วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2560

หน้าแล้ง...หน้าร้อน...

วันนี้จั่วหัวเรื่องว่า  ""หน้าร้อนกับหน้าแล้ง"" เรื่องนี้ถ้าเข้าใจหลักทางวิทยาศาสตร์ จะลดอัตราการป่วยของเราได้มากเลยครับ..
  ครับ.. สำหรับผมแล้ว ผมแบ่งช่วงเวลา..ตั้วแต่เดือนกุมภาภันธ์ ถึง กันยายน ของทุกปี เป็นสองฤดูครับ คือฤดูแล้ง ผมประมานเอาว่า ให้ไว้ช่วง เดือนกุมภาพันธ์ ถึง เมษายน และ พฤษาคมถึงกันยายน ผมให้เป็นฤดูร้อนครับ แล้วมันต่างกันยังไงละครับ??  ช่วงฤดูแล้งเป็นช่วงที่เสี่ยงต่อการเป็นหวัดแดดมากที่สุด เพราะ อากาศร้อนจัด รวมกับอากาศแห้งมากซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากฤดูหนาวที่ผ่านมาตั้งแต่ตุลา ปีก่อน อากาศแห้ง ทางวิชาการเราเรียกว่า ในอากาศมีความชื้นสัมพัทธ์น้อยครับ แปลว่าในอากาศไม่ค่อยมีน้ำอยู่เลย แห้ง..ที่เราเรียกกันว่าอากาศแห้งนะครับ อากาศแห้งก็เหมือนถังเปล่าที่พร้อมจะเก็บน้ำไว้ได้เยอะ แดดจะร้อนจัดเพราะเมฆ(ไอน้ำในอากาศ)ไม่ค่อยมี แหงนดูท้องฟ้า โปร่งมากเพราะไม่ค่อยมีเมฆ เห็นดวงอาทิตย์เต็มๆลย  น้ำที่ถังเปล่าใบนี้จะเอามาเก็บก็จากสารพัดแหล่ง แม่น้ำลำคลองจากแดดเผา จากน้ำในร่างกายของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายโดนความร้อน และระเหยออกจากตัว ซึ่งความจริงที่เกิดขึ้นนี้เรากลับตีความเป็นตรงข้ามอย่างน่าเสียดาย กล่าวคือ เมื่อในอากาศมันแห้งและพร้อมจะรับน้ำมาเก็บไว้ได้มากมายนี้ น้ำที่ระเหยออกจากตัวเราตามผิวหนัง เมื่อขับออกมาที่ผิวหนัง จะถูกระเหยออกไปทันที ไม่มีโอกาสติดอยู่ที่ผิวหนังเลย มันไปเร็วขนาดผิวเราแห้งเลยละ นั่นแปลว่าเราเสียน้ำในร่างกายตลอดเวลา เสียเยอะด้วย แต่เรากลับคิดว่า เราไม่มีเหงื่อเลยไม่เสียน้ำ เปล่าเลยครับนั่นมันตรงข้าม ช่วงหน้าแล้งนี้ ถ้าร่างกายไม่มีเหงื่อเวลาเราอยู่ที่ร้อนๆ แสดงว่าอากาศตรงนั่นมันแห้งมากมันจะดูดน้ำจากตัวเราแบบเร็วจนไม่มีโอกาสเกาะที่ผิวเลย  ถ้าเราไม่รู้ตัว (ซึ่งก็คงไม่รู้หรอกครับเพราะ เสียน้ำในตัวแบบระเหยขนาดผิวแห้ง ย่อมไม่มีอะไรเตือนว่าเราเสียน้ำมากมายตลอดเวลา เมื่อเสียน้ำมากก็เริ่มจะร้อนใน ถ้าเป็นในปากก็เป็นแผลเจ็บกินยากทรมาน แต่ถ้าแผลที่ว่าเนียะ ไปเป็นลึกลงไปที่ระบบหายใจ หลอดลม อะไรทำนองเนียะ ก็อักเสบติดเชื้อนะซิครับ คอแห้ง คอเจ็บ อักเสบ แล้วตามมาด้วยการเป็นไข้ไม่สบาย ที่คนจีนเรียกว่าเป็นหวัด ร้อน ครับ แต่หวัดที่เกิดตอนหน้าฝนเขาเรียกว่าหวัดเย็น ความจริงแล้ว การร้อนในมีสาเหตุอื่นอีกนะครับ เช่นพักผ่อนน้อย ร่างกายอ่อนแอ  เขาถึงพยายามเตือนนักหนาว่าช่วงนี้ให้จิบน้ำบ่อยๆ เน้นว่าจิบบ่อยๆนะครับ ถ้าดื่มอักๆ ทีละเยอะๆก็ไม่มีประโยชน์ครับ ร่างกายเอาไปใช้ไม่ใทัน มันลงไปรอทางออกเป็นฉี่หมด ทีนี้ก็วิ่งเข้าห้องน้ำเป็นว่าเล่นเลย
  ส่วนหน้าร้อน คือช่วง พฤษภา ถึง กันยา จากการผ่านหน้าแล้ง(หนาว ตั้งแต่ตุลา )และ (ร้อน ตังแต่กุมภา) อากาศแห้งได้สะสมความชื้นหรือน้ำในอากาศมาตลอดด้วยวิธีการดึงน้ำจากสารพัดวิธี สะสมมากขึ้นจนเริ่มอิ่มตัว เรียกว่าในอากาศมีความชื้นสัมพัทธ์สูง หรืออากาศเริ่มจะอิ่มตัว ฤดูนี้ท้องฟ้าเริ่มมีเมฆเยอะขึ้น ช่วงนี้ถ้าเราสังเกตุดู ถ้าตัวเจอความร้อน จนเหงื่อท่วมตัว นั่นก็แสดงว่าอากาศตรงนั้นมีไอน้ำอยู่มาก อิ่มตัวเลยละ น้ำที่ร่างกายคุณขับออกมาฉันจึงไม่อยากได้ ไม่ต้องระเหย ติดอยู่ที่ผิวคุณนั่นแหละ ขับมาเท่าไหร่ก็ไม่ต้องการ ที่เรียกว่าเหงื่อโทรมนะครับ ตอนนี้เราก็เสียน้ำเหมือนกันแต่เราจะรู้ตัวรู้สึกว่าเสียเหงื่อเยอะ ร่างกายอยากกินน้ำเองเลย เพราะช่วงอากาศอิ่มตัวเราจะรู้สึกอึดอัด เสียเหงื่อเยอะแยะ เราจึงอยากดื่มน้ำเองโดยธรรมชาติ ไม่เหมือนเสียน้ำช่วงแล้งที่เราต้องพยายามเตือนตัวเอง เพราะตัวแห้งสะอาดไม่อึดอัด มักจะไม่คิดเรื่องกินน้ำเท่าไหร่ ลืมไปเลยว่างั้นเถอะ...จะเห็นว่า ช่วงเมษาจะมีฝนตกแล้ว และจะตกมากขึ้นเรื่อยๆพราะในอากาศมีน้ำเยอะแล้ว มากจนเริ่มจะต้องรวมตัวจนเป็นฝนแล้ว..
  สรุปง่ายๆว่าช่วง ตั้งแต่อากาศเริ่มแห้ง ตุลาก็เริ่มต้องจิบน้ำบ่อยๆ เพราะอากาศหนาวลมแรงร่างกายเริ่มจ่ายน้ำแล้วช่วงนี้ร่างกายถูกดูดน้ำเพราะอากาศแห้งลมแรง   จนถึงช่วงร้อนแล้งที่สุดกุมภา มีนา นี่ร้อนมากด้วย แล้งด้วย ดื่มเยอะๆเลยครับ ...ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะครับ..คำถามเล่นๆก่อนจบ ถามว่า คนอาฟริกา ถืออะไรติดมือตลอดเวลาเยอะที่สุด.?? ..คำตอบ..ถือขวดน้ำดื่มครับ.. เดินไปไหนถือติดมือตลอด..ด้วยความปราถนาดีจาก ...pjmong..
  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น