หวังว่าไม่ได้เป็นบทความทางการเมืองนะครับ เพราะไม่ได้เชียร์ฝ่ายไหนว่าถูกผิด แต่ห่วงเยาวชนไทย ห่วงอนาคตของประเทศเราเป็นส่วนรวม
บทความนี้ผมเขียนขึ้นเอง จากความคิดของตัวเอง ..ไม่กล่าวว่าใคร เพียงอยากให้คนที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรียกตัวเองว่าปัญญาชนแล้ว ค่อยๆลองคิดดู
ความหมายของนักเรียนกับนิสิต นักศึกษา...:
นักเรียน หมายถึง ผู้เรียนในโรงเรียนระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา
นิสิต และ นักศึกษา หมายถึง ผู้เรียนในระดับอุดมศึกษา (นิสิตเป็นคำที่ใช้เฉพาะในสถาบันอุดมศึกษาบางแห่งเท่านั้น)
ถ้าคิดง่ายๆหน่อยก็น่าจะเป็นว่า นักเรียนคือวัยเรียนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ถ้าทำผิดก็ขึ้นศาลเยาวชน หรือไม่ก็สถานดัดสันดาน ส่วนนักศึกษาเป็นผู้เรียนที่มีความคิด ผิดชอบชั่วดีแล้ว บรรลุนิติภาวะแล้ว..
เรื่องนี้ผมทำงานไปก็คิดไป..ทำไมประเทศไทยถึงโชคร้ายขนาดนี้ ? เด็กนักเรียนวัยที่ยังใส่กระโปรง ผูกหูกระต่าย ใส่กางเกงขาสั้น วิชาแคลคูรัส ก็ยังไม่รู้จักกันเลย แต่ออกมาเดินขบวนเรียกร้อง เรื่องการเมืองที่ ผู้ใหญ่ระดับประเทศคุยกันไม่เข้าใจ ตัดสินใจอะไรกันไม่ได้.. !!!
เรื่องนี้มันบ่งบอกอะไร? มีนัยสำคัญแค่ไหน? ในสายตาชาวบ้านอย่างผม ??..
ความจริงวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆและลามไป ตจว. หลายโรงเรียนใน ตจว.ต้องปิด เด็กนักเรียนหลายคนไม่ยอมเข้าเรียน เพียงเพื่อไปจะร่วมเข้าม็อบ ...
1. ถ้าเด็กเหล่านี้ถูกครอบงำมา จากผู้ใหญ่ทั้งคนไทยด้วยกันเองหรือพวกฝรั่งตาน้ำข้าว คนเบื้อหลังเหล่านี้ก็ถือว่ามีความคิดเห็นแก่ตัวเป็นที่สุด ที่เอาความต้องการของตัวเอง ยัดใส่สมองที่บริสุทธ์ของเยาวชนไทยมาทำลายพ่อแม่ ลุง ป้า น้า อา ของพวกเขาเอง กะให้ทำลายไปถึงระดับสูงๆ ระดับที่เกินกว่าผู้ใหญ่อย่างเราๆจะบังอาจเอื้อมไปถึงเสียอีก พวกเบื้องหลังเหล่านี้ มันรู้ว่า เด็กทำผิด ถือว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถ้าเป็นคดีก็ยังให้แค่เข้าดัดสันดาน อย่าลืมนะว่า เด็กวัยนี้ ทำความผิดร้ายแรงแค่ไหนก็ตาม ก็ยังได้รับพิจารณาโทษบนตรรกะที่ว่า ""รู้เท่าไม่ถึงการณ์"" หรือ ."".คะนองไปตามวัย.."" มันใช้พลังบริสุทธิ์เหล่านี้ทำลายบ้านเมือง ทำลายลุงป้าน้าอาพวกเขาเอง อาศัยความจริงที่ว่า เด็กๆเหล่านี้ทำเลวแค่ไหน พ่อแม่ ผู้ใหญ่ก็ต้องอภัย แต่รู้ไหม? นอกจากผลร้ายที่เด็กๆทำแล้ว ยังมีความคิดใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ที่ฝั่งไว้ในสมองเด็ก ตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้
ที่ฮ่องกง วัยปัญญาชน ก่อม็อบกันจนป่นปี้ มาดูเมืองไทยกับเลวร้ายกว่าอีก ที่ใช้วัยเด็กอายุน้อยลงไปอีก มาก่อม็อบเดินขบวน ..คนที่คิดทำแบบนี้ มันช่าง.....!!!..จริงๆ..!!.
หรือ 2. ถ้าเด็กๆเหล่านี้บางคน ออกมาเรียกร้องด้วยความคิดจริงๆของเขาเองละ..? มันหมายถึงอะไร? ประเทศเราเกิดอะไรขึ้น..?? ที่ผู้ใหญ่วัยบริหารประเทศ คุยกันไม่ได้ ตัดสินกันไม่ลงตัว ต้องให้เด็กวัยที่ ยังต้องแบมือขอตังค์แม่ใช้ ควรเรียนหนังสืออยู่ในห้องเรียน ต้องออกมาเรียกร้องอะไรกันเองแบบนี้ พวกผู้ใหญ่ทั้งหลายควรก้มมองตัวเองได้หรือยัง..?? หรือยังดื้อแพ่ง คิดว่าตัวเองถูกเสมอด้านเดียวอยู่?
ส่วนตัวผมไม่อาจฟันธงได้ว่า อะไรเหมาะหรือไม่เหมาะ แบบไหนถูกหรือผิด.?? ฝ่ายไหนควรอยู่หรือไป .?? ไม่อยากยุ่งเรื่องการเมืองที่ซับซ้อนจนตามไม่ทัน ... แต่ที่แน่ๆ มิติใหม่ทางการเมืองได้เกิดขึ้นเป็นแห่งแรกในโลกคือ ที่ประเทศไทย ที่เด็กๆวัยเรียนหนังสือ วัยที่ขบวนการคิดยังไม่เป็นหลักเป็นการ วัยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ อาสาสมัครออกมาเดินเรียกร้องทางการเมือง ซึ่งหน้าที่นี้มันน่าจะเป็นวัยผู้ใหญ่เขาทำกันเหมือนนาๆประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ
ปล่อยให้การเมืองเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เถอะครับ ช่วยๆกันหาวิธีให้เด็กๆกลับไปอยู่ในโรงเรียน อยู่ในโอวาทของพ่อแม่เป็นอย่างที่มันเคยเป็น
ก็...ไม่อยากให้ผู้ใหญ่ หลายๆคนฝังหัวตัวเองว่า เด็กมันผิด..!! มันไร้สาระ..!! การกระทำพวกมันหาสาระไม่ได้..!! อย่าไปสนใจ..!! ไร้สาระ..!! ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ไอ้ความไม่มีสาระ ไร้ความคิดนี่แหละ ถ้ามันเกิดอารมณ์เอาชนะ ควบคุมตัวเองไม่ได้ตามวัยคนองของพวกเขา แถมไปอยู่รวมกัน เจอทั้งแรงยุ แรงกระตุ้น ฯลฯ เกิดทำอะไรบ้าๆประชดผู้ใหญ่ กันขึ้นมา มันจะกลายเป็นข่าวใหญ่ที่เลวร้ายไปไกลเลยละครับ...ผมว่าบรรยากาศตอนนี้ ทุกฝ่ายคงต้อง ใช้วิธีที่ละเอียดรอบมากๆหน่อยเลยละ จะตอบ จะแก้ จะให้สัมภาษณ์อะไรก็ควรต้องระวังความคิด ระวังคำพูด ระวังแม้กระทั่งสีหน้าท่าทาง ระวังอารมณ์กันมากหน่อย ไม่อยากให้มีเรื่องที่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้...!!.pjmong..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น