ความเป็นมาของสถาบัน I.S.T.D
สมาคมครูลีลาศในอังกฤษนั้น มีมากมายหลายสมาคม เช่น N.A.T.D. ( National Association of Teachers of Dancing ) หรือ U.K.A. ( United Kingdom Alliance ) หรือ I.S.T.D. ( Imperial Society of Teachers of Dancing ) และ I.D.T.A. ( International Dance Teachers Association ) เป็นต้น และยังมีอีกหลายสมาคมแต่จะไม่ขอพูดถึง วันนี้จะเล่าเกี่ยวกับ "I.S.T.D." เท่านั้นว่ามีความเป็นมาอย่างไร
สมาคมครูลีลาศที่รู้จักกันในนาม "I.S.T.D." ประกอบด้วยผู้มีคุณวุฒิทางการลีลาศ ได้ร่วมกันพัฒนาปรับปรุงหลักวิชา กำหนดมาตรฐาน หลักสูตรวิชาการลีลาศเรียกว่า "Syllabus of Examinations" แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ
ชั้นต้น ( Beginners ) ใช้รูปสเต็ป "Basic Figures" คือรูปสเต็ปขั้นพื้นฐาน ที่เป็นโครงสร้างสำคัญของแต่ละจังหวะ
ชั้นกลาง ( Intermediate ) กำหนดรูปสเต็ปต่างๆ ที่เป็นมาตรฐานของแต่ละจังหวะ เรียกว่า "Standard Figures"
ชั้นสูง ( Advanced ) ได้แก่รูปสเต็ปต่างๆ ที่เป็นที่นิยมกันแพร่หลาย เรียกว่า "Popular Variation" และ "Named Variation"
ความจริงสมาคมครู I.S.T.D. นี้ มีมานานแล้วตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 แต่เป็นการครอบคลุมลีลาศโดยทั่วไป เพิ่งจะมาตั้งเป็นสาขาบอลล์รูมโดยเฉพาะขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1924 นี่เอง โดยใช้ชื่อว่า "The Ballroom Branch of The Imperial Society of Teachers of Dancing"
สาเหตุที่มาตั้งสาขาบอลล์รูมขึ้น ก็เพราะได้ข่าวว่า นายฟิลิป ( Philip J.S. Richardson ) บรรณาธิการหนังสือ "The Dancing Times" ซึ่งเป็นนิตยสารที่มีชื่อเสียง และมีอิทธิพลมากต่อวงการลีลาศในยุคนั้น ร่วมด้วยบรรดาครูสอนลีลาศในลอนดอนจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกของ I.S.T.D. ได้เตรียมการก่อตั้งสมาคมขึ้นใหม่ โดยจะใช้ชื่อว่า "Society of Teachers of Ballroom Dancing" ดังนั้น จึงได้มีการเจรจากันขึ้น ระหว่างเลขาธิการของ I.S.T.D. กับนายฟิลิป ( Philip J.S. Richardson ) ผลที่สุดก็ตกลงกันได้ว่า I.S.T.D. จะรับดำเนินการในด้านบอลล์รูมเสียเอง ดังนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องตั้งสมาคมขึ้นมาใหม่อีก
คณะกรรมการชุดแรกของสาขาบอลล์รูม มีโจเซฟิน ( Miss Josephine Bradley ) เป็นประธานกรรมการ ประกอบด้วยคณะกรรมการอีก 5 คน ดังนี้คือ วิคเตอร์ ซิลเวสเตอร์ ( Victor Silvester ) อีฟ ทินเนเกจ สมิธ ( Eve Tyne gate Smith ) มิวเรียล ซิมมอนด์ ( Muriel Simmonds ) ไลส์ ฮัมฟรีย์ ( Lisle Humphrey ) และยอร์จ ฟอนตาน่า ( George Fontana )
งานชิ้นแรกของคณะกรรมการชุดนี้ คือ จัดวางมาตรฐานของการลีลาศ ซึ่งได้มีการถกเถียงกันมากในเรื่องหลักการพื้นฐาน โครงสร้างที่สำคัญๆ ตลอดจนการจับคู่ในท่าที่ถูกต้อง ( Correct Hold ) รวมไปถึงเทคนิคต่างๆ เช่นการสะเวย์ (Body Sway ) ซี.บี.เอ็ม. ( C.B.M. คือ Contrary Body Movement ) และการใช้ฟุตเวอร์คที่ถูกต้อง ฯลฯ
ในการพิจารณาครั้งนั้น ได้ยอมรับเอารูปสเต็ปต่างๆ ที่ใช้กันโดยนักลีลาศชั้นนำในยุคนั้น เช่น Josephine Bradley เป็นต้น มาบัญญัติเป็นมาตรฐานขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งต่อจากนั้นก็ได้เป็นที่ยอมรับกันว่า สไตล์ของอังกฤษ ( English Style of Dancing ) เป็นสไตล์สากล ( Interna tional Style ) เพราะถือเอาการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติ จากการเดินตามปกติธรรมดานี่เองมาเป็นหลัก ขณะเดียวกัน ก็ได้ร่างหลักสูตรสำหรับสอบคุณวุฒิเป็นครูสอนลีลาศ ( Syllabus of Examinations ) คือ ผู้ที่ต้องการจะเป็นครูสอนลีลาศ จะต้องสอบผ่านหลักสูตรนี้ก่อน จึงจะเป็นครูสอนลีลาศได้
ในปลายปีนั้นเอง (ค.ศ. 1924) กรรมการบอลล์รูมชุดนี้ ก็ได้พิมพ์หนังสือเกี่ยวกับลีลาศออกมาเผยแพร่ ชื่อ "The Dance Journal" ได้บรรยายถึงหลักสูตรวิชาครูลีลาศดังกล่าว โดยกำหนดว่าจะต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ตามลำดับดังนี้
1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจังหวะดนตรีของโมเดอร์น บอลล์รูม
2. ท่าทางของการจับคู่ การยกและวางแขน การทรงตัวและการวางศีรษะ
3. ความรู้ในเบสิคสเต็ปของ ฟอกซ์ทร็อท วอลซ์ แทงโก้ และวันสเต็ป (One Step ) ซึ่งผู้สมัครสอบ สามารถนำคู่เต้นของตน มาเป็นคู่เต้นในการสอบได้
รูปสเต็ปที่จะต้องใช้ในการสอบนั้น ได้อธิบายไว้ ในหนังสือ "Dance Journal" โดยละเอียด
ประวัติศาสตร์ของวงการลีลาศได้บันทึกไว้ว่า ครูลีลาศซึ่งเป็นกรรมการสาขาบอลล์รูมชุดแรกของ I.S.T.D. นี้ เป็นกลุ่มบุคคลชุดแรกของโลก ที่ได้ทำการจำแนกแยกแยะและวิเคราะห์ให้วงการลีลาศได้รู้ว่า อะไรเป็นอะไร ในเรื่องของสไตล์และรูปสเต็ปต่างๆ อีกทั้งยังได้ชี้ให้เห็นว่า เทคนิคของบัลเล่ต์ที่เคยเอามาใช้กับบอลล์รูมนั้น มันผิดจากธรรมชาติ จึงถูกยกเลิกไป และนำการเคลื่อนไหวจากการเดินตามธรรมชาติ เข้ามาเป็นตัวกำหนดแทน ผลจากการที่คณะกรรมการได้ใช้ความพยายาม ประกอบกับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแต่ละคน ก็สามารถวางหลักการและเทคนิคต่างๆ ซึ่งให้คำอธิบายไว้อย่างละเอียด ในเรื่องของการสะเวย์ ( Body Sway ) การยืดตัวให้สูงขึ้นและการลดตัวลง ( Body Rise and Fall ) รวมทั้งการใช้ฟุตเวอร์ค ( Footwork ) การขับเคลื่อน (Drive) การใช้น้ำหนักหัว(Head Weight) การใช้ศรีษระ (Head Action) งานที่สำเร็จขึ้นมาได้นี้นั้น ไม่ใช่เพียงแต่การใช้เวลาอันนานเท่านั้น แต่ยังได้รับความช่วยเหลืออีกมากมายจากบุคคลต่างๆ ที่ร่วมกันทำงานจนเป็นผลสำเร็จออกมา ดังที่เห็นกันทุกวันนี้
ครูสอนลีลาศที่มีคุณวุฒิ จึงรู้ซึ้งถึงคุณค่าในการสอบเป็นครูตามหลักสูตรที่กำหนดไว้ (Qualified Teacher) หลักสูตรนั้นสอนให้เป็น "ครูอาชีพ" คือสอนด้วยจิตวิญญาณของครู ไม่ใช่มีอาชีพรับจ้างสอนลีลาศ
หลักสูตรครู ยังสอนให้รู้แจ้งเห็นจริง ในศิลปของการลีลาศและเทคนิคต่างๆ ด้วย ดังนั้น การเป็นครูที่มีคุณภาพหรือ “Qualified Teacher” จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับวงการลีลาศ ทั้งในด้านความเข้มแข็ง และการพัฒนาต่อไปในอนาคตด้วย...pj mong.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น