คิดแบบภาววิทย์ 6
ตอน หลักการสร้างเครื่องผลิตเงินของ ลีกวนยู “ผู้นำสูงสุดตลอดกาลของสิงคโปร์”
ประเทศสิงคโปร์นับเป็นประเทศเกิดใหม่ที่เติบโตเร็วมาก เพิ่งประกาศแยกตัวจากมาเลเซียเมื่อปี 1963 ก็ประมาณ 50 กว่าปีที่แล้ว ถ้าเทียบก็เป็นคน ก็ยังแค่วัยกลางคนเท่านั้นเอง
..พูดง่ายๆว่า ตอนที่ธนาคารกรุงเทพในบ้านเราก่อตั้ง ประเทศสิงคโปร์ยังไม่เป็นวุ้นเลย แต่วันนี้ประเทศสิงคโปร์กลายเป็น Financial Hub ศูนย์กลางทางการเงินของที่สำคัญของโลก มีธนาคารและสถาบันการเงินที่ใหญ่ระดับโลก แถมยังเป็นศูนย์กลางในการบริหารความมั่งคั่ง Wealth Management Center
สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นที่สิงคโปร์ต้องยกความดีความชอบให้ “ลีกวนยู” ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น บิดาแห่งประเทศสิงคโปร์ เขาเป็นนักการเมืองที่หัวคิดก้าวหน้าผู้วางรากฐานและระบบเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ของประเทศสิงคโปร์ทั้งหมดเลยก็ว่าได้
..ครับ!! พอดีผมได้มีโอกาส ปัดฝุ่น Shelf หนังสือ ก็พบว่า มีหนังสือเล่มนึง ที่เขียนโดย ลีกวนยูเอง วางอยู่ในชั้นหนังสือของผมจนฝุ่นจับ เพราะสารภาพตรงๆ เดี๋ยวนี้ซื้อหนังสือแทบไม่เคยอ่านเล่มไหนจบเลย เพราะไม่มีเวลา หนำซ้ำ มีหนังสือใหม่ๆ ออกตลอดเวลา
..หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า From Third World to First ..มันเป็นหนังสือที่น่าอ่านมาก เพราะลีกวนยู ได้เขียนถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเอง เกี่ยวกับการสร้างสิงคโปร์ตั้งแต่การวางอิฐก้อนแรกกันเลยทีเดียว
“ศึกษาอดีตแล้ว เห็นอนาคต” เรื่องนี้จริง เพราะทุกอย่างสอนเราว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ..วันก่อนผมเอาหนังเรื่อง The Godfather มาดูใหม่ ชอบประโยคที่เขาบอกว่า “If you Look at History, nothing is impossible” มันเป็นคำพูดที่ Godfather พูดกับลูกน้องถึงการลอบสังหารศัตรูตัวสำคัญ ซึ่งลูกน้องบอกว่า “เป็นไปไม่ได้”
..แต่ถ้าดูจากอดีต ขนาด John F Kennedy ประธานาธิปดี ประเทศอเมริกาที่ได้ชื่อว่ามีระบบ รักษาความปลอดภัยสูงที่สุด ยังโดนลอบสังหารได้เลย ...นั่นแหละ อดีตมันสอนเราจริงๆ ว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ..อ้าว!! จะฆ่าใครต่อดีล่ะ
กลับมาที่หนังสือ From Third to First ของลีกวนยู นับเป็นหนังสือ ที่เรียงร้อย ถ่ายทอดประวัติความเป็นมาของเศรษฐกิจเอเชียได้ครบถ้วนที่สุด เพราะถ้าว่ากันจริงๆ ไม่เคยมีผู้นำคนใดที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดได้นานเท่าลีกวนยู
..เขานำพรรค PAP “People’s Action Party” ชนะการเลือกตั้ง 8 สมัยติด ตั้งแต่ปี 1959 – 1990 หลังลงจากตำแหน่ง พรรค PAP ก็ยังคงครองเสียงส่วนใหญ่ชนะการเลือกตั้งทุกครั้งจนถึงปัจจุบัน ซึ่งวันนี้เขาก็ยังเป็นที่ปรึกษาอาวุโส ผู้มีอำนาจหลังม่านตัวจริงอยู่ดี
สิ่งที่ผมสนใจเป็นพิเศษ ในแนวคิดของลีกวนยูมากๆ คือ เรื่องของการสร้าง “เครื่องผลิตเงิน” นั่นคือ นโยบายการตั้ง CPF “Central Provident Fund” เรื่องนี้ ลีกวนยูเล่าว่า ระหว่างพัฒนาประเทศเขาพบว่า มันเริ่มมาถึงจุดที่ประเทศเริ่มมีความแตกต่างมากๆ กล่าวคือ คนรวยจะรวยมาก และ คนจนยิ่งจน เพราะตามการพัฒนาไม่ทัน
...จุดนี้เองเป็นช่วงที่ ระบอบคอมมิวนิสต์เริ่มเข้ามาท้าทายการปกครองของเอเชียในห้วงเวลานั้น ..คือ หลายๆ ประเทศกำลังเลือกว่า จะไปทาง ทุนนิยมประชาธิปไตย หรือ จะมาทางสังคมนิคม คอมมิวนิสต์ ที่ทุกคนเท่าเทียมกัน (แบ่งเท่ากันจริงหรือ)
สิงคโปร์เลือกระบบทุนนิยม แต่ใช้รัฐบาลซึ่งลีกวนยู แทบจะมีอำนาจเบ็จเสร็จในการกำหนดทิศทางของประเทศในการขับเคลื่อนนโยบาย
...เรื่องของการสร้างเครื่องผลิตเงิน ก็คือ การตั้ง CPF แล้วให้ทุกคนที่มีรายได้ ต้องส่งเงิน 20% เข้ากองทุน CPF แล้วก็กำหนดให้นายจ้างต้องสมทบเงินเพิ่มอีก 16% รวมเป็นเงินประมาณ 36% ของรายได้ของคนในสิงคโปร์ที่มีงานทำ จะต้องนำเข้าบัญชี CPF หรือ Central Provident Fund
กองทุน CPF จะทำหน้าที่เป็น “กองทุนส่วนบุคคลที่ใช้ในการลงทุน เพื่ออนาคต” โดยที่ทุกคนสามารถเลือกได้ว่า จะแบ่งลงทุนใน Asset ต่างๆ อะไรบ้าง ตั้งแต่ บ้าน , หุ้น และ กองทุนต่างๆ ...ถ้ามองในมุมมองนักลงทุน จะเห็นเลยว่า มันเป็นการกระตุ้นโดยรัฐบาลให้ ประชาชนสร้างเครื่องผลิตเงินของตัวเอง ซึ่งส่วนนึงที่สำคัญก็คือ นโยบายนี้สร้างให้คนมีบ้านเป็นของตัวเอง เพราะคนส่วนใหญ่ก็ใช้กองทุนนี้ซื้อบ้าน ..ถ้ามองให้ลึกไปกว่านั้น มันได้สองเด้ง เพราะ คนที่มีภาระมันทำให้เขาต้องสู้ทำงานหนัก และ เด้งที่สองคือ เมื่อคนเรารู้สึกว่าเราเป็นเจ้าของอะไรก็ตาม เราก็จะรู้สึกว่า เขามีอะไรที่จะต้องดูแล --- “เสียไม่ได้!!”
ใช่!! เมื่อคนเรามีอะไรจะเสีย เขาจะไม่อยากเสีย ...คิดดูนะครับ ถ้าทุกคนมีบ้าน มี Asset ที่ตัวเอง สั่งสมมา แปลว่า คนๆนั้นมีอะไรที่จะเสียไม่ได้ ดังนั้น เขาจะไม่ออกมานั่งชุมนุมเรียกร้อง เสรีภาพ ...ฮ่า ฮ่า เอ๊ะ!! แล้วบ้านเราทำไมมีคนออกมาชุมนุมเรียกร้องนุ่นนี่มากมาย ..ครับ!! ก็เพราะเขาไม่มีอะไรจะเสียน่ะซิ
...
การที่ประเทศจะรวยและสงบสุข ทุกคนต้องท้องอิ่ม และ มีความมั่งคั่งที่เพียงพอ ...วันนี้เมืองไทยเราเริ่มเห็นนโยบาย กระตุ้นให้ มนุษย์เงินเดือนเป็นนักลงทุน อย่าง RMF / LTF แต่ความรู้ของคนในเรื่องการลงทุนในบ้านเรา ยังต้องพัฒนามากกว่านี้ ...ฝากเรื่องการสร้างเครื่องผลิตเงินของตัวเองให้คิดกันนะครับ !!
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น