วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2567

    การหยุดผลิตของ รถ ev ทั่วโลก ไม่ใช่คำตอบว่า รถ ev จะหายไป รถไฟฟ้าคือคำตอบ ที่ถูกที่ถูกเวลาแล้ว ส่วนตัวผมว่า มาช้าไปด้วยซ้ำ คนบนโลกใบนี้ ถูกให้ใช้รถน้ำมัน เผาทรัพยากรทิ้ง และเปลี่ยนสภาพขึ้นไปทำลายอากาศจน โลกใบนี้จะไม่เหลือ อะไรแล้วแม้แต่อากาศก็ยังถูกทำลายไปขนาดนี้ แต่แปลกมากๆที่ ดวงอาทิตย์ส่งพลังงานมาให้เราใช้ฟรีๆ มาเป็นล้านๆปี เรากลับไม่เลือกเอามาใช้ก่อน  
  ถามว่าทำไม?ไปขุดดินเอาน้ำมันมาใช้ก่อน แล้วปล่อยแสงแดด ให้มันทิ้งเปล่าไปเป็นล้านๆปีมันง่ายกว่างัย.!! เพราะความชุ่ย ความมักง่ายของ มนุษย์ งัยครับ  คว้าเอาที่ฟรี และง่ายจากน้ำมัน ก่อน ที่ฟรีแต่ยากกับแสงแดด เราลองย้อนไปถึงอดีต ที่เครื่องยนต์น้ำมันถูกสร้างขึ้นพร้อมๆกับ รถไฟฟ้า แต่รถน้ำมันถูกพัฒนาต่อ เพราะเอาน้ำมันมาใช้ง่ายกว่า แสงแดดที่ต้องมาสร้างแบต ตอนนั้นอ้างกันว่า แบตเก็บไฟได้น้อย น้ำหนักมาก ถ้าเจ้าคนคิดค้นเรื่องนี้ มันมีความรับผิดชอบ และคิดดีๆ ว่ารถไฟฟ้า มันดีกว่ารถน้ำมันแต่ทำยากกว่าก็จริง แต่ให้โทษกับโลกน้อยกว่ารถน้ำมัน ตัดใจไม่ยอมพัฒนารถน้ำมัน แต่อดทนพัฒนารถไฟฟ้าต่อ และคนใช้ก็ใช้รถไฟฟ้าในแบบของมันในตอนนั้น แบบว่า กอดคอกันไปทั้งผู้พัฒนา ผู้ผลิต และผู้ใช้ โดยที่ผู้ใช้ก็ไม่รู้หรอกว่า ถ้ามีรถน้ำมันให้ใช้ มันจะสะดวกกว่า ถูกกว่า เพราะมันไม่มีมาให้เปรียบเทียบนั่นเอง
  ถ้าที่ผมพูดมาเกิดขึ้นจริงในอดีต ทุกวันนี้ อากาศจะถูกทำลายไปขนาดนี้ไหม? น้ำมันดิบที่เก็บเอาไว้ใต้ดินมาเป็นล้านๆปี จะถูกขุดขึ้นมา ทำลายทุกอย่างบนโลกใบนี้ไหม? ทั้งอากาศ และขยะพาสติดที่เต็มไปบนโลกทั้งใบ ..!! อเมริกาจะฉวยโอกาส เอาน้ำมันมาเล่นแร่แปรธาตุ พิมพ์แบ็งดอลล่าให้ตัวเองเอาเปรียบ สกุลเงินอื่นจนตัวเองรวยมหาศาล และเอาความรวยจากการเอาเปรียบนี้ ไปทำลายประเทศอื่นได้ขนาดนี้ไหม? 
  ผมเชื่อ 100%  ว่า ถ้าเมื่อย้อนอดีตไป นักพัฒนาทุกคนยินยอมพร้อมใจกัน พัฒนารถไฟฟ้า และแบตเตอรี่ และยอมทิ้ง ความง่าย แต่ทำลายมากกว่ากับรถน้ำมัน ป่านนี้ ระบบเก็บพลังงานแบตเตอรี่ อาจจะถูกมากๆ และเบามากพอ และเก็บไฟได้มากมาย  และพวกเราเหล่าคนใช้รถไฟฟ้า คงไม่ต้อง เครียดและจ่ายเงินมากมากกับรถน้ำมัน ที่ปัญหาจุกจิก เสียหายง่าย และต้องจ่ายในราคาแพงกับอะไหล่แต่ละชิ้น (รถน้ำมันมีชิ้นส่วนเป็นหมื่นชิ้น ที่ทำงานภายใต้ความร้อนและแรงดันมากแค่ไหน แรงสั่นสะเทือนมากแค่ไหนเวลามันเดินเครื่อง เครื่องมันถึงพังเร็ว เสียง่ายจุกจิกงัย แต่รถไฟฟ้า มีอะไหล่อยู่กี่ชิ้น ? แต่ละชิ้นซ่อมง่ายแค่ไหน? มอเตอร์งี้ (เด็กจบ ป.4 ยังพันมอเตอร์เป็น ส่วนแบตฯ เสียก็เปลี่ยนๆ) อุปกรณ์อื่นๆอีกไม่กี่ตัว แถมเวลาเดินเครื่อง ไม่มีความร้อน ไม่มีแรงดัน นิ่งเงียบไม่สั่นสะเทือน ..มันดีกว่ากันกี่เรื่อง??
    ปัญหาเดียวที่มีกัย รถ ev  คือ..??? เพราะมันพัฒนาช้าแต่เร่งมันมากงัย..!!  ระบบชาร์จ และแบตเตอรี่ มันถึงไม่ทันใจ คนใช้ (ขนาดใช้ทุกทรัพยากรที่มี เร่งพัฒนากันเร็วที่สุดแล้วนะ ก็ยังไม่ทันใจ คนใช้) เขาถึงต้องยอมถอยหลังลงมาด้วยการ หยุด ผลิต ev 100%ไปก่อน แต่ความจริงคือ รถไฟฟ้าจะต้องถูกใช้ต่อไป เพราะรถน้ำมันไม่มีทางที่จะกลับมาผลิตอีก ถ้าใครขืนผลิต โดยย้อนไปผลิตรถน้ำมันให้กลับมาอีก รับรองว่าเจ๊งยิ่งกว่า  ผลิต ev 109%  เสียอีก 
  ดังนั้นสิ่งที่สมเหตุสมผล ดีที่สุด กับยานพนะ ของประเทศยังไม่พัตนา (หัวชาร์จมีน้อย ,ถนนหนทางยังไม่ปลอดภัยกับแบตเตอรี่ใต้รถ ) ก็คงต้องใช้ แบบไฮบริดไปก่อน ช่วยโลกได้  70 % อีก 30% ใช้น้ำมันไปก่อน เพราะความจริงที่เหมาะสมกับยุคนี้ คือ รถไฮบริดครับ จนกว่า ..
1. แบตเตอรี่ ไม่ใช่ระเบิดเวลาที่ติดไว้ใต้รถไฟฟ้าทุกคน อีกต่อไป
2.นน.เบตเตอรี่ที่วิ่งได้สัก 500 กิโล มีนน.เท่ากับ น้ำมันเต็มถังของรถน้ำมันที่วิ่งได้ 500 โลเหมือนกัน
3. ชาร์แบเตอรี่ 500 กิโลในข้อ 2 ใช้เวลาเท่ากับ เติมน้ำมัน เต็มถัง (สัก 5 นาที) 
  คงเห็นปัญหาไหมครับ? ความไม่ชอบรถ ev ก็คือหัวข้อที่คนใช้เอาไปเปรียบเทียบกับ รถน้ำมันที่คุ้นเคย  บอกแล้วงัยว่า ถ้ารถน้ำมันไม่เคยมีมาก่อน ทุกวันนี้ อาจมีหัวชาร์จเต็มไปหมดทั่วประเทศ  , คนใช้รถคงคุ้นกับการรอชาร์จไฟครึ่ง ชม. แบตเต็ม หรือ แบตเตอรี่รถอาจชาร์จแค่ 5 นาที , นน.ก็เบาและไม่ลุกไฟง่าย 
  เพราะรถไฟฟ้ามันเกิดช้าไป จนต้องเร่งพัฒนาจนไม่ทันใจคนใช้ และคนใช้ก็ดันไปคุ้นชินกับรถน้ำมันมาก่อนนี่แหละคือปัญหา ..jpmong

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น