วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562

อวยพรปีใหม่ 2564

  ปีใหม่แล้วนะ ขออะไรใครไม่   ได้แน่ๆ เพราะแต่ละคนก็ต้องพยายาม เงินทองมีจำกัด ต้องแย่งกันเอง แค่พวกเศรษฐีหอบเอาไปให้เขาถึงที่เมืองนอก(พวกออกไปซื้อของแบรนด์เนม) พวกเมืองนอกเข้ามาขน(ร้านอาหาร kfc แมคค์โดนันล์ โค๊ก เป๊บซี่ พิซซ่า น้ำมัน ...ฯลฯ) พวกต่างด้าวขนออกทางใต้ดินอีก จีนแย่งไปก็มากมายในรูปของขายสินค้า...เรียกว่าคนไทยเลือดไหลออกทั้งวัน ที่เหลือเศษสตางค์พอจะเหลือก็โดนรัฐไล่ออกกฎหมายรีดภาษีเพิ่ม  หน่วยงานรัฐบาลออกกฎใหม่ๆเพื่อเพิ่มอัตราการปรับถ้าทำผิดอีกมากมาย เราคนไทยจงเตรียมตัวหรือพยายามหาทางเก็บเงินในกระเป๋าให้ดี และถ้าใครมีความรู้มีโอกาส ขอจงมีกำลังกายกำลังใจ พยายามไล่เก็บเงินจากกระเป๋าคนอื่นให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะไม่มีให้วิ่งเก็บ...ไม่ได้พูดให้ท้อนะครับ แต่...ตอนนี้บ้านเราเป็นแบบนั้นจริงๆ อยากพูดเพื่อสร้างกำลังใจให้มีกำลังกายวิ่งสู้ฟัดนะครับ ใครช้า ใครหลงทาง ใครอยู่เฉย งานนี้ไม่มีคงตัว จะมีแต่ถอยหลัง ส่วนใครขยัน มีโอกาสคงตัว คือพอดีมีใช้ กับมีโอกาสเหลือเก็บนะครับ...ปีนี้ขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรงทั้งกายทั้งใจ เพื่อต่อสู้กับเรื่องหนักๆ รอบตัวเรานะครับ..pjmong

วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ความรู้เรื่องมะเร็ว

@ มีญาติติธรรมชาวอโศกเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ ...
เกิดคำถามว่า...
ทำไมคนกินพืชผักยังเป็นมะเร็ง ...
มะเร็ง เห็นเกิดแต่กับคนกินเนื้อมิใช่หรือ ...
คนเป็นมะเร็งจึงให้เลิกกินเนื้อแล้วมากินผัก ?

@ (จากหมอสา ตะกายธรรม)
ก่อนอื่นต้องบอกว่าเป็นความเข้าใจผิดนะครับ ว่าคนกินผักจะไม่เป็นมะเร็ง 

เราต้องทำความเข้าใจการเกิดของเซลล์มะเร็ง ...
สิ่งสำคัญที่เซลล์ทุกเซลล์ในตัวเรา ต้องการมากและขาดไม่ได้เลย คือ* ออกซิเจน *
ถ้าร่างกายได้รับออกซิเจนเต็มร้อย เซลล์ก็จะไม่มีการเปลี่ยนตัวเองเป็น เซลล์มะเร็ง ...

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำให้ ร่างกายเกิดคาร์บอนไดออกไซด์มากและออกซิเจนในเลือดต่ำ 
เซลล์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยตัวเอง ...
เซลล์จึงเปลี่ยนมาใช้คาร์บอนไดออกไซด์หายใจแทน และเปลี่ยนตัวเองเป็นเซลล์มะเร็ง...

แล้วอะไรทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ในระบบไหลเวียนเลือดเรามากที่สุด ???
ไม่ใช่อาหารเนื้อสัตว์ ...
ไม่ใช่อาหารพืชผัก...
ไม่ใช่อาหารปนเปื้อนสารเคมี ...
ไม่ใช่อาหารหมักดองอย่างที่เราเข้าใจ ...

สิ่งที่ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูงเร็วและมากที่สุดคือ ... ความเครียด ความเร่งรีบกับการใช้ชีวิต อารมณ์โมโหที่เกิดบ่อยๆ 
เพราะอะไร ?
เพราะมันเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายเกิดกระบวนการเผาผลาญพลังงานอย่างสูงและอย่างมาก ...
ส่งผลให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูงตามอย่างเร็ว 
โดยเฉพาะสมองเรานั้น...กินพลังงานสูงเป็น 5 เท่าของทุกอวัยวะ 
คิดง่ายๆว่า ... ถึงแม้เราจะทานอาหารพืชผักไร้สารพิษบริสุทธิ์สะอาดสักปานใด 
หากเราเครียด ติดต่อกัน  5 วัน เราก็เป็นมะเร็งได้ทันที 

@ คนอโศกที่กินผัก และปฏิบัติธรรม ...คนที่ยึดมาก ยึดดีมาก เคร่งเครียดมาก ก็มีสิทธิ์เป็นมะเร็งมากเช่นกัน ...

และเท่าที่ผมสังเกตนะครับ
คนที่เคร่งเครียดมากเร่งรีบมาก ... มักจะดื่มน้ำน้อย และขาดการออกกำลังกาย ..จึงส่งผลให้ออกซิเจนในเลือดต่ำ... ทำให้เซลล์กลายเป็นมะเร็ง เพิ่มมากขึ้นอีก 

@ แล้วทำไมคนเป็นมะเร็ง...
ควรเลิกกินเนื้อสัตว์..มากินผัก ...
เพราะกระบวนการย่อยเนื้อสัตว์ใช้พลังงานสูงกว่ากระบวนการย่อยผัก 
การกินเนื้อ จึงทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดมากกว่าการกินผัก 

@ แต่หากเลิกกินเนื้อมากินผักแล้วคนป่วยเครียด ...
มะเร็งจะยิ่งกระจายยิ่งกว่า คนกินเนื้อแล้วไม่เครียดนะครับ ...

@ สรุปว่า ... อารมณ์ที่เคร่งเครียด กับความเร่งรีบในการใช้ชีวิต ... บวกกับ ขาดการออกกำลังกายและดื่มน้ำน้อย ...(3ข้อนี้) นำมาซึ่งการเกิดเซลล์มะเร็งได้มากที่สุด

สุขภาพดีนั้นมีค่ามาก 
การที่เราไม่เจ็บป่วยเลย ชีวิตก็มีความสุข(พอเพียง)...
พอๆกับการเป็น พระอรหันต์  นั่นล่ะครับ  
สาธุครับ

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2562

การทำธุรกิจกับชีวิตจริง

สวัสดีครับ  วันนี้อากาศเย็นสบาย บรรยากาศชิวๆ  ใช้เวลาสักเล็กน้อยเขียนอะไรเล่นดีกว่า อยากคุยเรื่อง "ความเสี่ยงในธุรกิจ กับชีวิตจริง " นะครับ 
  ในชีวิตประจำวันของเรา ตลอดทุกนาทีที่อยู่ข้างหน้าเรา จะมีผลของการกระทำจากเราในปัจจุบันทั้งสิ้น และผลที่จามมาที่ว่านั้นจะเป็นบวกหรือลบเท่านั้น โชคดีเป็นบวกมากกว่าลบก็ได้กำไร ถ้าเป็นในเชิงธุรกิจแล้วเราจะลงทุนอะไร เราจะต้องพิจารณาข้อมูลให้ดีก่อน เราเรียกว่า"การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน " เมื่อได้ข้อมูล พร้อมวิเคราะห์ดีแล้วเราก็ลงทุน ผลที่ยังไม่เกิดนี้เราเรียกว่า " ความเสี่ยง" ในระหว่างทำกิจกรรมนั้นๆเป็นธรรมดาเราต้องหาทางบริหารงานนั้นให้ได้ผลลัพธ์ได้กำไรให้มากที่สุด  ซึ่งเราเรียกว่า " การบริหารความเสี่ยง" ช่วงนี้หนักสุด ใช้ทั้งสมอง แรงกาย ประสบการณ์และไหวพริบ เพราะเราต้องทำทุกอย่างให้ผลของความเสี่ยงนั้นออกมาป็นบวกให้มากที่สุด
    ในการดำเนินชีวิตคนเราก็เหมือนกัน ในแต่ละนาทีที่รอเราอยู่ข้างหน้า คือความเสี่ยงของเวลาในปัจจุบันของเราทั้งนั้น ใครตัดสินใจกระทำไปทางไหนแล้วต้องรับผิดชอบผลของมันทั้งนั้น ดังนั้น ก่อนจะทำอะไร เครื่องมือสำคัญคือ " สติ" คิดบวกลบคูณหารให้ดีก่อนว่าผลที่ตามมามันคุ้มหรือไม่ อัตราเสี่ยงที่จะได้ผลลบมีมากแค่ไหน ทุกการกระทำของเราไม่ว่าต่อเพื่อน ต่อญาติ หรือต่อคนใกล้ตัว ทำไปแล้วเพื่อผลอย่างหนึ่ง แต่ผลของมันได้อย่างอื่นที่เป็นลบมากกว่าตามมา ก็ไม่ควรเสี่ยงแม้แต่อยากจะทำมากแค่ไหนก็ตาม เราต้องมี " ความอดทนต่อสิ่งยั่ว" ให้มากๆ ถึงจะเรียกว่า ควบคุมอารมณ์ได้ดี  บางทีมันก็เกิดจากสิ่งเร้ารอบตัว บางครั้งเราก็จินตนาการขึ้นเอง อาจเกิดจากความสนุก คะนอง ทิฐิ หรือการเอาชนะ ถ้าเราใช้สติ คิดพิจารณาวิเคราะห์ข้อมูลและพยายามนึกถึงผลของมันให้มากๆ โอกาสขาดทุนก็น้อยลง และถ้าเราตัดสินใจทำไปแล้วการบริหารจัดการงานนั้นให้ได้ผลเป็นบวกที่สุด คือการบริหารความเสี่ยงได้ดี ผลลัพธ์ก็จะมีโอกาสได้กำไร ในเชิงธุรกิจหรือได้รับความสุขในชีวิตจริง 
      ในชีวิตประจำวันรอบๆตัวเรา เราจะเห็นการกระทำของเพื่อนต่อเพื่อน คู่รักต่อคู่รัก คนรู้ใจ ฯลฯ  ต่อเหตุการบางเรื่องที่ทำไปแล้วแล้วได้ผลออกมาเป็นลบ  เรามักจะมีคำถามตามมาเสมอๆว่า ทำไปเพื่ออะไร ไม่เห็นมีบวกเลยได้แต่ลบ ไม่น่าทำเลย ....ก็เพราะเราไม่คุมอารมณ์ตัวเองและใช้ สติ ใช้ความอดทนต่อสิ่งยั่วที่เกิดขึ้นในใจเรา ยับยั้งมันให้ได้ ก่อนที่จะทำอะไรลงไป ปล่อยให้การกระทำตามความอยาก ผลออกมาเป็นลบ ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ได้แต่เสียใจ แผลในใจที่เกิดขึ้นระหว่างกัน แม้จะพยายามแก้ไขก็ไม่มีวันหมดไปได้ สู้อย่าให้มันเกิดขึ้นเลยจะดีกว่าไหม..?? ..pjmong ....

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ร้องเพลง กับ ร้องเก่ง

  เมื่อวานไปนั่งร้านร้องเพลง บังเอิญมีระดับครูเพลง มานั่งด้วย ท่านแต่งเพลงให้นักร้องดัง แต่ขออนุญาตไม่เอ่ยว่าท่านเป็นใครละกันนะครับ ท่านเห็นเราร้องเพลงกันสนุกสนาน เพลงเก่ากลาง เก่ามาก หลากหลาย อยู่ดีๆท่านก็เดินมาบอกว่า พวกเราขุดเพลงอะไรมาร้อง เก่าจนฟังไม่รู้เรื่อง แนะนำว่า น่าจะเอาเพลงตลาดๆที่ทั่วๆไปเขาฟังกันรู้เรื่อง (ท่านไม่ได้พูดอะไรรุนแรงนะครับ ประมาณว่าท่านแนะนำด้วยความหวังดีอะครับ ) แต่ฟังเป็นทำนองเนียะ เราฟังแล้วเราก็ยิ้มๆ ได้แต่ครับๆ ไป แต่ในใจคิดไปถึงเรื่องเล่า ที่เคยได้ยินมาเรื่องหนึ่ง คือ มีคนสองคนนั่งคุยกัย คนหนึ่งนั่งจิบน้ำชา อีกคนนั่งจิบกาแฟ คนที่นั่งจิบน้ำชา ได้แต่พูดว่า กาแฟนั้นให้โทษอย่างนั้นอย่างนี้ แกอย่าไปกินมันเลย มันเป็นโทษต่อร่างกาย ...บลาๆๆๆ..คนที่นั่งจิบกาแฟก็ได้แต่พยักหน้านับทราบ เออ..ๆๆๆ แต่มือก็ยกแก้วกาแฟจิบไปเรื่อยๆ จนหมดถ้วย.. 
   เรื่องของเราก็คงทำนองนี้ คือ..ใครมีความสุขแบบไหนก็เดินตามทางนั้น  ในกลุ่มร้องเพลงมีคนอยู่ 3 ประเภท คือ 1. ร้องไม่เก่ง 2. ร้องเพราะ 3.ร้องเก่ง 
  แบบแรกเราขอไม่ขอพูดถึงให้เขาหัดไปก่อน ท่านคงอยากให้เราเป็นแบบที่ 2 คือร้องเพลงทั่วๆไปแต่ร้องให้เพราะ แต่การเป็นแบบร้องเพราะนั้น มันเป็นพรรสวรรค์ ร้องได้แนวเดียวหลากหลายไม่ได้เพราะต้องถนอมเสียง เลือกเพลงที่ตัวเองร้องเพราะมาร้องให้ฟัง เปลี่ยนแนว เป็นไม่ได้ ถ้าจะร้องเพลงแนวอื่นก็ต้องปรับให้มาเข้าทางตัวเอง เคยได้ยินธานินทร์ร้องเพลงสาวสวนแตงไหมละ?? ประมานว่าแบบนั้นนะครับ 
     ความสุขของแบบนี้คือ ร้องให้คนอื่นฟัง ชื่นชมเสียงเพราะๆของตัวเอง ถ้าวันไหนไม่มีคนฟังก็หมดสนุก 
  ส่วนแบบร้องเก่ง พวกนี้สนุกกับตัวเอง สนุกกับพรรคพวกที่ร้องแนวเดียวกัน คือไม่เอาเพราะแต่เอาเพื่อนเอาสนุก เอาพัตนาความสามารถไว้ร้อวกับคนหลายๆกลุ่ม อยู่ ตจว.ก็ลูกทุ่ง อยู่ร้านอาหารเบาๆก็ลูกกรุง สว.หน่อยก็สุนฯ  เปลี่ยนแนวไปเรื่อย หลากหลาย ไม่เอาเพราะแต่เอาสนุก เอาหลากหลาย ไม่มีคนอื่นฟังไม่เป็นไร ฉันชอบฉันร้องให้ตัวเองสนุก ...ใครเลือกแบบไหนก็ลองดูใจตัวเองนะครับ ส่วนพวกเราคงเอาสนุก เอาเพื่อน นะครับ.
    เต้นรำก็เหมือนกัน มีทั้งเต้นเก่งฟิกเกอร์เยอะ แต่ไม่ค่อยสวย กับเต้นสวย แต่ฟิกเกอร์ไม่เยอะ แต่ละคนเลือกทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ ก็ให้ความสุขได้ ไม่ว่าแนวไหนก็ตาม ขออย่างเดียวคือ เคารพต่อความคิดของเขา ...ไม่ว่ากัน....pjmong

วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ห้องน้ำชาย

   เก็บตกจากห้องน้ำ แถวศรีนครินทร์ 
   เรื่องนี้ติดในใจมานานแล้ว ว่าห้องน้ำชายในเมืองไทยมันเป็นยังงัย?? ทำไมคนที่ทำความสะอาดในห้องน้ำผู้ชาย มีค่านิยมเดียวกันหมด..คือ ..ชอบคิดว่าห้องน้ำเหมือนห้องสักห้องในบ้านตัวเอง เธอชอบทำตัวกันเอง เวลาลูกค้าเข้าก็จะมาขยันถูๆไถๆ อีตรงที่เขายืนทำธุระอยู่นั่นแหละ..ไปที่ไหนทั่วประเทศก็เหมือนๆกัน ยิ่งตามปั๊มข้างทาง ไปที่ไหนมักจะเจอ เข้าไปยืนปุ๊ปเธอก็จะเข้ามาถูๆๆ ข้างๆ  ต้องค่อยส่ายหลบ บางรายมากกว่านั้น โถฉี่ผู้ชาย ตามปั๊มมักจะติดเป็นแถวยาว อยู่หลังอาคาร โล่งๆ เธอก็ชอบนั่งพักอีตรงนั้นแหละ ถ้าเธอเงยหน้าขึ้นมา...ก็...ยังกะงานประกวด ขาวมั่ง ดำมั่ง ชมพูมั่ง..ฯลฯ   แบบนี้ยังกะว่ามันเป็นสิ่งที่แม่บ้านทุกคนต้องทำเหมือนๆกัน  ไม่รู้ว่าผมสังเกตุมากไปหรือเปล่า แต่ก็เห็นบ่อยมากๆ
  วันนี้ห้องน้ำก็อยู่ไกลมาก สุดตึกที่เรานั่งอยู่เลย กว่าจะเดินไปถึง ขนลุกเลย...อุตส่าห์กำหนดใจอดทนค่อยๆเดินไป พอถึงประตูห้องน้ำเปิดเข้าไป ก็ไม่เห็นมีคน ก็วิ่งเข้าไปเลย ไม่ต้องอายใครแล้ว..!! เข้าไปได้ก็วิ่งเข้าหาโถฉี่เลย.เพราะว่าในนั้นไม่มีคนเลย ..!!ไม่ต้องเกรงใจใครกันแล้ว ..!!.ด้วยความด่วน ยังไม่ทันถึงโถก็เตรียมควักแล้ว .. เรียกว่าเดินไปเตรียมไป... จังหวะพอดียังไม่ทันได้ควักเลย..บังเอิญ  หางตาเหลือบไปเห็นอะไรสักอย่าง ก้อนดำๆแอบอยู่หลังประตู มันเป็นมุมที่ถ้าใครเข้ามาแล้วไม่ตั้งใจมองก็ไม่มีทางเห็น...ตกใจ..!!รีบหยุดพฤติกรรมเสี่ยงทันที ต้อวข่มใจข่มกายต่อไปอีกสักสามสี่ก้าว  คิดออกไหม?ว่าใจมันจะปลดปล่อยอยู่แล้ว ข้าศึกจะพังประตู.. แต่มันต้องถูกหยุดกระทันหัน รู้สึกไหมว่ามันจะขนลุกขนาดไหน..?? เกือบเลยละ..!!! เกือบทำน่าเกียจต่อหน้าสาวๆไปแล้วเชียว...!!
   ฝากข้อร้องเถอะ ใครที่มีเพื่อนมีญาติ ที่ทำหน้าที่นี้ ฝากบอกว่า เลือกเวลาทำงาน เลือกที่นั่งเล่นหน่อยเถอะ..คนมันอายรู้ไหม..???