืบค้น ศึกษา ทั้งนี้

การจดแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ไม่ใช่เป็นการจดทะเบียนให้ความคุ้มครองหรือรับรองการมีสิทธิ

ในลิขสิทธิ์, และเครื่องหมายที่ใช้กับสินค้าหรือบริการ จะต้องจดทะเบียนจึงจะมีสิทธิใน

เครื่องหมายการค้าหรือบริการนั้น

 

 

ถาม ถ้ามีการประดิษฐ์คิดค้น หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ขึ้น แล้วมีการนำออกไปเปิดเผย

ผ่านทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ มาก่อนจะยื่นขอจดทะเบียนสิทธิบัตรได้หรือไม่

ตอบ เนื่องจากสิ่งที่ขอรับสิทธิบัตรได้จะต้องเป็นการประดิษฐ์คิดค้น หรือการออกแบบ

ผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ ยังไม่เคยมีการเปิดเผยสาระสำคัญมาก่อนไม่ว่าในหรือต่างประเทศ

ดังนั้นไม่ว่าจะมีการที่เผยแพร่ผ่านทางโทรทัศน์หรือสิ่งพิมพ์ใด ๆ มาก่อนจะถือว่าสิ่งที่ได้

ประดิษฐ์คิดค้น หรือออกแบบผลิตภัณฑ์ขึ้นนั้นไม่เป็นสิ่งประดิษฐ์หรือออกแบบผลิตภัณฑ์

ขึ้นใหม่ทันที เว้นแต่ เป็นการแสดงในงานที่หน่วยงานราชการได้จัดให้มีขึ้น ถือว่ายังมี

สิทธิที่จะขอรับสิทธิบัตรได้ ทั้งนี้จะต้องนำไปจดทะเบียนภายใน 12 เดือน นับแต่วัน

เปิดงานแสดง

 

 

ถาม การจดทะเบียนสิทธิบัตรในประเทศไทยจะคุ้มครองทั่วโลกหรือไม่

ตอบ การจตทะเบียนสิทธิบัตรในประเทศไทยจะให้ความคุ้มครองเฉพาะในประเทศไทย

เท่านั้น หากต้องการจะได้รับความคุ้มครองที่ประเทศใดก็ต้องไปยื่นขอจดทะเบียน

สิทธิบัตรในประเทศนั้น ๆ และการยื่นขอจดทะเบียนในต่างประเทศจะต้องยื่นขอภายใน

เวลาที่กฎหมายของแต่ละประเทศกำหนด ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเวลา 12-18 เดือน

นับจากวันยื่นครั้งแรก

 

 

ถาม ผู้ขอรับสิทธิบัตรควรปฏิบัติอย่างไรจึงจะได้รับการจดทะเบียนได้อย่างรวดเร็ว

ตอบ ผู้ขอรับสิทธิบัตรควรทราบว่าการขอรับสิทธิบัตรมีขั้นตอนอะไรบ้าง และแต่ละขั้นตอน

จะต้องดำเนินการอย่างไร จะช่วยให้การพิจารณาตรวจสอบกระทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น

ขั้นตอนการยื่นขอรับสิทธิบัตร ผู้ขอจะต้องจัดเตรียมคำขอให้ถูกต้องตามที่

กฎหมายกำหนด ทั้งนี้สามารถขอรับตัวอย่างเพื่อเป็นแนวทางในการจัดเตรียมคำขอก็ได้

หรือ เมื่อเตรียมคำขอเสร็จแล้วไม่แน่ใจว่าจะถูกต้องหรือไม่ ก็สามารถที่จะปรึกษากับ

เจ้าหน้าที่ของกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่จัดไว้คอยให้คำปรึกษาแก่ประชาชนโดยเฉพาะ

หรือหากได้รับหนังสือแจ้งให้แก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด

และท่านไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการแก้ไขถูกต้องหรือไม่ ก็สามารถที่จะปรึกษากับเจ้าหน้าที่

ของกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้เช่นกัน

ขั้นตอนการตรวจสอบการประดิษฐ์ เฉพาะคำขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์เท่านั้น

เมื่อคำขอรับสิทธิบัตรนั้นได้มีการประกาศโฆษณาแล้ว ผู้ขอจะต้องยื่นคำขอให้ตรวจสอบ

การประดิษฐ์ภายในเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันประกาศโฆษณา ซึ่งหมายถึงว่า ตั้งแต่วันแรก

ที่มีการประกาศโฆษณาคำขอรับสิทธิบัตรในหนังสือจดหมายเหตุที่กรมทรัพย์สิน

ทางปัญญาได้จัดพิมพ์ขึ้น ผู้ขอรับสิทธิบัตรสามารถที่จะยื่นคำขอให้ตรวจสอบ

การประดิษฐ์ได้ทันที หากไม่มีการยื่นคำขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์แล้ว เจ้าหน้าที่

ไม่สามารถที่จะดำเนินการต่อไปได้

 

 

ถาม เมื่อได้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรไว้แล้วจะมีการเปิดเผยข้อมูลการประดิษฐ์คิดค้นหรือไม่

และถ้ามีการลอกเลียนแบบจะได้รับความคุ้มครองหรือไม่

ตอบ เมื่อได้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรไว้แล้ว ก่อนการประกาศโฆษณาเจ้าหน้าที่จะต้องปกปิดเป็น

ความลับ และในระหว่างการพิจารณารับจดทะเบียน หากมีการลอกเลียนแบบ แม้ว่าผู้ขอ

ยังไม่มีสิทธิตามกฎหมายแต่ก็สามารถที่จะยื่นหนังสือเตือนให้ผู้ลอกเลียนแบบทราบ

เมื่อได้รับการจดทะเบียนแล้ว ผู้ลอกเลียนแบบยังไม่ยุติการกระทำ ผู้ขอสามารถดำเนิน

การตามสิทธิที่ได้รับตามกฎหมายได้ทันที และสามารถเรียกร้องย้อนไปถึงวันประกาศ

โฆษณาตามขั้นตอนการขอรับสิทธิบัตร

 

 

ถาม คนไทยสามารถยื่นขอรับสิทธิบัตรในประเทศใดได้บ้าง

ตอบ เนื่องจากกฎหมายสิทธิบัตรไทยใช้หลักปฏิบัติเยี่ยงคนชาติ ที่ยอมให้คนที่มีสัญชาติของ

ประเทศอื่นยื่นขอรับสิทธิบัตรในประเทศไทยได้ ดังนั้นคนไทยก็สามารถยื่นขอรับสิทธิ

บัตรในประเทศนั้นได้เช่นกัน เช่น สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, ยุโรป, สาธารณรัฐประชาชนจีน,

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี, สาธารณรัฐเกาหลี ฯลฯ หากแต่จะต้องปฏิบัติ

ตามกฎหมายของแต่ละประเทศ เช่น การแต่งตั้งตัวแทนเพื่อดำเนินการแทนผู้ขอ เป็นต้น

 

 

ถาม หากได้รับหนังสือแจ้งให้ดำเนินการสิ่งใดสิ่งหนึ่งในเวลา 90 วัน เช่น

การแก้ไขเพิ่มเติมการชำระค่าธรรมเนียมการประกาศโฆษณาและผู้ขอไม่

สามารถดำเนินการได้ทันจะทำอย่างไร

ตอบ หากได้รับหนังสือแจ้งให้ให้ดำเนินการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ในเวลา 90 วัน และผู้ขอไม่สามารถ

ดำเนินการได้ทันตามกำหนดเวลา ก็สามารถที่จะขอผ่อนผันการดำเนินการได้สองครั้ง

โดยครั้งแรกขอผ่อนผันได้อีก 90 วัน และครั้งที่สองขอผ่อนผันได้อีก 30 วันซึ่งต้องขอ

ไม่เกินวันที่ 80 ของการขอผ่อนผันครั้งแรก โดยทำเป็นหนังสือ ถึง ผู้อำนวยการกอง

ตรวจสอบ 1 กรมทรัพย์สินทางปัญญา

 

 

ถาม เมื่อยื่นขอรับสิทธิบัตรไว้แล้วหากผู้ขอประสงค์จะผลิตสิ่งที่ขอรับสิทธิบัตรนั้นเป็น

สินค้าเพื่อจำหน่ายจะต้องรอจนกว่าจะไดรับการจดทะเบียนสิทธิบัตรหรือไม่

ตอบ ไม่ต้องรอจนกว่าจะไดรับการจดทะเบียน และผู้ขอมีสิทธิที่จะใช้คำว่า รอรับสิทธิบัตร

คำขอเลขที่ XXXXXX บนตัวสินค้าหรือภาชนะบรรจุสินค้านั้น และ ห้ามใช้คำว่า

สิทธิบัตร หรือ สิทธิบัตรไทย หรือคำที่เป็นภาษาต่างประเทศที่มีความหมาย

เช่นเดียวกัน ก่อนที่จะได้รับการจดทะเบียน 

ลิงค์         
         กรมทรัพย์สินทางปัญญา          
         ศาลทรัพย์สินทางปัญญา              
         Motion Picture Association

แบบสำรวจแบบสำรวจความพึงพอใจในการใช้งานเว็ปไซด์เป็นประโยชน์ให้ความรู้มากและสามารถนำไปปรับใช้ได้เป็นประโยชน์และให้ความรู้มากเป็นประโยชน์

   

แบบสำรวจการสัมมนาความพึงพอใจ กิจกรรม IP TALK ประจำเดือนมีนาคม 2558มากที่สุดมากปานกลางพอใช้ควรปรับปรุงน้อยน้อยมาก

   

Intellectual Property Association of Thailand