เรื่องของ..."ความถูกใจ...กับ...ความถูกต้อง..."
สองสิ่งนี้อยู่คู่กันในตัวคนเดียวกันตลอดตั้งแต่เกิดจนตาย เมื่อใดที่สองสิ่งนี้ไปทางเดียวกันคนๆนั้นจะความสุขจากเรื่องนั้นแต่ถ้าสองสิ่งนี้มันขัดกันเมื่อไหร่ความทุกข์ก็จะเกิดทันที คนที่รู้จักจัดการกับมันให้มันไปด้วยกันได้คนนั้นก็จะไม่ทุกข์
"ความถูกใจ"เป็นปฏิภาค ผกผัน กับอายุ ต้องใช้น้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น
"ความถูกต้อง" เป็นปฏิภาคตามอายุ ต้องใช้มากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น
เพราะอะไรหรือครับ..??ก็เพราะตอนอายุยังน้อยเราไม่ต้องรับผิดชอบใคร อยากได้อยากทำอะไรผิดพลาดไปก็แค่ตัวเราหรือไม่ก็มีคนอื่นเช่นพ่อแม่เรารับผิดชอบให้ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น ถ้าเราทำอะไรด้วยความถูกใจโดยไม่สนว่ามันจะไม่ถูกต้องก็ตาม ถ้าผลของมันออกมาเป็นลบ มันอาจมีผลกับคนอื่นที่เรารับผิดชอบอีกหลายคน บางทีอาจเป็นเรื่องใหญ่โตจนให้คนอีกหลายคนแก้ยังไม่ได้เลย เช่น อยากพี้ยา ก็พี้จนติด กลายเป็นติดยาสร้างปัญหาให้สังคมรอบข้างอีก อยากเล่นการพนันแล้วเล่นจนติด อยากใช้เงินจนกู้หนี้ยืมสินชดใช้กันไม่หมด ไม่อยากทำงานอยากอยู่บ้านเฉยๆจนลูกหลานไม่มีจะกินบ้านแตกแยก เห็นไหมครับ ความถูกใจที่ขาดการยับยั้งชั่งใจ
สมมุติว่าเราได้แฟนสวย รวย เก่ง ดีทุกอย่าง อันนี้ถูกใจใช่ไหมครับ ถ้าเราได้แต่งงานกับเธอก็แปลว่าเราถูกต้องแล้ว สองอย่างไม่ขัดกันเราก็มีความสุข แต่เมื่อไรที่เธอไม่เหมือนเดิม ไม่ถูกใจเราแล้วแต่เรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่มันมีความถูกต้องอยู่ ทีนี้ก็เกิดทุกข์แล้วละครับ มีเรื่องอีกมากมายในชีวิตเราที่เราอยากได้ อยากให้เป็น อยากทำ แต่เราทำไม่ได้เพราะมันไม่ถูกต้องมันก็ทำให้เราทุกข์คาใจอยู่อย่างนั้น เรื่องใหญ่ก็ทุกข์มาก เรื่องเล็กก็ทุกข์น้อย สำหรับผมเมื่อรู้ต้นเหตุของทุกข์แล้ว(ต้นเหตุของทุกข์ทางพุธศาสนาคือ กิเลส คือความอยากได้ หมายความว่าถ้าไม่อยากได้ไม่อยากมีก็ไม่ทุกข์ แต่นั่นต้องไว้ใช้กับคนที่ไม่มีภาระอะไรแล้วเช่นคนที่ตัดทุกอย่างได้แล้ว แต่เราต้องต่อสู้วนเวียนอยู่กับทางโลก มีชีวิตเรา และคนอื่นอีกมากมายที่รอให้เรารับผิดชอบ ชีวิตเราต้องมีอยากได้ อยากทำและอยากเป็นอยู่ครับ แต่เราต้องหาทางจัดการกับมัน คนที่นิยมใช้ความถูกใจเป็นตัวตัดสินโดยไม่ค่อยสนความถูกต้อง ชีวิตก็จะวุ่นวายกว่าคนที่เอาความถูกต้องเป็นหลัก แล้วพยายามปรับความต้องการตัวเอง บางทีก็ต้องยอมรับมันว่ามันเป็นไปไม่ได้ ฝืนไปแล้วอาจได้ดังใจตอนนี้ แต่เดี๋ยวจะมีเรื่องทุกข์อื่นที่ใหญ่กว่าเยอะกว่าตามมา ทำใจเสียเถอะ หรือบางกรณีย์ที่อยากได้จริงๆ เราก็ต้องหาเหตุผลมาสนับสนุนให้มันถูกต้องที่สุด
เห็นไหมครับ... "ความถูกใจ" สามารถลดได้ครับแต่เราต้องอิง "ความถูกต้อง"ไว้ เครื่องมือตัวเดียวที่ต้องเอามาใช้อยู่ตลอดคือ.."เหตุผล.."ครับ ทุกครั้งที่เรามีปัญหา มีทุกข์เพราะ"ความถูกต้อง"มันขัดกับ"ความถูกใจ" เราต้องพยายามหาเหตุผล บวกลบคณหาร มาคิดให้มากที่สุด ได้เหตุผลที่ดีที่สุดแล้วค่อยเลือกจะเอาทางไหน เมื่อเลือกแล้วก็ไม่ต้องวิตกอะไรถือว่าเราทำดีที่สุด ไตร่ตรองมากที่สุดแล้ว ตั้งแต่อดีตหลายปีผ่านมา ผมทำอะไรเยอะแยะไปหมด วันแต่ละวันไม่เคยว่างให้นั่งเฉยๆ ที่ได้มาก็สมหวังบ้างผิดหวังบ้าง แต่ที่แน่ๆถ้าเราใช้"เหตุผล"(ทางโลกผมใช้คำว่า"เหตุผล" ส่วนทางธรรมเขาใช้คำว่า"สติ"ครับ) เราไม่เคยทุกข์ ไม่หมดกำลังใจอะไรเลย อยู่อย่างมีความสุขได้ทุกวัน เชื่อผมเถอะครับ พยายามหัดใช้เครื่องมือตัวนี้ในทุกนาทีที่เราดำเนินชีวิต จะพูด จะทำ จะคิด อะไรก็แล้วแต่ ใช้เหตุผลเสียก่อนจะทำ ว่าทำแล้ว พูดแล้วผลออกมาคุ้มไหม เป็นบวกหรือลบ ถ้าเป็นลบก็หยุดอย่าทำ คิดแล้วสรุปแล้วเลือกแล้วก็อย่าไปกังวลมีความสุขไป ผลออกมาเป็นอย่างไรค่อยใช้เหตุผลจัดการต่อไปอีก อย่าลืมนะครับ..ก่อนทำก่อนพูด ใช้เหตุผลก่อนทุกครั้งไป.... คุณจะมีชีวิตอยู่แบบมีคุณภาพ และมีความสุข...อ้อ.!!...ฝากอีกนิดนะครับ ครอบครัวไหนสามารถสอนลูกหลานให้รู้จักใช้เหตุผลในการดำเนินชีวิิตได้เร็วกว่าครอบครัวอื่น ครอบครัวนั้นได้เปรียบครับ ปัญหาจะน้อย ทุกข์จะน้อย ความสุขทั้งครอบครัวจะอยู่คู่ครอบครัวนี้ตลอดไปครับ..เพราะเด็กคนนั้นจะดำเนินชีวิตแบบใช้เหตุผลคุมอารมณ์ตลอดไป คือไม่หลงทางง่ายๆเหมือนเด็กคนอื่นที่ใช้แต่อารมณ์ตัดสิน .ขอให้มีความสุข มีกำลังใจในแต่ละวันนะครับ..pjmong....
วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2559
ความถูกต้องกับความถูกใจ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น