5 สมุนไพรไทย...พิชิตความดันโลหิตสูง
“กระเจี๊ยบแดง” ความโดดเด่นของกระเจี๊ยบ คือ ไม่ว่ากระเจี๊ยบแดงจะงอกงาม ณ
ประเทศไหน คนในประเทศนั้นจะมีการใช้กระเจี๊ยบแดงที่เหมือนกัน คือ ใช้เป็นยาลด
ความดันโลหิต เป็นยาขับปัสสาวะ และยังเชื่อว่ากระเจี๊ยบแดงมีสรรพคุณในการ
บ ารุงไต และหัวใจ จากการทดลองในสัตว์และมนุษย์ พบว่า กระเจี๊ยบแดงสามารถ
ลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ขับยูริค รวมทั้งลดการอักเสบของระบบทางเดิน
ปัสสาวะภายหลังการผ่าตัดในไตได้ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าการดื่มชากระเจี๊ยบวัน
ละ 2 - 3 ครั้ง สามารถลดความดันโลหิต diastolic ลงตั้งแต่ร้อยละ 7.2 ถึง 13 เลยทีเดียว ดังนั้น ชากระเจี๊ยบจึงเหมาะ
อย่างยิ่งส าหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง นักวิทยาศาสตร์วิจัยพบว่า การที่กระเจี๊ยบแดงสามารถลดความดันโลหิตได้
เนื่องมาจากสาร “แอนโธไซยานิน” (anthocyanins) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการท างาน และสร้างความแข็งแรงให้กับ
หลอดเลือดนั่นเอง
“คึ่นไฉ่” ชาวเอเชีย นิยมใช้คึ่นไฉ่เป็นยาลดความดันโลหิตมากว่า 2000 ปีแล้ว ชาวจีน
ชาวเวียดนามแนะน าให้รับประทานคึ่นไฉ่วันละ 4 ต้น เพื่อรักษาความดันให้เป็นปกติ
แพทย์อายุรเวทในอินเดียจะสั่งจ่ายเมล็ดคึ่นไฉ่เพื่อขับปัสสาวะส าหรับผู้ป่วยที่บวมน้ า
ปัจจุบันมีการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่า คึ่นไฉ่มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ
ลดบวม คุมก าเนิด ลดจ านวนอสุจิ ลดระดับน้ าตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ยับยั้งการเกิดมะเร็ง ยับ
บั้งเนื้องอก ต้านการอักเสบ ท าให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว ขับระดู เป็นต้น
“บัวบก” เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากบัวบก
ท าให้การไหลเวียนของเลือดทั้งในหลอดเลือดด าและเส้นเลือดฝอยมีการไหลเวียนดีขึ้น
มีคุณสมบัติขยายหลอดเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี จึงสามารถลดความดันโลหิต
ได้ทั้งนี้ มีรายงานการวิจัยที่สนับสนุนว่า สารสกัดเอทานอลจากต้นบัวบก มีฤทธิ์ลด
ความดันโลหิตในหนูข่าวเมื่อให้ทางหลอดเลือดด า น้ าคั้นจากต้น และสารสกัดด้วยน้ ามีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในหนูขาว
และสุนัข บัวบกยังท าให้หลอดเลือดด าและเส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อคนที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดและ
คนที่เป็นริดสีดวงทวาร นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อระบบประสาท ท าให้การเรียนรู้ดีขึ้น มีฤทธิ์คลายความเครียด ซึ่งฤทธิ์
คลายความเครียดนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูงด้วย
“คาวตอง หรือพลูคาว” หมอยาทั่วไป ทั้งอีสาน ภาคเหนือ หรือไทยใหญ่มีความเชื่อ
ว่าการกินคาวตองสดๆ กับน้ าพริก ลู่ ลาบ หรือใช้รากต้มกับปลาไหล รากต าเป็น
น้ าพริกกินจะเป็นยารักษาโรคได้ เช่น ช่วยรักษาความดันโลหิตสูง ริดสีดวงทวาร แผล
ในกระเพาะอาหาร พลูคาว นับเป็นผักสมุนไพรที่มีการศึกษาวิจัยและจดสิทธิบัตรมาก
ตัวหนึ่ง ซึ่งจากการวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ต่างพบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของพลูคาวเช่นเดียวกับการใช้ประโยชน์ของหมอ
ยาพื้นบ้าน ในประเทศเกาหลีก็ได้มีการใช้พลูคาวเป็นยาลดความดันโลหิตสูง ภาวะหลอดเลือดแข็งตัวเนื่องจากมีการ
สะสมของไขมัน (atherosclerosis) และมะเร็งอีกด้วย
“มะรุม” นับเป็นอาหารสุขภาพที่เหมาะส าหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมากที่สุด โดยจากประสบการณ์การใช้ของ
ชาวบ้านทั้งในไทยและต่างประเทศ และการศึกษาทางเภสัชวิทยา พบว่า ส่วน
ของใบและรากของมะรุม มีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิตได้ รวมทั้งพบ
สารส าคัญที่ออกฤทธิ์ลดความดันโลหิต เช่น niazinin A, niazinin B,
niazimicin และ niaziminin A and B
ส าหรับต ารับยาแก้ความดันโลหิตสูง ซี่งต้องกินอย่างต่อเนื่อง เช่น
- ต ารับที่ 1 น ารากมาต้มกินเป็นซุป
- ต ารับที่ 2 น ายอดมาต้มกิน
- ต ารับที่ 3 น ายอดอุ๊ปใส่เนื้อวัวกิน ซึ่งต้องเป็นเนื้อวัวเท่านั้น
- ต ารับที่ 4 น ารากมะรุมต้มกับรากย่านางกิน
- ต ารับที่ 5 ใช้ยอดมะรุมสด โดยจะเป็นยอดอ่อนหรือยอดแก่ก็ได้ น ามาโขลกคั้นเอาน้ า (ถ้าไม่มีน้ าให้เติมน้ าลงไป
พอให้เหลวข้น) ผสมน้ าผึ้งพอหวาน กินวันละ 2 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว ยานี้จะช่วยลดความดัน เมื่อหยุดกินยา
ความดันโลหิตก็เพิ่มขึ้นมาอีก จึงต้องกินอย่างต่อเนื่อง