วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

ปรัชญา พร 4ประการ

“ พร ” ๔ ประการที่คุ้นหูกันอยู่ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ รวมเรียกว่า “ จตุรพิธพร ” ที่พระนิยมให้แก่ญาติโยมนั้นมีความหมายเช่นไร

พรอีกอย่างหนึ่ง มี ๕ ประการ เรียกว่า “ เบญจพิธพร “ อันได้แก่ พร ๔ ประการ แล้วเพิ่มอีกหนึ่งอย่างคือ โภคะ หรือ ทรัพย์สมบัติ
ซึ่งพระพุทธองค์ท่านกล่าวไว้ว่า โภคะ หรือ ทรัพย์สมบัติทางจิตใจ ได้แก่ คุณธรรม คือ พรหมวิหาร ๔ อันเป็นสมบัติที่ติดอยู่กับตัวไม่มีวันใช้หมด ซื้อหาด้วยเงินไม่ได้ ดังนั้น โภคะ คือ พรหมวิหาร ๔ นี้ จึงเป็นสิ่งที่ควรจะสร้างขึ้นมา ถ้าเราสามารถทำได้ก็เป็นโภคะอันประเสริฐ

สำหรับความหมายของ “ เบญจพิธพร ” ในแง่ของพระพุทธศาสนานั้น มีรายละเอียดดังนี้
๑. อายุ คือพลังที่หล่อเลี้ยงชีวิตให้สืบต่ออยู่ได้ยาวนาน ได้แก่ อิทธิบาท ๔ มี
ฉันทะ = ความพอใจ ความยินดี ความรักใคร่
วิริยะ = ความเพียร ความบากบั่น
จิตตะ = เอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้นไม่วางธุระ ไม่ปล่อยใจฟุ้งซ่านเลื่อนลอย
วิมังสา = การหมั่นตริตรองพิจารณาเหตุผลในสิ่งนั้น ๆ

๒. วรรณะ คือความงามเอิบอิ่มผ่องใส น่าเจริญตาเจริญใจ งามทางร่างกาย และวาจา อันได้แก่ ศีล

๓. สุขะ คือความสุข (ภาวะจิตสงบประณีต ซึ่งมีสมาธิเป็นองค์ธรรมหลัก มีสติรู้อยู่แก่ตัวในการคิด การกระทำ) ได้แก่ ฌาน ๔

๔. โภคะ คือ ความพรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติและสิ่งต่าง ๆ อันอำนวยให้ซึ่งความสุข ความสงบ ทั้งตนเอง และสังคม ได้แก่
อัปปมัญญา ๔ (พรหมวิหาร ๔) อันมี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

๕. พละ คือกำลังความเข้มแข็งที่ทำให้ข่ม ขจัดได้แม้แต่กำลังแห่งมาร ทำให้สามารถดำเนินชีวิตที่ดีงาม ปลอดโปร่ง เป็นสุข บำเพ็ญกิจอย่างบริบูรณ์และเต็มที่ ไม่มีกิเลส หรือความทุกข์ใด ๆ จะมาบีบคั้น ครอบงำ

เมื่อเข้าใจแล้ว ก็โปรดเข้าใจว่า หากเราเพียงได้ยินได้ฟังพรจากพระ แต่เราไม่ประพฤติธรรมทั้งหลายตามที่ได้ยิน ก็เท่ากับว่าเราเพียงแค่คิด ไม่ได้รับผลใด ๆ เลยเพราะไม่ได้กระทำนั่นเอง สมดังคำตรัสของพระพุทธองค์ที่ตรัสไว้

จึงขอชวนคุณโยมทั้งหลาย ทำตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอน อย่าเพียงแต่คิด ความคิดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ดังคำกล่าวที่ว่า "หนทางในศาสนาพุทธนั้นมีสองเส้นทาง ทางหนึ่งคือเดินไปให้สุดท่าง อีกทางหนึ่งคือไม่เดินในเส้นทางนั้น"  ดังนั้น อย่าเพียงแต่คิด จงลงมือทำ

"ธรรมไม่ได้มีไว้เพียงแค่เชื่อ แต่มีไว้ปฏิบัติ"

-----เจริญพร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น