คุณเป็นคนที่ไม่มีเหตุผล
ภาษาอังกฤษใช้ประโยคเหล่านี้ได้เลยครับ
You are a very unreasonable person.
ยู อา อะ เฟะรี อันรีเซินนะโบ่ว เพอเซิน
หรือ
You are a very unsensible person.
ยู อา อะ เฟะรี อันเซนซิโบ่ว เพอเซิน
หรือ
You are a very illogical person.
ยู อา อะ เฟะรี อิลฺลอจิคโค็ลฺ เพอเซิน
อีกตัวอย่างหนึ่งนะครับ
That was a very illogical thing to say.
แดท วะสะ เฟะรี อิลฺลอจิคโค็ลฺ ธิง ทู เซ
แปลว่า
ที่พูดมาเนี่ย ไร้เหตุผลจริงๆ
lecente clément
การกล่าวคำขอบคุณ ถือว่าเป็นมารยาทที่ดีที่ทุคนควรจะปฏิบัติกัน ซึ่งในภาษาอังกฤษเพื่อนๆคงจะคุ้นกับคำว่า thank you กันอยู่แล้ว แต่ในวันนี้เราจะลองไปดูกันซิว่า ยังมีคำอื่นอีกไหม ที่สามารถใช้แทน thank you เพื่อแสดงความขอบคุณได้อีก ถ้าอยากรู้ตามผมมาเลยครับ
Thank_You
1. I owe you one
ใช้ตอนได้รับความช่วยเหลือ เป็นการขอบคุณแบบอ้อมๆ เพราะถ้ามีโอกาสเราต้องตอบแทนคืนแน่นอน
2. I really appreciate it
เพิ่มคำว่า appreciate เข้าไป หมายถึงรู้สึกซาบซึ้ง และขอบคุณที่เราได้รับสิ่งดีๆนั่นเอง
3. Cheers
เป็นคำพูดเพื่อขอบคุณที่คนอังกฤษมักใช้กัน อันนี้ใช้แทน thank you ได้ทุกสถานการณ์เลย
4. You made my day
เราใช้ You made my day เมื่อทำให้คนฟังรู้ว่าเรามีความสุขมากเลยนะ มันมากกว่าคำขอบคุณนั่นเอง
การตอบรับคำขอบคุณ
No problem – ไม่มีปัญหา
Don’t mention it – ไม่ต้องพูดถึงมันหรอกน่า
My pleasure – ด้วยความยินดีครับ
It’s okay – ไม่เป็นไร
It was nothing – แค่นี้จิ๊บๆ
Any time – เรียกใช้ได้ทุกเมื่อเลย
ข้อมูลจาก: dailyenglish
How come?
เป็นภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียนนะครับ
แล้วก็ไม่ได้แปลว่า '' มาอย่างไร '' อย่างที่หลายคนเข้าใจนะ
ถ้าถามว่า '' มาอย่างไร '' ใช้ประโยคนี้ครับ
How did you come?
ฮาว ดิด ยู คัม
ส่วน How come? เป็นคำถามเหมือนกันครับ
แต่หมายถึง Why? หรือ ทำไม
ซึ่งที่จริง How come? ใช้แทน Why not?
↓
ทำไมไม่เป็นอย่างนั้น
เช่น
I'm not going to your birthday party.
อายมฺ น๊อท โกอิง ทู โยเออร เบิร์ธเดย์ พาที
ฉันจะไม่ไปงานวันเกิดของเธอนะ
How come?
ฮาว คัม
ทำไมล่ะ
I'm sick.
อายมฺ ซิคฺ
ฉันป่วย
lecente clément
ดีจ้าาาา วันนี้ พาไปรู้จักกับ 10 คำย่อภาษาอังกฤษที่พบเห็นได้บ่อยมากในชีวิตประจำวัน ซึ่งเพื่อนๆหลายคนอาจจะรู้ความหมายคร่าวๆ แต่ก็ยังไม่รู้ที่มาครับ
1. A.M. / P.M.
A.M. – ย่อมาจาก “ante meridiem” ซึ่งเป็นภาษาละตินที่แปลว่า “ก่อนเที่ยงวัน” หมายความว่าเป็นช่วงเวลา หลังเที่ยงคืน – ก่อนเที่ยงวัน
P.M. – ย่อมาจาก “post meridiem” เป็นภาษาละตินของคำว่า “หลังเที่ยงวัน” หมายความว่าเป็นช่วงเวลา หลังเที่ยงวัน – ก่อนเที่ยงคืน
2. ASAP
คำนี้มักจะถูกใช้บ่อยเวลาพิมพ์ในการแช็ท ย่อมาจาก “as soon as possible” (เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้) เพราะใช้บ่อยมากก็พิมพ์ย่อเป็น ASAP มันซะเลย
3. B.Y.O.B.
ย่อมาจาก “Bring Your Own Bottle/Booze” แปลว่าให้เราเอาเครื่องดื่ม (แอลกอฮอล์) มาเอง โดยทั่วไปแล้วมักจะเห็นตามร้านอาหารและคำเชิญไปงานปาร์ตี้ หมายถึงให้เราเอาเครื่องดื่มมาเองได้ เพราะในร้านหรือในงานไม่มีให้บริการนั่นเอง
4. DIY
ย่อมาจาก “do it yourself” (ทำด้วยตัวเอง) ทำในที่นี้คือการประดิษฐ์หรือซ่อมแซมสิ่งของด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปซื้อใหม่หรือจ้างใครทำให้เสียเวลา จำพวกสมุดโน้ตหรืองานไม้ที่สร้างเอง
5. I.e. / E.g.
ทั้งคู่เป็นภาษาละติน ซึ่ง I.e. หรือ i.e. ย่อมาจาก “id est” ที่แปลว่า That is (to say) หรือ in other words แปลว่า “พูดง่ายๆก็คือ, อีกแง่หนึ่ง” ใช้ต่อท้ายประโยคเพื่อเพิ่มข้อมูล ทำให้ประโยคมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วน E.g. หรือ e.g. ย่อมาจาก “exempli gratia” ที่แปลว่า for example มันคือคำที่ใช้เพื่อยกตัวอย่างนั่นเอง
6. ETA, ETD
ย่อมาจาก “estimated time of arrival” คือเวลาที่คาดว่าจะมาถึง ใช้กับพวกเครื่องบิน รถไฟ รถยนต์ ส่วนคำที่ตรงกันข้ามก็คือ ETD ย่อมาจาก “estimated time of departure” นั่นเอง สองคำนี้ไม่มีจุดนะครับ ให้เขียนเป็น ETA, ETD ไปเลย
7. FYI
เป็นคำย่อภาษาอังกฤษที่มักจะเห็นได้บ่อยในการโต้ตอบอีเมล์ในที่ทำงาน ย่อมาจาก “for your INFORMATION” หรือ “บอกให้คุณรู้ไว้” เวลาเราจะส่งข้อมูลหรือบอกเล่าเรื่องน่าสนใจให้ใครก็แปะ FYI ไว้ได้เลย
8. N/A
เป็นอีกคำหนึ่งที่ปรากฏให้เห็นบ่อยๆในเอกสาร หรือใบสมัครงาน ย่อมาจาก not APPLICABLE, not available หรือ no answer พูดง่ายๆก็คือไม่มีข้อมูล หาข้อมูลไม่ได้ ไม่สามารถระบุได้นั่นเอง
9. P.S.
P.S. (หรือ PS) ย่อมาจาก “post script” หมายถึง “เขียนภายหลัง” หรือที่รู้ๆกันเป็นภาษาไทยว่า ปัจฉิมลิขิต (ป.ล.) นั่นแหละครับ เอาไว้เขียนต่อท้ายจดหมายหรือเป็นข้อความต่อที่เราเขียนภายหลัง
10. R.S.V.P.
เป็นคำย่อจากภาษาฝรั่งเศส “Répondez s’il vous plaît” ที่แปลว่า “Please respond” หรือโปรดตอบรับนั่นเอง เรามักจะเห็นคำนี้บนบัตรเชิญมาร่วมงานที่เป็นทางการ ถ้าเจ้าของต้องการทราบจำนวนคนที่แน่ชัดก็มักจะเพิ่ม R.S.V.P. พร้อมระบุวันที่เพื่อให้เราตอบกลับว่าจะมาร่วมงานหรือไม่
ข้อมูลจาก: dailyenglish
วันเว้นวัน
ภาษาอังกฤษใช้คำว่า
every other day
เอฟ'ริ อาเธอรฺ เด
เช่น
I workout every other day.
อาย เวอร์กเกาทฺ เอฟ'ริ อาเธอรฺ เด
ฉันออกกำลังกายวันเว้นวัน
I eat somtam every other day.
อาย อีท ส้มตำ เอฟ'ริ อาเธอรฺ เด
ฉันกินส้มตำวันเว้นวัน
This airline flies every other day.
ดิส แอร์ไลนฺ ฟลาย'ส เอฟ'ริ อาเธอรฺ เด
สายการบินนี้มีเที่ยวบินแบบวันเว้นวัน
** สัปดาห์เว้นสัปดาห์ → every other week
เอฟ'ริ อาเธอรฺ วีคฺ
เช่น
I work every other week.
อาย เวอร์คฺ เอฟ'ริ อาเธอรฺ วีคฺ
ฉันทำงานอาทิตย์เว้นอาทิตย์
lecente clément
ฉันไม่เกี่ยวนะ ภาษาอังกฤษ
ฉันไม่เกี่ยวนะ
พูดเป็นภาษาอังกฤษว่า
It has nothing to do with me.
อิท แฮส น๊อทธิง ทู ดู วิธฟ มี
ซึ่ง It ในที่นี้คือสิ่งนั้น
โครงสร้างการพูดจะเป็นแบบนี้
...to have nothing to do with...
...สามจุดที่อยู่ตอนต้นและท้ายประโยคก็คือ
ตัวแทนของสองสิ่งที่คุณอยากบอกว่าไม่เกี่ยวกัน เช่น
เหตุการณ์นี้ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น
This situation has nothing to do with that situation.
ดิส ซิท'จุเอเชิ่น แฮส น๊อทธิง ทู ดู วิธฟ แดท ซิท'จุเอเชิ่น
ความรู้สึกของคุณไม่เกี่ยวกับฉัน
Your feelings have nothing to do with me.
โยเออร ฟีลิง'ส แฮฟ น๊อทธิง ทู ดู วิธฟ มี
** ส่วนคำว่า ไม่เกี่ยวน่ะ ไม่เกี่ยวหรอก
มันไม่เกี่ยวกันเลย
ภาษาอังกฤษใช้ประโยคนี้ครับ
That's got nothing to do with it.
แดท'ส กอท น๊อทธิง ทู ดู วิธฟ อิท
เช่น
You're late! คุณมาสาย
sorry,but my cat was sick. ขอโทษที แต่แมวฉันไม่สบาย
That's got nothing to do with it! ไม่เกี่ยวกันเลย
By: lecente clément
สวัสดีครับ
กลับมาพร้อมความรู้ภาษาอังกฤษเหมือนเดิมนะครับ
กระทู้นี้ขอแนะนำประโยคการอุทานแบบฝรั่งมาฝากครับ
How + adjective ถือว่าเป็นการอุทานนะครับ เช่น
How cute! น่ารักจังเลย
ฮาว คิ๊ว'ทฺ
How lovely! น่ารักจังเลย
ฮาว ลัฟว'หลิ
How beautiful! สวยจังเลย
ฮาว บิวทิโฟล
How beautiful you are! คุณช่างสวยอะไรอย่างนี้ /คุณสวยจังเลย
ฮาว บิวทิโฟล ยู อา
How clever you are! คุณเก่งมาก
ฮาว แคลฟ'เวอรฺ ยู อา
How I miss you! คิดถึงคุณเหลือเกิน
ฮาว ไอ มิส ยู
How I love you! ช่างรักเธอเหลือเกิน
ฮาว ไอ ลัฟว ยู
How I hate you! พูดไม่ออกว่าเกลียดคุณมากแค่ไหน
ฮาว ไอ เฮท ยู
How sad! เศร้ามาก / เศร้าจัง
ฮาว แซด
How terrible! แย่จัง!
ฮาว แท'เรอโบ่ว
How disgusting! น่าขยะแขยงจัง!
ฮาว ดิสกัส'ทิง
How exciting! น่าตื่นเต้นจัง!
ฮาว อิคฺสฺ-ไซ่ดิง
That's why
แดท-ส วาย
แปลว่า
นั่นแหละคือเหตุผล
นั่นคือเหตุผลว่าทำไม......
เช่น
คุณรู้ใจฉันจังเลย
You know me so well.
ยู โนว มี โซ เวลฺ
นั่นแหล่ะเหตุผลที่ฉันรักคุณ
That's why I love you.
แดท-ส วาย ไอ ลัฟ ยู
...............
ฉันยกโทษให้เพราะเธอคือเพื่อนฉัน
I forgive you because you're my friend.
ไอ ฟอร์กี๊ฟ ยู บีคอส โยเออร มาย เฟรนดฺ
That's why.
แดท-ส วาย
นั่นคือเหตุผล
................
ฉันไม่อยากแต่งกับคุณ
I don't want to marry you
ไอ โด๊นทฺ ว๊อนทฺ ทู แมรี่ ยู
เพราะฉันเกลียดผู้ชายใจร้อนอย่างคุณเนี่ยแหละ
Because I hate a man who's hot tempered like you!
บีคอส ไอ เฮท อะ แมน ฮู'ส ฮอต เท็มเพอดฺ ไลคฺ ยู
That's why.
แดท-ส วาย
นั่นแหล่ะคือเหตุผล
*** ส่วนคำว่า
So that's why.
โซ แดท-ส วาย
แปลว่า
อ๋อ อย่างนี้เอง
lecente clément
เนื้อหาโดย: ลีเซนเต้ คลีมองต์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น