วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

'เปลี่ยนความอิจฉาเป็นการพัฒนาตัวเอง'

เรื่องนี้น่าสนใจมาก ในมุมที่ผมใช้ Social Media ร่วมกับการทำงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้สัมผัสการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยโดยสื่อยุคใหม่อย่างชัดเจน

สังเกตไหมว่า

'เรารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเวลาเราดูโพสการใช้ชีวิตของคนอื่นๆ ว่าทำไม เขาได้ใช้ของแพงๆ ดีๆ กินเที่ยวหรูหรา หรือ หลายคนทำไมสำเร็จร่ำรวยในเวลาอันรวดเร็ว ในขณะที่เราแทบไม่มีโอกาสนั้นเลย'

ทางแก้ ที่ผมนำมาใช้คือ

1. 'มองทุกชีวิตใน Social เป็นละครเรื่องนึง' -- เหมือนดูหนังน่ะ ...ให้เรารู้ไว้ว่า ชีวิตจริงกับ ละครที่เราเห็นมันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

2. ลองตั้งคำถามในสิ่งที่เห็น สิ่งที่เจอใน Social เป็นมุมในการศึกษาหาความรู้ ..เราจะเรียนรู้จากคนที่สำเร็จเร็ว รวยเร็ว ได้อย่างไร ..เพียงเปลี่ยนความอิจฉา เป็นการตั้งคำถามหาเหตุ เราจะพบว่า เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากมัน เช่น เราเห็นคนอายุน้อยสร้างธุรกิจเป็นร้อยเป็นพันล้าน ลองตั้งสิ่งนั้นเป็นโจทย์ แล้วค่อยๆ ตอบว่า 'คนนั้นเขามีปัจจัยสู่ความสำเร็จอะไรบ้าง เขียนออกมาเป็นข้อๆ'

ใช่!! ผมทำแบบนี้ตลอดเวลา มันได้ประโยชน์ไม่แพ้การหาหนังสือดีๆ สักเล่มมาอ่านเลยแหละ

ใช้ Social ให้เกิดประโยชน์ ใช้มันสร้างความรู้ อย่าใช้เพื่อทำลายตัวเอง !!
 
          xxxxxxxx                                      xxxxxxxxx
  

     'วิธีดูว่า เราจะสำเร็จจากงานที่ทำหรือไม่ ดูง่ายๆ และได้ผลสุดๆเลยคือ

หนึ่ง 'เราทำงานจนลืมตัว' เพราะงานมันสนุกจนเหมือนไม่รู้สึกว่าทำงานอยู่ 'อ้าว!! หมดวันแล้ว ลืมกินข้าวเลย ..บ้าจริงเชียว!!'

สอง 'รู้ตัวตลอดที่ทำงาน' รู้ว่าเซ็ง รู้ว่าเบื่อ นั่งมองเข็มนาฬิกาว่าเมื่อไหร่เวลานรกนี้จะผ่านๆไป จะได้หยุดพักไปเที่ยว ผ่อนคลาย ไปใช้ชีวิตในแบบที่ใจต้องการ

คนที่หนึ่ง คุณอยู่ถูกงาน ถูกที่ ..ทำต่อไป เพราะเดี๋ยวก็สำเร็จ ขอให้เดินหน้าต่อไป แต่อย่าลืมกินข้าว เดี๋ยวโรคกระเพาะจะถามหาก่อนรวย 'ทำต่อไป'

คนที่สอง คุณต้องเปลี่ยน ถ้าไม่เปลี่ยนตัวเอง ก็ต้องเปลี่ยนความคิด หรือไม่ก็เปลี่ยนงาน ..เพราะเส้นทางนี้มันไม่ใช่ทางสู่ความสำเร็จในงาน

สรุป 'หาจุดที่ทำงานแล้วสนุก จนลืมตัวว่า นี่คืองาน ..จุดนี้เรียกทางเดินสู่ความสำเร็จ' ..ลองสำรวจดูซิครับ

'งานคือการอธิบายตัวเรา ผ่านสิ่งที่เราทำ ..นั่นแหละนิยามของงานที่ดี!!'

                                                   xxxxxxx                                 
            

'สร้างรายได้โดยไม่เพิ่มหนี้ ทำได้ไหม ?'

โห!! ถ้าทำได้ก็ ชิว ดิ ..Slow Life แน่นอน ไม่ต้องถามเลยครับพี่น้อง

ว่าแต่ มันทำได้ไหมล่ะ - 'เพิ่มหนี้ แต่ไม่เพิ่มรายได้' อันนี้ง่ายใครๆ ก็ทำ

แต่ถ้า 'เพิ่มรายได้ แต่ไม่เพิ่มหนี้' มีแนวทางดังนี้

1. เป็นลูกจ้างไง ทำงานให้เก่งขั้นเทพ เก่งกว่านาย เก่งกว่าคู่แข่ง นำหน้าลูกค้า ..แต่ไม่ง่าย ...ยากโคตรๆ (ขอร้องล่ะ)

2. เป็นลูกจ้าง แล้วหาธุรกิจเสริมทำ ..ก็เริ่มธุรกิจที่ลงทุนน้อยๆ ฝึกฝีมือก่อน (ท่องไว้ ถ้ายังไม่เก๋าอย่าลงเงินเยอะ ไม่งั้นจะเจ็บหนัก)

3. ลงทุนโดยไม่กู้ ..อาศัยลงทุนเวลามีวิกฤต แล้วทนรวยให้นาน จริงๆ แนวทาง 'ออมในหุ้น' คือแนวทางนี้

4. ร่วมทำธุรกิจในมุมที่ปรึกษา ใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเราให้เป็นประโยชน์ต่อนักธุรกิจคนอื่น

5. หาความรู้เพิ่มให้มาก แล้วทุกข้อที่กล่าวมาจะค่อยๆ ชัดขึ้น จนคุณร้องว่า 'รู้งี้ทำนานแล้ว'

                                             xxxxxxxxxxx

              'บางคนบอกทุกวันนี้ งานหนัก ธุรกิจยาก' ..อยู่ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจทั้งโลก - คุณรู้ไหมว่าเราโชคดีแล้ว !!

พ่อผมสอนว่า 'ถ้าเอ๊งอึดอัด แปลว่า เอ๊งกำลังเติบโต
..ถ้าชีวิตกำลังเข้าสู่ขาขึ้น ก็เหมือนเดินขึ้นบันได เหงื่อมันต้องไหล แต่มันเจริญ ..ที่น่ากลัวคือ ตอนเดินสบายๆ นั่นอาจเป็นขาลงของชีวิต ที่กำลังเดินลง'

อย่าไปกลัวการเปลี่ยนแปลง เพราะมันคือโอกาส
อย่าไปกลัวความผิดพลาดเพราะมันคือบทเรียนที่ดี

'การทำนายอนาคตที่แม่นยำที่สุด ก็คือ สร้างอนาคตนั้นขึ้นมาเอง ..จุดที่แย่ที่สุดก็ที่เอ๊งยืนนั่นแหละ ..ชีวิตไม่เห็นยาก ก็แค่ก้าวขึ้นไป ..อึดอัด ..เหงื่อไหล ..เดินขึ้นไปก็เท่านั้นแหละ !                  

                                      xxxxxxxxxx

              พ่อผมสอนไม่เหมือนใคร คิดอะไรก็แปลก ทำอะไรก็แปลก ..พ่อสอนว่า

1. 'ดีคือเสีย เสียคือดี' ถ้าไม่ขยายความเป็นเรื่องแน่ เพราะไม่รู้เรื่อง ...แต่พ่อสอนผมว่า อะไรที่มันดีอยู่แล้วไม่ต้องไปยุ่ง เพราะนั่นคือกับดัก ...โอกาสที่จะทำสิ่งนั้นแล้วแย่มันมีสูง (คนเขาทำดีอยู่แล้ว ถ้าเราพลาดนิดเดียว ซวยหนักแน่นอน)  ..แต่ถ้าอะไรมีวิกฤต หรือ ย่ำแย่ ให้เลือกทำงานนั้นเพราะมันคืองานแห่งโอกาส ..ของแย่ อย่างห่วยก็แย่เหมือนเดิม แต่ถ้าเราพลิกฟื้นมันได้ เราจะได้เป็นฮีไร่ !!

2. 'งานที่ทำไม่เสร็จ ถึงจะดีแค่ไหนก็ไม่มีคุณค่า' อันนี้สอนเด็กเรียนอย่างผม ที่ชอบความสมบูรณ์แบบว่า บางครั้งงานที่เสร็จ มันดีกว่างานสมบูรณ์แบบที่ทำไม่เคยเสร็จ ...ทำอะไรให้มันได้ผลงาน สร้างผลงาน แม้ไม่ได้ดีทุกชิ้น แต่เราก็โชว์ความมุ่งมั่นตั้งใจให้โลกรับรู้

3. 'ทุกอย่างสุดท้ายเปลี่ยนเป็นขยะ ส่วนอะไรที่ไม่ใช่ เก็บสะสมสิ่งนั้นไว้ เราจะเป็นคนรวย' ...อันนี้สอนเรื่องการจ่ายเงินให้รวยขึ้น อย่าซื้อขยะ ให้ซื้อ Asset

4. 'คนที่ทำงานง่าย ไม่ใช่คนยิ่งใหญ่' ..งานยาก งานที่ลำบาก ไม่มีใครทำมาก่อน ไม่มีคนอยากทำ นี่คือ งานของคนยิ่งใหญ่

5. 'อย่าให้เพื่อนยืมเงิน เพราะนั่นคือการทำลายมิตรภาพอย่างแท้จริง' ...พ่อสอนว่า วิธีทำให้เพื่อนสนิทเลิกคบเราง่ายที่สุด ก็คือ ให้เขายืมเงิน ...ถ้าอยากช่วยจริงๆ 'ให้ไปเลย อย่าให้ยืม'

ความเด็ดของพ่อผม คือ ไม่ใช่แค่พูดสอน แต่ปฏิบัติตัวเองเป็นแบบอย่าง ..นั่นคือ การสอนที่ดีที่สุด 'เป็นต้นแบบ'
               

                                           xxxxxxxxxxxxxx

                     เที่ยวเปลี่ยนชีวิต !! -- 'ท่องเที่ยวนี่มันมีประโยชน์ ยังไง ? ...ยุคนี้ถ้าถามคนรุ่นใหม่ว่า ให้เลือกออมเงิน กับเลือกไปเที่ยวต่างประเทศ ..แน่นอน ส่วนใหญ่เลือก เที่ยวอยู่แล้ว !!'

นั่นไม่ใช่ปัญหา ...แต่มันมีเที่ยวอยู่ 2 แบบ
คือ หนึ่ง เที่ยวแล้วไม่ได้อะไร กับ สอง เที่ยวเพื่อเปลี่ยนชีวิต

'เที่ยวเปลี่ยนชีวิต คือ เสียเงิน แต่ได้ประโยชน์ ..เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของการท่องเที่ยว คือ

สอนให้เรามีเป้าหมาย - สอนให้เรารู้จักจัดการตัวเอง - สอนให้เราเรียนรู้จากสิ่งรอบตัว - และที่สำคัญ คนเรามักจะหา Passion เจอ จากการเดินทาง'

หลักการเที่ยวเปลี่ยนชีวิต มีหลักคร่าวๆ ดังนี้

1. เปิดใจเรียนรู้ วิถีชีวิตของผู้คนที่แตกต่าง แล้วตั้งคำถามเช่นว่า 'ทำไมคนญี่ปุ่น ทำแบบ นั้นฟระ ?'

2. หยิบสมุดไดอารี่ขึ้นมาแล้ว จดคำตอบ ..ตองด้วยตัวเองว่า 'ทำไมเขาทำแบบนั้น ฟระ?'

3. จดให้ได้ 10 ข้อ เช่น '10 พฤติกรรม ความแปลกของพ่อค้าจีน ..1. ขายของถูก แต่คุณภาพห่วยอย่างน่าประหลาดใจ (เคยตั้งคำถามไหมว่า นาฬิกา Rolex ปลอมที่ซื้อ ทำไมมันหยุดเดินทันที ที่เครื่องบินเราบินออกจากเมืองจีน ..ถูกจริง คุณภาพตามนั้นเอง) 2. ซื้ออะไร ได้อีกอย่าง (เราโดนหลอกเสมอ) 3. ... : พอจดครบ 10 ข้อ เชื่อไหมว่า เหมือนเราได้หนังสือ Inside China ใบแบบที่เราเขียนเอง) -- หนังสือที่เราเขียนเองแบบนี้ สุดยอดทรงคุณค่า !!

4. หาโอกาสจากการท่องเที่ยว ...'โอกาสมันมาจากปัญหา ..เมื่อเราเจอปัญหาระหว่างการเดินทาง นั่นคือโอกาสที่รอการแก้ไข รอธุรกิจแบบใหม่มาแก้ไขมัน'

5. หาของสะสมบางอย่างให้เป็นตัวแทนของการท่องเที่ยวครั้งนั้น ..ของชิ้นนี้จะเป็นตัวแทนการบอกเล่าเรื่องราว และการบอกเล่าเรื่องราวนี้เอง ที่เป็นพื้นฐานที่จำเป็นของธุรกิจทุกอย่างในโลก  ...ถ้าคุณเล่านิทานไม่เก่ง คุณเสียเปรียบมากในโลกยุคนี้

ลองทำดูซิ 'การเท่ียวครั้งหน้า อาจเปลี่ยนทั้งชีวิตคุณเลยก็ได้'

                               xxxxxxxxx

             

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น