วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ความคิดแนวพอเพียง

วันนี้มีเรื่องคุยให้ฟังอีกสักเรื่อง เกิดจากประสบการณ์จริงอีกสักเรื่องครับ เมื่อสองวันก่อนผมหางานบ้านทำตามโครงการ ""งานบ้านหนึ่งวันหนึ่งงาน""
    ก็ไปยกพัดลมตั้งพื้นที่มันเสียไปแล้วออกมารื้อดูเผื่ออาการจะไม่หนักหนาจะปลุกมันขึ้นมาใช้งานได้อีก สภาพก็ยัง ok อยู่  พอเอามารื้อดูลวดทองแดงมันกรอบหมดแล้ว บังเอิญตอนนั้นพี่สาวกับแม่มาเยี่ยม เห็นถอดเป็นชิ้นๆ เลยบอกว่าไม่ต้องประกอบแล้ว ให้ไปกองข้างถนนเดี๋ยวคนเก็บขยะก็มาเอาไปเองแหละ แบบนี้เขาไม่ซ่อมกันแล้ว ซื้อใหม่ดีกว่า ผมก็หอบใส่ถุงขยะ เขาจะได้เก็บไปง่ายๆ เอาไปกองริมถนน กลับมานั่งสักพัก กลับมานั่งคิดดูแล้วถามตัวเองว่า คนสมัยนี้ชีวิตมันง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ..??มันเป็นค่านิยมใหม่ ที่คนไทยสมัยนี้เขาคิดแบบนี้เป็นส่วนมากแม้แต่พี่สาวเรา,แม่เราที่เป็นคนเก่าแก่ ก็ยังคิดแบบนี้กัน แล้วมันถูกต้องแล้วหรือ คือของเสียไม่ซ่อมทิ้งแล้วซื้อใหม่....ผมว่าไม่น่าจะใช่นะครับ ยิ่งสมัยนี้กับประเทศไทยที่เศรษกิจกำลังถอยเพราะหารายได้เข้าประเทศไม่ค่อยได้มีแต่เงินออก เราน่าจะฝึกนิสัยการคิดแบบมีเหตุผลในการใช้ความคิดกับการแก้ปัญหาต่างๆให้เยอะกว่านี้
   ก่อนที่คนเก็บขยะจะมาขนเอาไปผมรีบไปเอากลับมาไว้ก่อน แล้วเอาแต่ตัวมอเตอร์อย่างเดียว เตรียมเอาไปพันใหม่ พี่สาวมาเห็นก็ว่ามันจะไม่คุ้มค่าน้ำมันรถเอามอเตอร์ไปพันใหม่ที่บ้านหม้อ (ตอนนั้นไม่รู้ว่าค่าพันใหม่เท่าไหร่ แต่รู้ว่า ค่าน้ำมันรถสัก 100 แค่ตลิ่งชันกับบ้านหม้อไม่เท่าไหร่ ซื้อใหม่ก็ต้องเดินทางเหมือนกัน ส่วนนี้เจ๊ากันไป) ถ้าซื้อใหม่ก็ ประมาณ 1500 ถ้าเอาไปพันใหม่ถึง 7-800ก็ไม่น่าจะคุ้มประมาณว่าเท่าทุนถ้าดูจากสภาพมันด้วยกับเวลาที่เสียไป ถ้าจะให้คุ้มก็หางานอื่นเพิ่มซิ..!ก็เลยปีนขึ้นไปถอดพัดลมเพดานที่มีโคมไฟ(ภาษาอังกฤษเรียกว่า Light-Fan)ที่พัดลมมันเสียมานานแล้ว ตัวงานเสริมนี่กลับยุ่งยากกว่างานเดิมอีกแฮะ..!!หนักก็หนัก ปีนบันได้ถอดอีก แต่เมื่อตั้งใจแล้วไม่ควรทิ้ง เพราะนิสัยแบบนี้ต้องฝึก คือคิดจะทำอะไรแล้วต้องไม่ทิ้งกลางคันเพราะแค่เหนื่อย ,ท้อ
   ถอดออกมาก็รื้อเลย ล้างอุปกรณ์ เหลือแต่มอเตอร์ เอาทั้งสองตัวไปบ้านหม้อ เพื่อนบ้านเลยขอโดยสารเอาลำโพงไปพันใหม่ด้วยคน ไปถึงก็แยกกันร้านใครร้านมัน เพื่อนบ้านไปพันร้านซ่อมลำโพง  แค่วันรุ่งขึ้นเองเขาโทรมาว่าเสร็จแล้ว .อะไรจะเร็วปานนั้นเมื่อก่อนสี่ห้าวันเดี๋ยวนี้เขาขยันทำงานให้ลูกค้าประทับใจขนาดนี้ มอเตอร์พัดลม ขนาดกลางลูกนึง ขนาดใหญ่ลูกนึง ลำโพงเบส อีกหนึ่ง วันเดียวเสร็จ...พระเจ้า...!! ก็รีบไปเอาครับ ของกองเต็มบ้านเกะกะรีบให้มันจบๆไป เอาเพื่อนบ้านไปด้วยไม่อยากยุ่งเรื่องของเขา (ที่เล่าเรื่องเพื่อนบ้านเนียะเพราะมีเรื่องต้องเล่าครับ มีสาระสำคัญเสียด้วย ติดตามต่อไปนะครับ...)
  สรุปผมจ่ายค่าพันมอเตอร์ใหม่ พัดลมตั้งพื้นมอเตอร์ขนาดกลาง 150 (ซื้อใหม่ 1500) ,พัดลมเพดาน 450+ลูกปืนหัวท้ายอีก 50=500(ซื้อใหม่ 4500-5000 ประมาณนั้น) เห็นไหมครับ การทำแก้ปัญหาด้วยสติ ทำให้หาเหตุหาผลเจอ ผมใด้กับได้ประหยัดเงินไปได้ หลายตังค์ ,ของที่เคยเกะกะบ้านใช้งานไม่ได้ก็ใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ ได้พัตนาสมอง ออกกำลังด้วย (กว่าจะถอด กว่าจะรื้อ ทำความสะอาด ประกอบใหม่ติดตั้งใหม่ ไม่เบาเลยนะ ต้องใช้กำลังใจเยอะอีกด้วย) และเหตุผลสำคัญอีกข้อที่ผมคิดก่อนจะเดินออกไปเอากองขยะที่ตัดสินใจทิ้งไปแล้วเอากลับไปซ่อมนั่นนะ คือ ..ถ้าผมทิ้ง คนเก็บขยะก็เอาแต่ละส่วนแยกชั่งกิโลขาย แต่ถ้าได้ใช้งานมันได้ มีค่ามากกว่ากองขยะที่ชั่งกิโลขายหลายเท่านัก อีกอย่าง ถ้าซื้อใหม่ เงินของเราก็ไปจุกอยู่ที่เจ้าของโรงงาน ยิ่งถ้าเป็นแบรนนอก(ต้องนอกอยู่แล้ว เพราะของไทยไม่เห็นจะมี)เขาก็แบ่งเงินของเราเป็นค่าแรงให้คนงานไทยสักหน่อย กับจ่ายภาษีให้รัฐบาลไทยอีกเล็กน้อย ส่วนที่เหลือเข้ากระเป๋าหอบกลับบ้านเขาไป แต่ถ้าเอาไปซ่อม คนไทยระดับรากหญ้าที่เปิดร้านเล็กร้านน้อยซ่อม ก็มีงานทำ มีเงินเข้าครอบครัว ผมว่าเป็นการกระจายรายได้นะครับ ผมว่าถ้าของในบ้านเสีย ถ้ามันไม่เหลือเกินจริงน่าจะซ่อมนะครับ ได้ประโยชน์มากมาย ทั้งทั้งทางตรงทางอ้อม บ้านผมบ้านเดียว ประหยัดเงินไป 3-4 พัน ถ้าสักล้านครอบครัวจะเท่าไหร่ และทำให้คนไทยระดับร้านซ่อมมีรายได้อีกหลายครอบครัว ซื้อใหม่เงินไหลไปให้ต่างชาติ
      อีกเรื่องนี่ซิ...เจ็บ..!!! เจ้าลำโพงที่เพื่อนบ้านเอาไปซ่อม บอกว่าพันใหม่ จ่ายไปเท่าไหร่ไม่ได้ถาม ผมเดินไปดู...เห็นแล้วไม่กล้าทัก แต่แอบโทรไปหาร้านพัดลมผม แอบบอกเขาว่าช่วยไปถามร้านซ่อมลำโพงหน่อยว่าเขาพันใหม่ให้เพื่อนบ้านผมจริงหรือเปล่า ผมว่าจะไม่ไปบอกหรอก แค่ต่อสายอย่างเดียวใช่ไหม เพราะมันไม่เห็นลวดใหม่เลย แถมพันใหม่ต้องได้กลิ่นน้ำยาวานิชเคลือบลวด  คำตอบคือ ..จริง..!!ลักไก่ไม่ได้พันใหม่ ...ดูเถอะ..!!คนไทย...
    ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะมันมีเรื่องสอนใจผมอยู่สองอย่าง คือ เราควรพยายามอุดหนุนคนไทยด้วยกัน อีกเรื่องคือ ฝ่ายร้านค้าที่เปิดบริการ น่าจะมีจิตสำนึก ซื่อสัตย์กับอาชีพตัวเอง ทำแบบนี้ก็ถือว่าทำลายอาชีพตัวเอง และทำลายคนอื่นอีกด้วย ...pjmong...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น