วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2563

จัดการมะเร็ง

ภูมิคุ้มกัน สูงสุด : มะเร็ง 

มา เจียระไน เดชา ออยล์ กัญ ครับ เพื่อ สร้าง ภูมิคุ้มกัน สูง สุด ด้วยการ ตัด ลด ยก เพิ่ม พฤติกรรม จัดการ มะเร็ง ดร. วอ ต้อง ทำ 15 ข้อ นี้ นะ ครับ

1. นอน 🛏 ก่อน 4 ทุ่ม ยิ่งดี เพื่อ ให้ ระบบ ซ่อมแซม ฟื้นฟู เซลล์ ทำงาน เต็มที่ น้ำมันกัญชา จะ ยิ่ง ตอบสนอง ไว กว่า กับ การ นอน เร็ว กว่า ภูมิคุ้มกัน จะ สูง กว่า 
2. ก่อน มื้อเช้า ทาน น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 1 ช้อนโต๊ะ ก่อน ออกกำลังกาย เช้า และ ใน มื้อ อาหาร อื่นๆ ทาน น้ำมันงาขี้ม่อน น้ำมันงา น้ำมันปลา ประมาณ 1 ช้อนชา หรือ น้ำมันสมุนไพร อื่น น้ำมัน ต้อง เป็น แบบ สกัดเย็น จะ ดี ที่สุด หรือ ทาน พืช สด ที่ มี น้ำมัน ที่ ดี ประมาณ นี้ ทาน สลับ กัน ไป จะ ช่วย กระตุ้น ภูมิคุ้มกัน
3. ออกกำลังกาย เช้า เบาๆ ให้ ทำ เท่า ที่ ทำได้ (โดย มี มาตรฐาน 10,000 ก้าว/วัน หรือ 7 กม. /วัน หรือ มากกว่า ก็ได้) ตาม สภาพ ของ แต่ละคน ออกกำลังกาย เช้า ดีกว่า เย็น หรือ ตอนเย็น จะ ออกกำลังกาย เบาๆ อีก รอบ ก็ จะ ดีมาก จะ ช่วย ขับของเสีย และ กระตุ้น เซลล์ ของ อวัยวะ ที่ เกี่ยวข้อง กับ ระบบ ภูมิคุ้มกัน 
4. อาบ แดด อ่อน ก่อน 8.30 น. กระตุ้น ระบบของ ร่างกาย หลาย ระบบ รวมถึง การ สร้าง วิตามิน ฮอร์โมน และ สารชีวะ โมเลกุล อื่น ให้ พร้อม ต่อ การสร้าง ภูมิคุ้มกัน 
5. หายใจ ให้ ลึก และ กลั้นไว้ แล้ว ค่อยๆ ปล่อย ออก ทีละนิด ทำ ชุด ละ 5-10 ครั้ง ทำ บ่อยๆ เช้า เที่ยง เย็น หรือ มากกว่า (ก่อนนอน ห้าม ทำ จะ ทำให้ นอน หลับยาก) สามารถ เพิ่ม อ๊อกซิเจน ให้ เซลล์ ได้ อีก 3-5% ถือว่า เยอะ มาก เพื่อ เพิ่ม ประสิทธิภาพ ในการ สร้าง ภูมิคุ้มกัน 
6. มื้อเช้า ทาน กับข้าว น้ำ ผัก ผลไม้ สมุนไพร ปั่นรวม เพิ่ม สารอาหาร ที่ ดีที่สุด ให้ กับ เซลล์  (งดแป้งและน้ำตาล 100% ) น้ำ ปั่นรวม ต้อง ทาน ทั้ง 3 มื้อ ยิ่งดี มากๆ ครับ ส่ง ผล ดี ต่อ ระบบ ภูมิคุ้มกัน โดยตรง
7. มื้อเที่ยง ถ้า มีขนมหวาน ให้ ลด แป้งและน้ำตาล ให้ ทาน แป้ง ธรรมชาติ ที่ ไม่ดัดแปลง เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโพด เผือก ฟักทอง แครอท เป็น ต้น เพื่อ ลดการ รบกวน การ ทำงาน ของ ภูมิคุ้มกัน และ ทาน น้ำปั่น รวม จะ ได้ วิตามิน แร่ธาตุ และ สาร ชีวะโมเลกุล อื่นๆ
8. มื้อเย็น ทาน ผัก ปลา หรือ โปรตีนอื่น (งดแป้งและน้ำตาล 100%) น้ำปั่นรวม ให้ อิ่ม วิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน สารอาหารอื่นๆ และ วาง ซ้อนส้อม เวลา 15.00 น. จะได้ ไม่ รบกวน การหลับ มื้อ ที่ 3 ถ้า งด ได้ ยิ่ง ดี กว่า ครับ และ ทำให้ ระบบ ภูมิคุ้มกัน มี ประสิทธิผล (แป้ง และ น้ำตาล จะ ไป รบกวน ภูมิคุ้มกัน ตอนหลับ)
9. ทาน กล้วยน้ำว้า 3-4 ผล/วัน (หาง่าย ได้ ทุกฤดู) หรือ ผลไม้ ที่ มี เส้นใย แน่น ละเอียด เลี้ยงจุลินทรีย์ ในลำไส้ ช่วย สร้าง ภูมิคุ้มกัน
10. ทาน พืช พวก ตระกูล ขิง ข่า ขมิ้นชัน กระชาย และ สมุนไพร กลุ่ม อายุวัฒนะ ให้ มาก กระตุ้น ภูมิคุ้มกัน
11. ทาน พืชผักหลากสี ผลไม้ หลากหลาย และ มากๆๆๆ หรือ ทำ น้ำปั่นรวม ดื่ม 4 แก้ว/วัน กระตุ้น ภูมิคุ้มกัน
12. ดื่มน้ำ 1.5-3.0 ลิตร/วัน หาก มี ปัญหา การตื่น กลางคืน เข้าห้องน้ำ หลัง 17.00 น. ทาน ได้ ครึ่ง แก้ว สำหรับ ทาน น้ำมันกัญชา หรือ ยาหรือ วิตามิน น้ำ สำคัญ ต่อ เซลล์ ที่ เกี่ยวข้อง กับ การสร้าง ระบบ ภูมิคุ้มกัน 
13. ทาน เบต้ากลูแคน หลินจือ  เพิ่ม ประสิทธิภาพ เม็ด เลือด ขาว  เจอ ใน เห็ด หอม แครง หูหนูดำ หลินจือ ทาน มังคุดสกัด (BiM 100) เพิ่มประสิทธิภาพ อวัยวะ ไขกระดูก สร้าง เม็ด เลือด ขาว พวก นี้ ส่งผล ต่อ ภูมิคุ้มกัน โดยตรง (สมุนไพร อื่น จะ ดี ต่อ อวัยวะ แต่ละ อวัยวะ ใน ระดับ ปฏิบัติการ ระบบภูมิต้านทาน)
14. ทาน น้ำมันกัญชา ลง กระเพาะ ตาม โดส ของ ผู้ป่วย ก่อน นอน ทุกคืน เพื่อ กระตุ้น ให้ สมอง 🧠 สั่งการ ทุก อวัยวะ ที่ เกี่ยวข้อง กับ ระบบ กลไก ภูมิคุ้มกัน อย่าง มี ประสิทธิภาพ (นมกช. ระดับสมอง สั่งการสูงสุด) เป็น ตรงไหน ทา ตรงนั้น เพื่อ ชี้เป้าหมาย ให้ สมอง รับรู้ ครับ 
15. ฝึก คิดบวก ศึกษา ศาสนา ลด ความ เครียด ครับ ถ้า จิตวิญญาณ ดี จะ ส่ง ผล ต่อ ระบบ ภูมิคุ้มกัน ทั้งหมด ใน ทาง บวก ใน ทางกลับกัน ถ้า จิตวิญญาณ เป็น ลบ 14 ข้อ ข้าง ต้น จะ ลด ประสิทธิภาพ ทุก ข้อ ครับ 

สร้างภูมิร่างกาย

ภูมิคุ้มกัน สูงสุด : มะเร็ง 

มา เจียระไน เดชา ออยล์ กัญ ครับ เพื่อ สร้าง ภูมิคุ้มกัน สูง สุด ด้วยการ ตัด ลด ยก เพิ่ม พฤติกรรม จัดการ มะเร็ง ดร. วอ ต้อง ทำ 15 ข้อ นี้ นะ ครับ

1. นอน 🛏 ก่อน 4 ทุ่ม ยิ่งดี เพื่อ ให้ ระบบ ซ่อมแซม ฟื้นฟู เซลล์ ทำงาน เต็มที่ น้ำมันกัญชา จะ ยิ่ง ตอบสนอง ไว กว่า กับ การ นอน เร็ว กว่า ภูมิคุ้มกัน จะ สูง กว่า 
2. ก่อน มื้อเช้า ทาน น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 1 ช้อนโต๊ะ ก่อน ออกกำลังกาย เช้า และ ใน มื้อ อาหาร อื่นๆ ทาน น้ำมันงาขี้ม่อน น้ำมันงา น้ำมันปลา ประมาณ 1 ช้อนชา หรือ น้ำมันสมุนไพร อื่น น้ำมัน ต้อง เป็น แบบ สกัดเย็น จะ ดี ที่สุด หรือ ทาน พืช สด ที่ มี น้ำมัน ที่ ดี ประมาณ นี้ ทาน สลับ กัน ไป จะ ช่วย กระตุ้น ภูมิคุ้มกัน
3. ออกกำลังกาย เช้า เบาๆ ให้ ทำ เท่า ที่ ทำได้ (โดย มี มาตรฐาน 10,000 ก้าว/วัน หรือ 7 กม. /วัน หรือ มากกว่า ก็ได้) ตาม สภาพ ของ แต่ละคน ออกกำลังกาย เช้า ดีกว่า เย็น หรือ ตอนเย็น จะ ออกกำลังกาย เบาๆ อีก รอบ ก็ จะ ดีมาก จะ ช่วย ขับของเสีย และ กระตุ้น เซลล์ ของ อวัยวะ ที่ เกี่ยวข้อง กับ ระบบ ภูมิคุ้มกัน 
4. อาบ แดด อ่อน ก่อน 8.30 น. กระตุ้น ระบบของ ร่างกาย หลาย ระบบ รวมถึง การ สร้าง วิตามิน ฮอร์โมน และ สารชีวะ โมเลกุล อื่น ให้ พร้อม ต่อ การสร้าง ภูมิคุ้มกัน 
5. หายใจ ให้ ลึก และ กลั้นไว้ แล้ว ค่อยๆ ปล่อย ออก ทีละนิด ทำ ชุด ละ 5-10 ครั้ง ทำ บ่อยๆ เช้า เที่ยง เย็น หรือ มากกว่า (ก่อนนอน ห้าม ทำ จะ ทำให้ นอน หลับยาก) สามารถ เพิ่ม อ๊อกซิเจน ให้ เซลล์ ได้ อีก 3-5% ถือว่า เยอะ มาก เพื่อ เพิ่ม ประสิทธิภาพ ในการ สร้าง ภูมิคุ้มกัน 
6. มื้อเช้า ทาน กับข้าว น้ำ ผัก ผลไม้ สมุนไพร ปั่นรวม เพิ่ม สารอาหาร ที่ ดีที่สุด ให้ กับ เซลล์  (งดแป้งและน้ำตาล 100% ) น้ำ ปั่นรวม ต้อง ทาน ทั้ง 3 มื้อ ยิ่งดี มากๆ ครับ ส่ง ผล ดี ต่อ ระบบ ภูมิคุ้มกัน โดยตรง
7. มื้อเที่ยง ถ้า มีขนมหวาน ให้ ลด แป้งและน้ำตาล ให้ ทาน แป้ง ธรรมชาติ ที่ ไม่ดัดแปลง เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโพด เผือก ฟักทอง แครอท เป็น ต้น เพื่อ ลดการ รบกวน การ ทำงาน ของ ภูมิคุ้มกัน และ ทาน น้ำปั่น รวม จะ ได้ วิตามิน แร่ธาตุ และ สาร ชีวะโมเลกุล อื่นๆ
8. มื้อเย็น ทาน ผัก ปลา หรือ โปรตีนอื่น (งดแป้งและน้ำตาล 100%) น้ำปั่นรวม ให้ อิ่ม วิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน สารอาหารอื่นๆ และ วาง ซ้อนส้อม เวลา 15.00 น. จะได้ ไม่ รบกวน การหลับ มื้อ ที่ 3 ถ้า งด ได้ ยิ่ง ดี กว่า ครับ และ ทำให้ ระบบ ภูมิคุ้มกัน มี ประสิทธิผล (แป้ง และ น้ำตาล จะ ไป รบกวน ภูมิคุ้มกัน ตอนหลับ)
9. ทาน กล้วยน้ำว้า 3-4 ผล/วัน (หาง่าย ได้ ทุกฤดู) หรือ ผลไม้ ที่ มี เส้นใย แน่น ละเอียด เลี้ยงจุลินทรีย์ ในลำไส้ ช่วย สร้าง ภูมิคุ้มกัน
10. ทาน พืช พวก ตระกูล ขิง ข่า ขมิ้นชัน กระชาย และ สมุนไพร กลุ่ม อายุวัฒนะ ให้ มาก กระตุ้น ภูมิคุ้มกัน
11. ทาน พืชผักหลากสี ผลไม้ หลากหลาย และ มากๆๆๆ หรือ ทำ น้ำปั่นรวม ดื่ม 4 แก้ว/วัน กระตุ้น ภูมิคุ้มกัน
12. ดื่มน้ำ 1.5-3.0 ลิตร/วัน หาก มี ปัญหา การตื่น กลางคืน เข้าห้องน้ำ หลัง 17.00 น. ทาน ได้ ครึ่ง แก้ว สำหรับ ทาน น้ำมันกัญชา หรือ ยาหรือ วิตามิน น้ำ สำคัญ ต่อ เซลล์ ที่ เกี่ยวข้อง กับ การสร้าง ระบบ ภูมิคุ้มกัน 
13. ทาน เบต้ากลูแคน หลินจือ  เพิ่ม ประสิทธิภาพ เม็ด เลือด ขาว  เจอ ใน เห็ด หอม แครง หูหนูดำ หลินจือ ทาน มังคุดสกัด (BiM 100) เพิ่มประสิทธิภาพ อวัยวะ ไขกระดูก สร้าง เม็ด เลือด ขาว พวก นี้ ส่งผล ต่อ ภูมิคุ้มกัน โดยตรง (สมุนไพร อื่น จะ ดี ต่อ อวัยวะ แต่ละ อวัยวะ ใน ระดับ ปฏิบัติการ ระบบภูมิต้านทาน)
14. ทาน น้ำมันกัญชา ลง กระเพาะ ตาม โดส ของ ผู้ป่วย ก่อน นอน ทุกคืน เพื่อ กระตุ้น ให้ สมอง 🧠 สั่งการ ทุก อวัยวะ ที่ เกี่ยวข้อง กับ ระบบ กลไก ภูมิคุ้มกัน อย่าง มี ประสิทธิภาพ (นมกช. ระดับสมอง สั่งการสูงสุด) เป็น ตรงไหน ทา ตรงนั้น เพื่อ ชี้เป้าหมาย ให้ สมอง รับรู้ ครับ 
15. ฝึก คิดบวก ศึกษา ศาสนา ลด ความ เครียด ครับ ถ้า จิตวิญญาณ ดี จะ ส่ง ผล ต่อ ระบบ ภูมิคุ้มกัน ทั้งหมด ใน ทาง บวก ใน ทางกลับกัน ถ้า จิตวิญญาณ เป็น ลบ 14 ข้อ ข้าง ต้น จะ ลด ประสิทธิภาพ ทุก ข้อ ครับ 

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ร่างกายเป็นด่างด้วยมะนาวน้ำร้อน

มีข่าวดีและพิเศษมาก...เหยื่อโควิด19ของเวียดนามไม่มีผู้เสียชีวิต...  ข่าวใหญ่สุดยอด...ได้รับข้อมูลยาโควิด19จากประเทศเวียดนามเรียบร้อยแล้ว...ไวรัสโควิด19จะไม่สามารถทำให้เราตายได้...รับรองว่าเป็นความจริง, วิธีการง่ายมาก, แต่ผลลัพธ์ดีมาก..แค่นำชาร้อน1กา มะนาว2ลูก ผสมกันแล้วดื่ม...สามารถฆ่าไวรัสโควิด19ได้ทันที...รวมถึงสามารถกำจัดไวรัสจากภายในร่างกายได้...ส่วนกระกอบทั้ง2อย่างนี้ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเปลี่ยนสภาวะเป็นด่าง...เพราะว่าเมื่อถึงกลางคืน, ระบบในร่างกายจะเปลี่ยนสภาวะเป็นกรด...ภูมิคุ้มกันลดลง...นี่คือสาเหตุที่ทำไมคนเวียดนามรอดจากการระบาดของไวรัสโควิด19มาได้. ที่เวียดนาม, ตอนเย็นทุกๆคนมักจะดื่มน้ำร้อน1แก้วผสมกับน้ำมะนาวเล็กน้อย..เพราะได้รับการยืนยันแล้วว่าจะสามารถฆ่าไวรัสโควิด19ได้...ทำให้ทุกคนแชร์ความลับนี้, น่ายกย่องชื่นชมมาก...ส่วนประกอบทั้ง2อย่างนี้ง่าย แต่ได้ผลดี, เพราะทำให้ไม่เป็นโควิด19, ขอให้ทำพระคุ้มครอง...ขอให้ทุกคนโชคดี

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ขาแข็งแรง อะไรๆก็ดี

นิตยสาร "Prevention" ของสหรัฐอเมริกา บอกถึง ผลงานวิจัยที่พบว่า "กล้ามเนื้อและกระดูกขาที่แข็งแรง" ถูกจัดอยู่ในลำดับต้นๆ ของผู้ที่ มีอายุยืนยาว

โดยผลงานวิจัย พบว่า ในช่วงสองสัปดาห์ ผู้ที่ไม่มีการเคลื่อนไหว ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือขา จะลดลงไปถึง หนึ่งในสาม  การฟื้นตัวจะใช้เวลานานมากกว่า   ดังนั้น  การใช้ขาออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นเรื่องที่ จำเป็นต้องทำ

  คนที่มีกล้ามเนื้อขาและกระดูกที่แข็งแรง  มักจะมีหัวใจที่แข็งแกร่งเสมอ

  ความชราเริ่มจากเท้า  เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ความแม่นยำ และ ความเร็วในการส่งคำสั่งระหว่างขา และสมองจะลดลง ซึ่งแตกต่างจากตอนที่ยังเด็ก
ท่าเดินของผู้สูงอายุ  จึงต่างกับเด็ก

   นอกจากนี้ แคลเซียมที่เรียกว่า "ใส่ปุ๋ย" ในกระดูก จะสูญเสียไปเร็ว ถ้าไม่เดินให้มาก จะทำให้ผู้สูงอายุ มีแนวโน้มที่จะกระดูกหักได้ง่าย

   กระดูกหักในผู้สูงอายุ ทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะ โรคร้ายแรง เช่น เส้นเลือดในสมองตีบ โดย  15 % ของผู้สูงอายุ อาจเสียชีวิต!! ภายในหนึ่งปี หลังจากมี กระดูกหัก จากการล้ม

   ดังนั้น แม้จะเป็นผู้สูงอายุ แล้ว มาออกกำลังขา ในวันนี้ ก็ยังไม่สายเกินไป

การออกกำลังขาง่ายๆ ก็คือ การเดิน  เป็นงานที่ต้องทำตลอดชีวิต  การทำให้ขาแข็งแรงขึ้นเท่านั้น ที่จะทำให้เรามีอายุขัย ที่ยืนยาว และ มีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่น ชาวญี่ปุ่น  ชีวิตประจำวัน จะมีการเดินมากกว่าชาติอื่นๆ  ปัจจุบันมีผู้อายุเกิน 100 ปี มากกว่า 80,000 คน!!
    ส่วนชาวฮันฃา นั้น มีอายุยืนที่สุดในโลก แต่ละคน อายุ เฉลี่ย 120 ปี นอกจากกินมังสวิรัติ แล้ว วิถีชีวิตของพวกเขา ก็คือ การเดินขึ้นลงเขาทุกวันนั่นเอง

https://youtu.be/R6DCSFxvWzM

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ปลดล็อคกัญชา

ประกาศ!! มีผล 15 ธ.ค.63 ปลดล็อก "กัญชา" หลายส่วนไม่ถือเป็นยาเสพติดแล้ว

โดย PPTV Online

เผยแพร่ 

ปรับปรุงล่าสุด 

ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2563

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2563

เรื่องเงินกับผู้หญิง

'กฏบางอย่างของเงินที่เราควรรู้'

1. 'เงินจะชอบวิ่งเข้าไปหาคนที่เล่นตัวกับมัน' เล่นตัวไง ทำเป็นไม่สนใจไง ...มีเชิงหน่อย !! ..ยิ่งเล่นตัว เรายิ่งมีเสน่ห์ดึงดูดเงิน

2. 'เงินจะวิ่งเข้ามา ในเวลาที่เราไม่จำเป็นต้องใช้' ถ้าไม่จำเป็นอย่าเพิ่งใช้ ถ้าใช้เพราะแค่อยากใช้ มีเท่าไหร่ก็หมดตูดครับ

3. 'เงินไม่ชอบเป็นนายใคร แต่เงินเป็นลูกน้องที่ดี' ..ใครใช้เงินทำงานเป็น เงินจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จะไปอาศัยใบบุญของผู้นั้น

4. 'เงินรวมตัวกันเมื่อไหร่ หายนะเกิด' ..คนฉลาดจะแบ่งเงินให้ทำงานหลายๆที่ ไม่ให้มันมารวมตัวกัน ..เอ๊ง!! ไปทำงานตรงนุ๊น ส่วนก้อนนี้มาทำงานตรงนี้

5. 'เงินที่วางไกลตัว มักทำงานหนักที่สุด' ..ถ้าเราหลงๆ ลืมๆ วางเงินให้มันทำงานในสินทรัพย์เช่น ที่ดิน หรือ หุ้น ..ยิ่งวางลืมๆ มันยิ่งทำงานหนัก โตเร็วอย่างน่าตกใจ

ทำได้ 5 ข้อนี้ ก็รวยแล้วล่ะ ..555

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2563

คติดีๆ

5 ข้อพ่อสอนให้จำ ...ถ้าทำแล้วจะดี จัดไป !!

1. 'ดีคือเสีย เสียคือดี' ถ้าไม่ขยายความเป็นเรื่องแน่ เพราะไม่รู้เรื่อง ...แต่พ่อสอนผมว่า อะไรที่มันดีอยู่แล้วไม่ต้องไปยุ่ง เพราะนั่นคือกับดัก ...โอกาสที่จะทำสิ่งนั้นแล้วแย่มันมีสูง (คนเขาทำดีอยู่แล้ว ถ้าเราพลาดนิดเดียว ซวยหนักแน่นอน)  ..แต่ถ้าอะไรมีวิกฤต หรือ ย่ำแย่ ให้เลือกทำงานนั้นเพราะมันคืองานแห่งโอกาส ..ของแย่ อย่างห่วยก็แย่เหมือนเดิม แต่ถ้าเราพลิกฟื้นมันได้ เราจะได้เป็นฮีไร่ !!

2. 'งานที่ทำไม่เสร็จ ถึงจะดีแค่ไหนก็ไม่มีคุณค่า' อันนี้สอนเด็กเรียนอย่างผม ที่ชอบความสมบูรณ์แบบว่า บางครั้งงานที่เสร็จ มันดีกว่างานสมบูรณ์แบบที่ทำไม่เคยเสร็จ ...ทำอะไรให้มันได้ผลงาน สร้างผลงาน แม้ไม่ได้ดีทุกชิ้น แต่เราก็โชว์ความมุ่งมั่นตั้งใจให้โลกรับรู้ 

3. 'ทุกอย่างสุดท้ายเปลี่ยนเป็นขยะ ส่วนอะไรที่ไม่ใช่ เก็บสะสมสิ่งนั้นไว้ เราจะเป็นคนรวย' ...อันนี้สอนเรื่องการจ่ายเงินให้รวยขึ้น อย่าซื้อขยะ ให้ซื้อ Asset 

4. 'คนที่ทำงานง่าย ไม่ใช่คนยิ่งใหญ่' ..งานยาก งานที่ลำบาก ไม่มีใครทำมาก่อน ไม่มีคนอยากทำ นี่คือ งานของคนยิ่งใหญ่ 

5. 'อย่าให้เพื่อนยืมเงิน เพราะนั่นคือการทำลายมิตรภาพอย่างแท้จริง' ...พ่อสอนว่า วิธีทำให้เพื่อนสนิทเลิกคบเราง่ายที่สุด ก็คือ ให้เขายืมเงิน ...ถ้าอยากช่วยจริงๆ 'ให้ไปเลย อย่าให้ยืม'

ความเด็ดของพ่อผม คือ ไม่ใช่แค่พูดสอน แต่ปฏิบัติตัวเองเป็นแบบอย่าง ..นั่นคือ การสอนที่ดีที่สุด 'เป็นต้นแบบ'

จัดไปครับ !!

#ภาววิทย์กลิ่นประทุม

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2563

การปลูกพืชแบบ แอร์โร่โพนิคน์

แอโรโพนิกส์ Aeroponics คล้ายกับไฮโดรโปนิกส์ Hydroponics ซึ่งเป็นการปลูกผักไร้ดิน แต่ไม่ได้เหมือนกันทีเดียว และหลายคนชอบเหมาว่าแอโรโพนิกส์ คือผักไร้ดินแบบไฮโดรโพนิกส์ จริงๆ ก็ไม่ถูกซะทีเดียว

และวันนี้เราจะมาหาคำตอบกันว่า การปลูกผักในระบบแบบ แอโรโพนิกส์ มีวิธีการปลูกและการดูแลอย่างไร รวมไปถึงเราสามารถสร้างรายได้จากการปลูกผักด้วยระบบนี้ อย่างไร…

ผักแอโรโพนิกส์ Aeroponics วิธีปลูก ดูแล และสร้างรายได้
ผักแอโรโพนิกส์ Aeroponics วิธีปลูก ดูแล และสร้างรายได้

แอโรโพนิกส์ Aeroponics คืออะไร

แอโรโพนิกส์ คือระบบการปลูกผักชนิดหนึ่งที่เป็นการปลูกแบบผักไร้ดิน คำว่า แอโรโพนิกส์ มาจากภาษาละติน “แอโร” หมายถึงอากาศ ส่วนคำว่า “โพนิกส์” หมายถึงการเพาะปลูก

สรุปแล้ว “แอโรโพนิกส์” จึงหมายถึง การปลูกพืชผักแบบให้รากลอยอยู่ในอากาศ โดยที่จะมีภาชนะยึดต้นพืช ให้ส่วนรากแขวนลอยในอากาศ เนื่องจากการปลูกพืชในระบบนี้ เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีการศึกษาวิจัยและการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีรูปแบบและระบบการทำงานที่ทันสมัยและใช้งานได้ง่ายขึ้นอยู่เสมอ จึงเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรและรองรับเกษตรกรรมสมัยใหม่ในปัจจุบัน ลดพื้นที่ปลูกให้แคบลง แต่ได้ผลผลิตมากขึ้น

ส่วน การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินแบบไฮโดรโปนิกส์ หรือ Hydroponics เป็นการปลูกพืชที่ไม่ใช้วัสดุปลูก (nonsubstrate หรือ water cuture) คือจะทำการปลูกพืชลงบนสารละลายธาตุอาหารพืช โดยให้รากพืชสัมผัสกับสารอาหารโดยตรง (Water culture) นั่นเอง

คำว่า Hydroponics มาจากการรวมคำในภาษากรีกสองคำ คือ คำว่า “Hydro” หมายถึง “น้ำ” และ “Ponos” หมายถึง “งาน”

ซึ่งเมื่อรวมคำสองคำเข้าด้วยกัน ความหมายก็คือ “Water-working” หรือหมายถึง “การทำงานของน้ำที่มีสารละลายธาตุอาหารผ่านรากพืช

การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน จากคำว่า ไฮโดรโปนิกส์ หรือ Hydroponics

การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินแบบไฮโดรโปนิกส์ หรือ Hydroponics

การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน จากคำว่า ไฮโดรโปนิกส์ หรือ Hydroponics
การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน จากคำว่า ไฮโดรโปนิกส์ หรือ Hydroponics

ผู้ที่จะทำการปลูกตามลักษณะของการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน Hydroponics นี้จะต้องควบคุมอุณหภูมิ รวมไปถึงธาตุอาหารของสารละลายให้พืชอย่างเหมาะสม เพื่อกำหนดการเจริญเติบโตของพืชให้ดีและมีคุณภาพ

การทำงานของระบบแอโรโพนิกส์ ต่างจากไฮโดรโพนิกส์อย่างไร

  • การปลูกในระบบแอโรโพนิกส์ เป็นระบบที่มีการหมุนเวียนน้ำและสารละลายธาตุอาหาร โดยการใช้ปั๊มอัดผ่านหัวพ่น ฉีดพ่นน้ำและสารละลายธาตุอาหารให้เป็นฝอยละเอียดเป็นระยะ ๆ บริเวณรากพืชตามระยะเวลาที่กำหนดตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า Timer เป็นตัวกำหนดระยะเวลาและจำนวนครั้งที่พ่นตามความเหมาะสมของพืชแต่ละชนิด
  • การปลูกในระบบไฮโดรโพนิกส์ จะเป็นการปล่อยสารละลายแร่ธาตุในรูปแบบน้ำ ให้ไหลวนลงในราง อย่างต่อเนื่องด้วยปั๊มน้ำ

แม้ว่าการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินแบบที่เรียกว่า Hydroponics จะเป็นการปลูกพืชในสารละลายธาตุอาหารพืช และไม่ได้ใช้ดินจริงๆ ตามที่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นคิดและพัฒนาขึ้นมาก็ตาม แต่พืชก็ยังต้องใช้วัสดุเพื่อการเจริญเติบโตได้ในรูปแบบของวัสดุปลูกอื่นๆ เช่น ทราย กรวด หินเกล็ด ด้วยการให้น้ำที่ผสมธาตุอาหารที่ค้นคิดขึ้นมาหล่อเลี้ยงราก จึงเรียกการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินนี้เป็นคำรวมว่า Soilless culture (อ่านว่า ซอยเลส คัลเจอร์)

ผักแอโรโพนิกส์ Aeroponics วิธีปลูก ดูแล และสร้างรายได้

ผักไร้ดิน คล้ายคลึง แต่แตกต่าง

ข้อสังเกตุคือ เป็นระบบปลูกที่คล้ายคลึงกัน เพียงแต่ระบบไฮโดรโปนิกส์ จะเป็นการให้รากพืชสัมผัสกับสารละลายโดยตรง รากจะถูกแช่อยู่ในสารละลายอยู่ตลอดเวลา แต่ระบบ Aeroponics แอโรโพนิกส์ จะเป็นการปลูกโดยให้รากของพืชลอยสัมผัสกับอากาศ แต่จะฉีดพ้นสารอาหารให้ทางรากเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการแห้งของรากและให้รากสามารถดูดสารอาหารได้ (คล้ายๆ กับการปลูกกล้วยไม้บางจำพวกที่รากสามารถรับสารอาหารได้จากทางอากาศ เช่น หนวดฤาษี ม่านบาหลี ฯลฯ)

ประโยชน์ของการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน

การปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินเป็นวิทยาการทางวิทยาศาสตร์และศิลปะผสมกันที่สามารถใช้ปลูกพืชได้ในทุกสถานที่โดยไม่มีขอบเขตจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการปลูกจำนวนน้อยเพื่อบริโภคในครัวเรือนหรือการผลิตเชิงธุรกิจ เป็นวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการสำหรับผู้ปลูกที่มีพื้นที่ปลูกน้อย เช่น แฟลต อพาร์ตเม้นท์ จึงสามารถปลูกได้ในเมืองหลวงของเมืองที่แออัดคับแคบด้วยผู้คน เช่น ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ เบลเยี่ยม

สำหรับการปลูกแบบขนาดเล็ก หรือเพื่อปลูกไว้ดูเล่นแบบสันทนาการ และมีอาหารจากการปลูกเพื่อบริโภคในครอบครัวอาจเป็นการลงทุนค่อนข้างสูง แต่ก็สามารถลดพื้นที่การปลูกลงได้มาก ไม่มีความยุ่งยากในการปลูก และการดูแลรักษา ผักที่ปลูกสามารถใช้ร่วมกับกลุ่มของผักสลัด หรือผักไร้ดินชนิดต่างๆ ได้เหมือนกันทั้งสองระบบ

ผักแอโรโพนิกส์ Aeroponics วิธีปลูก ดูแล และสร้างรายได้

การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินกับการผลิตเชิงธุรกิจ วิธีการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินสามารถใช้ปลูกพืชได้หลายชนิด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของการปลูกพืชแต่ละชนิด ตั้งแต่ผัก ผลไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ พืชไม้เลื้อย จนถึงพืชยืนต้น แต่การผลิตเชิงธุรกิจส่วนมากนิยมปลูกพวกพืชผัก ไม้ผลที่เป็นพืชที่เก็บเกี่ยวช่วงอายุสั้น

ตัวอย่างผักที่ปลูกในระบบแอโรโพนิกส์ คือ ผัดกาดขาวไดโตเกียว ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง ผักโขมขาว ต้นหอม

กรด-ด่าง ในกระแสเลือด

ค่าพีเอช (pH)​คือความเป็นกรดด่างที่มีอยู่ในกระแสเลือด
ค่าพีเอชของไวรัสโคโรนามีค่า 5.5 ถึง 8.5
สิ่งที่เราต้องทำเพื่อเอาชนะไวรัสโคโรนาต้องกินอาหารที่มีค่าพีเอช มากกว่า พีเอช ในไวรัสโคโรนา

ส่วนอาหารที่มีค่าพีเอช สูงกว่าโคโรนาไวรัสที่น่าสนใจคือ:
  * มะนาว - 9.9pH **
  * อะโวคาโด - 15.6pH *
  * กระเทียม - 13.2pH *
  * มะม่วง - 8.7pH *
  * Tangerine(ส้มเขียวหวาน)​- 8.5pH *
  * สับปะรด - 12.7pH *
  * Dandelion(ดอกแดนดิไลออน)​ - 22.7pH *
  * ส้ม - 9.2pH *
ดังนั้นถ้ากินอาหารเหล่านี้จะทำให้เราเอาชนะไวรัสโคโรนาได้

 คุณรู้ได้อย่างไรว่าคุณมี coronavirus(ไวรัสโคโรนา)​
 1. * มีอาการคันที่คอ *
 2. * คอแห้ง *
 3. * อาการไอแห้ง *
 4. อุณหภูมิสูง​
 5. หายใจถี่

 ดังนั้นถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ต้องรีบใช้น้ำอุ่นกับมะนาวและดื่ม

 อย่าเก็บข้อมูลนี้ไว้กับตัวคุณเองเท่านั้น  ส่งต่อให้ทุกคนในครอบครัวและเพื่อนของคุณ คนที่คุณรัก😘