วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2560

     สวัสดีครับพี่ เรื่องที่พี่ห่วงใย สอบถามมาเรื่องข้อความบนโพสนั่นนะ ผมก็ได้ยินมาบ้างเหมือนกัน แต่ได้ฟังเรื่องราวคร่าวๆแล้วเลยไม่ได้สนใจต่อเพราะไม่เกี่ยวกับเราเลยสักนิด แต่สองสามวันมานี่เราได้ข่าวอะไรเข้าหูจนเป็นกระแสกันในกลุ่ม ที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกหลายท่านในกลุ่มเรา รวมทั้งผมกับสาวด้วย หลายๆคนเลยแสดงความเป็นห่วงเป็นไย ไถ่ตามกันมา ตอนแรกๆก็ไม่คิดจะสนใจอะไร เพราะแต่เรื่องราวไม่มีสาระและเกิดจากความไร้สาระ ชีวิตเรามีค่า มีสาระมากมายกว่าที่จะเอาเซลสมองมาสนใจเรื่องแบบนี้ ถ้าเราลงไปเล่นด้วยเกรงว่ามันจะเปลืองเซลสมองที่มีค่าของเราไปเปล่าๆ เอาเวลา เอาสมองมาพัตนาตัวเอง ทำประโยชน์กับคนรอบๆตัวเรา พัตนาประเทศชาติ ในทางที่ถูกที่ควรจะดีกว่า แต่เพื่อให้เรื่องนี้มันหายสงสัยสำหรับคนหลายๆคนก็เลยลองยอมให้เวลากับมันสักหน่อย เพระเรื่องนี้มันสำคัญขนาดมีคนตั้งใจสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งๆที่ไม่ได้ประโยชน์กับใครเลย แต่กลับเกิดโทษกับคนใกล้ตัวเอง ผมก็เลยถือโอกาสเดินทางเพื่อหาข้อมูล พร้อมพาพรรคพวกที่อยู่ในเหตุการณ์ไปเที่ยวหาอะไรกินอร่อยๆไปในตัวด้วย
   ก็เรื่องการโพสข้อความของใครสักคนที่เราไม่น่าจะเอ่ยถึง เขาโพสข้อความที่ไม่ชัดแจ้ง ทั้งสถานที่ วัน เวลา บุคล รวมทั้งจุดประสงค์ที่ทุกคนทั่วไปที่เห็นก็ถามเป็นคำเดียวกันว่า เขาทำเพื่ออะไร ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับตัวเอง แต่กลับเป็นโทษกับตัวเองและเพื่อนพ้องญาติพี่น้องตัวเองอีกด้วย ซึ่งในที่นี้จะขอกล่าวชื่อ บุคล หรือสถานที่ที่คิดว่าอาจจะเกี่ยวข้อง เท่าที่จำเป็น
   ข้อความบนโพสดังกล่าว กล่าวถึงการจัดงานเมื่อสองสามวันก่อน ที่ รร.แห่งหนึ่งในราชบุรี ผู้โพสไม่ได้กล่าวถึงวันเวลาใดชัดเจน หรือบุคลที่เกี่ยวข้อง ถึงสงสัยกันไงว่า ถ้าลำบากต้องคุยอ้อมไปอ้อมมาไม่ระบุตัวตนอะไรให้ชัดเจนแล้วการเสียเวลาลงโพสนี้ทำไปเพื่ออะไร...???
      ก่อนอื่นเราสมมุติกันก่อนว่าถ้าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับงานที่เราไปกัน ตัวละครในเรื่องราวนี้ น่าจะเป็นใครได้บ้าง ผมก็นัดเพื่อนๆที่ไปด้วยในวันนันมาร้องเพลงกินข้าวกันในวันและสถานที่ ที่รุ่นพี่ที่พวกเรานับถือท่านหนึ่งและเป็นผู้กว้างขวางของจังหวัดนี้ ท่านนัดอยากเลี้ยงข้าวมาหลายวันแล้ว และก็เป็นบุคลท่านหนึ่งที่พวกเราคาดว่าน่าจะเป็นคนที่ผู้โพสอ้างถึงว่าเป็นญาติผู้น้องของผู้โพส และถูกจัดให้เป็นผู้แสดงนำในเรื่องราวดังกล่าวนี้เสียด้วยซิ แต่จะเป็นผู้แสดงนำด้านลบหรือบวกค่อยตามมาดูกัน แต่จะใช่หรือไม่ก็ต้องให้เจ้าตัวเขาอ่านโพสและวิเคราะห์เอง โดยไม่มีการชี้นำล่วงหน้า  ว่าถ้าเขาอ่านแล้วคิดว่าใช่งานนี้ที่ผู้โพสกล่าวถึง  แล้วพี่เขาก็ใช่คนที่ผู้โพสกล่าวถึงหรือไม่ ว่าเป็นญาติผู้น้องของผู้โพสที่เป็นผู้มาเป็นเจ้ภาพจัดงาน ที่ รร. ดังกล่าวหรือไม่ ??   ผลจากที่ได้เจอกันพร้อมหน้าในวงกินข้าวกับพวกเรา  เจ้าภาพเลี้ยงข้าวพวกเราท่านนี้ในวันนั้นได้อ่านโพสแล้ว ก็มีความเห็นส้วนตัวว่า งานดังกล่าวที่ผู้โพสกล่าวถึงนั้น ก็น่าจะใช่งานที่พวกเราไปกัน ขอความเป็นได้สัก 70% และญาติผู้น้องของผู้โพสกล่าวถึงก็น่าจะเป็นตัวพี่เขาเอง ความเป็นไปได้ประมาณสัก 90 %( ขอสมมุติชื่อของญาติผู้น้องที่ผู้โพสกล่าวถึงนี่และนั่งอยู่กับเราวันนี้ชื่อ พี่ ก. นะครับ )
        เนื้อหาที่ผู้โพสได้กล่าวถึง คือครูเต้นรำที่ เป็นเพื่อน พี่ ก.และพี่ ก.เชิญมางานวันนั้นด้วย   ผู้โพสลงโพสว่า ครูเต้นรำคนหนึ่งที่มาในงานนี้ ได้แอบกระซิบบอกเรื่องส่วนตัวถึงความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิงสาวสวยที่ไปด้วยให้พี่ ก. ฟัง แอบเล่าตอนที่ผู้หญิงละไปที่อื่น แล้ว พี่ ก.ก็เอามาเล่าต่อให้ผู้โพสฟัง แล้วผู้โพสก็เอามาลงให้อ่านกันนี่แหละ ส่วนเรื่องส่วนตัวที่ครูเต้นรำท่านนั้นแอบเล่าว่าอะไรนะ ผมขอไม่พูดถึงดีกว่า เพราะไม่ทราบว่ามีการพูดจริงหรือไม่ อย่างไร ไม่กล้าถามพี่เขา เพราะเห็นเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ ก.กับเพื่อนนักเต้นรำคนนั้นของเขา  และผมก็ไม่ได้ยินกับหูตัวเองว่าพูดจริงหรือไม่อย่างไร ( แต่....ความเห็นส่วนตัวนะครับ...ถ้ามีการพูดจริงให้ผมได้ยินก็เถอะ โดยมารยาทแล้วผมก็ไม่ควรมาบอกหรือมาคุยต่อ เพราะไม่ใช่เรื่องของเรา พวกเขาก็ไม่ใช่ญาติอะไรของเราด้วย ) เรื่องคร่าวๆก็แบบนี้ละครับ
  ทีนี้มาดูผลของการพูดคุยกันที่พวกเราคุยกัน กับพี่ .ก กับความจริงที่เกิดขึ้นในงานที่ รร.วันนี้น วันนั้นมีครูเต้นรำไปสองคู่ รวมผมซึ่งไม่ได้มีฝีมือระดับครูกะเขาเลย และก็ประกาศมายี่สิบปีในสังคมเมืองไทยทุกที่ว่าผมไม่ใช่ครูเต้นรำ ผมเป็นเพียงแค่ นักธุรกิจที่เต้นรำเป็นเท่านั้น เรื่องนี้เพื่อนทุกวงการในประเทศรู้ดีและรับทราบมานานแล้ว ถึงขนาดมีคนมาเคยจ้างให้สอนแพงกว่าครูอาชิพหลายเท่าผมยังไม่รับเลยเพราะมีอาชิพที่ทำรายได้ได้ดีกว่าเยอะ ทำหมู่บ้านทำบ้านขายอย่างเดียวก็เยอะแยะแล้ว ไม่ต้องมาตะโกนสอนเต้นรำ เก็บเสียงไว้ร้องเพลงดีกว่า  อันนี้เป็นประเด็นแรกที่เราสรุปกัน ประเด็นที่สอง เรื่องการแอบบอกพี่ ก.ถึงเรื่องราวดังกล่าว สำหรับผมแล้วโชคดีที่วันนั้นผมถูกจัดให้นั่งในสุด โดนกันทางเข้าออก ไม่มีโอกาสสักวินาทีที่จะอยู่ใกล้หรือได้นั่งติดกับพี่ ก.เลย และวันนั้น พี่ ก.แกมีที่นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะเพื่อนแกที่เป็นคู่เต้นรำอีกคู่ที่นั่งอยู่ เพราะเป็นเพื่อนกันมาก่อน  หรือเวลาพี่ ก.มานั่งคุยโต๊ะเราก็จะมีที่ประจำของแก มานั่งติดกับพี่ผู้ชายที่เต้นรำเก่งอีกท่านนึง ที่นั่งตรงข้ามผมกับคุณสาวกันคนละมุมโต๊ะกับพี่ ก.เลย แถมเป็นโต๊ะใหญ่ขนาดต้องตระโกนคุยกันถึงจะได้ยิน หนุ่มนักเต้นรำทั้งสองท่านนี่ก็ช่างบังเอิญพาสาวสวยมาทั้งคู่เลยเสียด้วย ยอมรับว่าสวยจริงๆครับ ผมยังชมอยู่ในใจเลย  พวกเราจึงวิเคราะห์ตรงกันว่า เรื่องประเด็นนี้ตัดผมกับสาวออกไปได้เลย ไม่ใช่คนที่แอบพูดอะไรกับพี่ ก.แน่นอน และส่วนตัวผมกับคุณสาวก็ไม่มีเรื่องราวอะไรที่ผิดปรกติถึงขั้นต้องแอบคุยกับคนอื่น และผมกับพี่ ก.ก็ไม่ได้สนิทกันขนาดจะเล่าเรื่องส่วนตัวใดๆให้แกฟัง เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาก็เจอกันไม่กี่ครั้ง  ซึ่งแกก็ยอมรับว่าวันนั้นผมไม่มีโอกาสคุยอะไรกับผมเป็นส่วนตัวเลย และมีความเป็นไปได้ว่าครูเต้นรำที่ผู้โพสกล่าวถึงนั่นน่าจะเป็นหนึ่งในสองท่านนั้นมากกว่า ที่เป็นเพื่อนกับพี่ ก.เขาเองด้วย แต่พวกเราก็รักษามารยาทที่จะไม่ถามพี่ ก.ว่ามีใครเล่าอะไรให้พี่เขาฟังถึงผู้หญิงที่พามาด้วยวันนั้นหรือไม่  เพราะเกรงจะเสียมารยาทที่จะอยากรู้เรื่องของคนอื่นเขา
     สรุปประด็นที่น่าสนใจของเรื่องนี้
1.ครูเต้นรำคนนั้นทำไมเอาเรื่องส่วนตัวของตัวเองกับใครสักคนที่เราคบหาอยู่ไปเล่าให้คนอื่นฟัง ซึ่งไม่ได้เป็นคุณแก่ตัวเองเลย ก็อย่างที่ผู้โพสโพสทิ้งไว้นั่งแหละครับ ว่าเขาเอามาบอกคนอื่นทำไมถึงความลับของตัวเอง จะมีคนที่ทำร้ายตัวเองแบบนี้จริงหรือ??  ผมนะไม่อยากใช้คำว่า ."" คนโง่  "" เลยจริงๆ
2. ผู้รับฟัง( เรื่องนี้สมมุติว่าเป็นพี่ ก.) ที่เพื่อนไว้ใจเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ทำไมเอาไปเล่าต่อให้คนอื่น  (ที่ไม่ได้มีผลได้ผลเสียจากการคบหากันของคู่นี้ ) ฟังต่อ ทั้งๆที่เพื่อนอุตส่าห์ไว้ใจเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง
3 ผู้โพสโพสเรื่องนี้ด้วยเหตุผลอะไร ไม่น่าจะมีผลบวกหรือลบของการคบหากันของคนอื่น ที่ตัวเองก็ไม่รู้จักและไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
     ที่กล่าวมาเป็นผลลบของเรื่องนี้ที่พวกเราทั้งหลายที่ทราบเรื่องในกรุงเทพวิเคราะห์สรุปกัน ส่วนผลบวกจากเรื่องราวนี้ก็เห็นจะมีเรื่องเดียวก็คือ...ผมได้มีโอกาสเห็นน้ำใจ ความห่วงใย จากเพื่อนๆหลายคน แม้กระทั่งผู้หลักผู้ใหญ่ที่เรานับถือทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด มากมายเหลือเกิน เพิ่งทราบว่าเขารู้กันนานแล้ว ส่วนผมกับสาวเพิ่งมาทราบเมื่อไม่กี่วันนี่เอง ตอนแรกก็แว่วๆ ดูเนื้อหาแล้วรู้ว่าไม่เกี่ยวกับเราเลยไม่ได้สนใจ แต่นานไปๆ พื่อนๆชักคุยกันบ่อยขึ้น ดังมากขึ้นเลยหันมาฟังสักหน่อย .จึงเป็นเรื่องให้เราลงมาหาข้อเท็จจริงนี่แหละ
  บทส่งท้ายของเรื่อง เรื่องทั้งหมดนี้ พี่ ก.คนเดียวเท่านั้นว่าที่ทราบว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งไม่มีใครกล้าถามมันเป็นเรื่องของพี่ ก.กับเพื่อนเขา แต่ที่แน่ๆไม่ใม่ผมแน่ๆ ส่วนเรื่องที่พี่เขาเอาความลับเรื่องส่วนตัวไว้ใจเล่าให้ฟังไปเล่าต่อให้คนอื่นนะ พี่เขาทำเพื่ออะไรและทำทำไม นั่นก็ต้องถามพี่เขาเองนะครับ ....แต่ความเห็นของพวกเราทั้งหมดที่ได้รู้จักพี่ ก.มานานทั้วที่กรุงเทพและ ตจว.บ้านเขา เขาเป็นคนดีมากๆๆ มีมารยาททางสังคมสูง เข้าสังคมชั้นสูงมาเยอะจนรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เป็นผู้กว้างขวางและเคารพนับถือของคนในจังหวัดบ้านเขามากมาย พี่เขาไม่น่าจะใช่ที่เอาความลับของเพื่อนไปเล่าต่อ  เมื่อพี่เขาได้อ่านโพสแล้วเห็นว่าตัวเองถูกเอามากล่าวถึงเป็นตัวเชื่อมเรื่องราว แกยังตกใจทำหน้างงๆ พูดแต่เพียงว่าเดี๋ยวผมไปจัดการเอง  แต่พวกเราก็รักษามารยาทมากพอที่จะไม่ถามอะไรต่อที่ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ก็ต้องให้เขาไปจัดการกันเอง แต่พวกเราทั้งหมดจึงสงสัยกันว่า เรื่องที่ทำให้พี่ ก.แกเสียเครดิตเนียะมันเกิดขึ้นจริงหรือ?? หรือเป็นเพียงเรื่องแต่งขึ้น อันเป็นตันเหตุให้ญาติผู้น้องตัวเองต้องเสียเครดิตไป .....หม่องครับ..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น