วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

การคิดบวก

  นั่งพักสมองเล่นๆอยู่เลย คิดถึงวันไปงานวันเกิดพี่ที่นับถือ เจ้าของสถานจัดพิธีแต่งงาน หลายสาขา ภายใต้ชื่อ ""เรือนเจ้าสาว"" ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้เคยไปใช้บริการจัดงานให้ลูกหลานมาหลายต่อหลายท่านแล้ว  ท่านพาเพื่อนๆน้องๆ ไปสนุกและทำบุญบริจาคสิ่งของให้เด็กยากจนกันที่บ้านกำแพงเพชร เราเรียกท่านง่ายๆว่า ""พี่น้อย , ศิริพร เปี่ยมไพบูลย์ ""
   ระหว่างรอขบวนใหญ่กำลังเดินทางมาถึง ได้มีโอกาสจริงๆจัง คุยกับพี่น้อย ถึงเรื่องทั่วๆไป พี่น้อยเล่าให้ฟังตอนหนึ่งว่า ....
  เรือนเจ้าสาวสาขาที่ 5 ที่ พระราม 5 เนียะเป็นอะไรที่แปลกมากๆ คือได้ที่ดินมาด้วยสาเหตุแปลกๆ คือ ครั้งหนึ่งพี่น้อยกับครอบครัว (พี่ชีวัน  สามี และลูกๆหลานๆ) ไปเที่ยวเหนือกัน ขากลับที่ ลำปาง พี่ชีวันยืนยันว่าจะกลับให้ได้ แต่หลายคนลงความเห็นว่าให้พักโดย ค้างที่ลำปางก่อน ตกกลางคืน พี่น้อยเข้านอนก่อน ได้ฝันไปว่า มีผู้หญิงหน้าตาเหมือนลูกครึ่งคนหนึ่งเข้ามากอด แล้วถามพี่น้อยว่า อยากได้อะไร ..??พี่น้อยก็ตอบแบบทั่วๆไปว่า อยากให้แข็งแรง ชีวิตมีความสุข แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ยังถามย้ำเป็นนัยๆว่า ขออีกซิ คิดดีๆว่าอยากได้อะไรอีก ในฝันพี่น้อยก็ว่า ก็ไม่เห็นมีอะไรอีก แต่เธอก็ถามย้ำอีกว่า ขอซิ..!! พี่น้อยก็เลยคิดขึ้นมาได้ว่า อยากได้ที่ดีๆ ทำกิจการดีได้เจริญ ราคาถูก เพื่อขยายสาขาเรือนเจ้าสาวเป็นสาขาที่ 5  แล้วพี่น้อยก็ถามกลับไปว่า ที่มาหาเนียะอยากได้อะไรบ้าง.?? เธอตอบว่าอยากทานยำแหนม แค่นี้แหละ พี่น้อยก็ตื่น พี่ชีวันเข้ามา พี่น้อยก็ไม่เล่าให้ฟัง ปล่อยให้นอนที่นอนนั่น หวังว่าพี่ชัวันอาจจะฝันเหมือนพี่น้อยบ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
   รุ่งขึ้นเดินทางกลับ พี่น้อยก็เล่าให้สมาชิกในรถฟัง กลับถึงกรุงเทพ พี่น้อยพี่ชีวัน  เลยนิมนต์พระมาทำบุญอุทิศให้เธอ พร้อมยำแหนมตามที่เธออยากได้ โดยลืมเรื่องที่ดินที่ขอไปแล้ว คิดอย่างเดียวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นจะจริงหรือไม่ หรือ แค่ฝันธรรมดาก็ไม่เป็นไร  แต่เราก็คิดบวกไว้ก่อน ว่าเป็นเรื่องจริง ถ้าไม่จริงก็ถือเสียว่า ทำบุญเลี้ยงพระเป็นศิริมงคลให้ตัวเองและครอบครัว เพราะครอบครัวก็ชอบทำบุญเป็นปรกติอยู่แล้ว 
    หลังจากนั้น ถึงเวลาหาซื้อที่ดิน ก็หาได้ดังใจ ราคาไม่แพง ทำเลที่อยากได้ หลังจากนั้นพื้นที่ข้างเคียงก็ค่อยๆเอาที่ดินมาขอขาย ทีละแปลงสองแปลง สะสมมาเรื่อยๆ และที่ดีที่สุดคือ ที่ตาบอดที่แปลงแรกๆบังอยู่ เจ้าของเอามาขายให้ราคาไม่แพงเลย จนปัจจุบัน "เรือนเจ้าสาว สาขาที่ 5" กำลังดำเนินการก่อสร้าง เพื่อรอเปิดกิจการต่อไป....
     เรื่องนี้ประเด็นที่ผมสนใจไม่ได้อยู่ที่ เรื่องวิญญานที่มาเข้าฝันที่พี่น้อยเล่าให้ฟัง เพราะไม่มีอะไรพิสูตจได้ว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่ในโลกวิทยาศาสตร์สมัยใหม่  แต่ที่ผมสนใจคือ แนวความคิดบวกที่เป็นนิสัยปรกติที่พี่น้อยกับพี่ชีวันทำไปโดยไม่ได้คิดว่าจะได้รับการตอบแทนอะไรหรือไม่ ....ถ้าเรามาลองย้อนดูเรื่องนี้กันใหม่ ถ้าเป็นคนอื่นแม้แต่ผมเองกลับมาถึงกรุงเทพอาจจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ปล่อยเรื่องผ่านไปจนถึงถ้าซื้อที่ได้จริงค่อยมาว่ากัน  แต่การฝึกการเป็นผู้ที่""ชอบให้""จนเป็นนิสัยของครอบครัวนี้ เรื่องนี้ จึงไม่เรียกว่า."จำได้" แต่เป็นธรรมดาธรรมชาติของครอบครัวนี้ ที่ทำบุญ เพื่อให้คนอื่นจนเป็นปรกตินิสัยที่เรียกว่า."ให้จนชิน" กับการที่ตั้งใจไปนิมนต์พระมาทำบุญเป็นเรื่องเป็นราวให้กับเรื่อง เล็กๆที่ใช้เวลาเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาที
   การกระทำตามแนวความคิดแบบนี้ผมเรียกว่า "การคิดบวก "คือทำเรื่องที่คิดว่าดีๆไปก่อน โดยไม่ได้หวังว่าจะได้อะไรกลับมา เป็นลักษณะนิสัยที่ผู้ประสบความสำเร็จเขาทำกันครับ คือ "ให้ไปก่อนแล้วถึงได้ทีหลัง " ตรงข้ามกับลักษณะนิสัยที่ หลายคนที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมักใช้กันคือ.."รอให้เขาให้ก่อนค่อยตอบแทนคืนทีหลัง.."" คนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากจะเลือกนิสัยที่ ""ให้ไปก่อนโดยไม่รู้จะได้คืนหรือไม่ "" แต่จะได้รับความประทับใจจากผู้รับมากกว่า จากการให้ได้รับ ที่เกิดจากการตอบแทน ที่เราเคยให้ไปก่อนแล้ว เรื่องนี้จึงไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า ที่ได้ที่ดินมาตามที่พอใจนั้น เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยหรือไม่  แต่อย่างน้อยสุดท้ายก็ได้มาโดยง่าย ตามที่หวังไว้ ซึ่งถ้าการกลับมาครั้งนั้นพี่ชีวันพี่น้อยไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ทำ ก็อาจจะไม่ได้อะไรตามที่หวัง หรือกว่าจะได้ก็อาจจะยากเย็นแสนเข็นก็เป็นได้
    คนจีนโพ้นทะเลสมัยก่อน อพยพมาเป็นพ่อค้าที่เมืองไทย ส่วนมากแล้ว เริ่มต้นจากการเป็นผู้ให้ก่อน  ข้าราชการสมัยนั้นมีเกียติสูง มักจะได้รับการให้เกียติ การเอาใจจากพ่อค้า สุดท้ายพ่อค้าเหล่านี้ก็เจริญรุ่งเรืองมาถึงลูกหลานสมัยนี้ เพราะจะทำกิจการอะไรก็มีข้าราชการช่วยเหลือสนับสนุน .......
   ต้องกราบขอโทษครอบครัวพี่ชีวัน พี่น้อยด้วยครับ ที่เอาเรื่องที่พี่เล่ามาคุยให้เพื่อนๆฟังโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีน่าเอาเป็นตัวอย่างนะครับ...pjmong

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น